NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่840 เป้าหมายคือเซี่ยจือชิว

บทที่840 เป้าหมายคือเซี่ยจือชิว

เซี่ยจือชิว

“อ้ะ!เจ็บมาก!”

ภายในรถที่เสียรูปไปแล้ว หลี่ฝางกุมศีรษะตัวเอง เวลาล่วงเลยไปนานเขาจึงได้สติ

ความรุนแรงตอนรถเกิดอุบัติเหตุ แม้ดูจากสมรรถภาพทางกายของเขา แต่ก็ไม่อาจมองข้าม

ส่วนเซี่ยจือชิวที่อยู่ด้านข้าง เนื่องจากได้รับการเตือนก่อนจากเขาจึงป้องกันได้ทัน ไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสอะไร

ทว่าคนขับที่ตกใจมากด้านหน้า เพราะเขาลนลานจึงทำให้ศีรษะตรงไปกระแทกกับพวงมาลัย หลี่ฝางยืดคอไปมองทางเบาะด้านหน้าเห็นเขาเลือดค่อยๆไหลออกมา

“ลงมา!”

ความรู้สึกเย็นยะเยือกนั่นอีกแล้ว หลี่ฝางที่กำลังจะขยับตัวก็แข็งทื่อ ค่อยๆหันมองออกไปนอกหน้าแตกที่แตกละเอียด เห็นชายผิวขาวรูปร่างกำยำคนหนึ่ง กำลังมองตนด้วยสายตาระแวดระวัง

อีกด้านหนึ่ง นอกหน้าต่างรถฝั่งเซี่ยจือชิว มีปลายกระบอกปืนเล็งอยู่บนหน้าผากเขาเช่นกัน

“พวกแกเป็นใคร?”

หลี่ฝางค่อยๆลงจากรถตามคำสั่งของคนขาว พลางถามขึ้น

ถ้าอีกฝ่ายมีปืนแค่1-2กระบอก สำหรับหลี่ฝางแล้วไม่ได้ขู่อะไรได้มากนัก แค่ความเร็วของอาวุธเขา ก็ทำให้เขามั่นใจกับการคาดเดาล่วงหน้าก่อนที่อีกฝ่ายจะลั่นไก

แต่การขนาบข้างรถเมื่อครู่นั้น เห็นได้ชัดว่ามีรถSUV4คัน ก็เท่ากับว่าอีกฝ่ายอย่างน้อยมี4คน

หลังจากหลี่ฝางลงจากรถ กลับพบว่าสถานการณ์ไม่ได้ดีอย่างที่ตนคิดไว้ เพราะจำนวนคนนั้นมากกว่าที่ตนคิดไว้เป็นเท่าตัว

ทั้งหมดมีชายผิวขาวถือปืน8คน ยืนประกบรอบด้านของรถ ทุกคนล้วนมองตนด้วยสายตาระแวดระวัง

หลี่ฝางยังสังเกตเห็นอีกว่าปืนในมือของแต่ละคนนั้นดึงประกันออกแล้ว มันดูเหมือนว่าทันทีที่หลี่ฝางขยับแม้แต่นิดเดียว ก็จะเหนี่ยวไกปืนในมือพร้อมกันทันที

“สิ่งที่ไม่ควรถามก็อย่าถามมาก”

ชายผิวขาวที่อยู่หน้าสุดพูดตักเตือนหลี่ฝาง ด้วยภาษาจีนกลางสำเนียงแปลกๆ

“ฮ่าๆ!ลูกพี่ทั้งหลาย จะเอาทรัพย์สินหรือเงินทองล่ะ!พวกคุณอยากได้อะไรก็บอกมาเลย ผมไม่ปฏิเสธแน่นอน”

หลี่ฝางหัวเราะออกมา เรียนรู้มาจากคนขับรถก่อนหน้านี้

“เอาตัวเป้าหมายไป”

ชายผิวขาวที่เป็นผู้นำยังคงออกคำสั่งเป็นภาษาจีนกลาง จากนั้นก็มีคน2คนเดินมาเอาตัวเซี่ยจือชิว

“พวกคุณไม่ได้มาจับผมเหรอ?”

สถานการณ์นี้ ทำเอาหลี่ฝางที่ประสบอันตรายมาทุกรูปจนชินแล้วถึงกับอึ้งไปเลย ขณะเดียวกันก็คิดหาวิธีแก้ไขทางตันนี้ยังไงดี

ดูแล้วอีกฝ่ายยังมี8คนเหมือนเดิม และคิดไม่ถึงว่าคนที่มาจัดการเซี่ยจือชิวนั้นไม่ใช่จากสี่ตระกูลใหญ่ งั้นก็คงไม่ใช่จากสำนักหยิ่งซา แต่ปัญหาคือคนตรงหน้าหลี่ฝางคือศัตรูที่ไม่รู้จักเลยแม้แต่น้อย ไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายมีแผนอะไร

“ไป มือจับศีรษะแล้วนั่งยองลงกับพื้น”

เมื่อเผชิญกับความสงสัยของหลี่ฝาง อีกฝ่ายก็ยกปืนขึ้น ให้หลี่ฝางเชื่อฟังที่พวกเขาพูด

และในขณะที่ปลายกระบอกปืนของอีกฝ่ายยกขึ้น จิตใจที่ผ่อนคลายของหลี่ฝาง ก็ตื่นตระหนกขึ้นมาทันที แทงเขาไปที่หน้าท้องของฝ่ายตรงข้ามจังๆ

“ปัก!”

แทงเข่าอย่างไม่มีการออมมือใดๆ เผยพลังทำลายล้างอันน่าสะพรึงกลัว ตัวของชายผิวขาวโค้งงอเป็นกุ้งแห้งทันใด ลอยกระเด็นออกไป และกระอักเลือดออกมากลางอากาศ

ส่วนปืนพกของเขาก็หลุดออกจากมือ เพราะเหตุการณ์ที่เกิดอย่างฉับพลันนี้ เมื่อหลี่ฝางคว้าได้ ก็ยิงไปทั้งทางซ้ายและขวาอย่างไม่ลังเล

ทั้งสองตำแหน่งนั้น เป็นตำแหน่งของชายผิวขาวอีกสองคน ที่หลี่ฝางจำได้ขึ้นใจ

“ปัง!”

“ปัง!”

หลังจากยิงติดต่อกันสองนัด บนหน้าผากของชายผิวขาวทั้งสองก็ปรากฏเป็นรูสีแดงฉาน สายตาค่อยๆคล้อยหายไป เหมือนเป็นการประกาศว่าตายไปแล้ว

เหตุการณ์นี่ทำเอาชายผิวขาวอีก5คนตกตะลึง พวกเขาต้องการยืนยันสิ่งที่เกิดขึ้น แต่หลี่ฝางกลับฉวยโอกาสนี้ฆ่าทั้งสามคนในทันที

เขาเคลื่อนไหวเร็วมาก ดูเหมือนลั่นไกภายในเสี้ยววินาที แต่เขาก็ไม่ค่อยแม่นเท่าไหร่ ยิงตายไปแค่สามคนที่อยู่ด้านหลัง ส่วนอีกสองคนเพราะห่างกันค่อนข้างมาก และยืนข้างเซี่ยจือชิว หลี่ฝางกลัวว่าจะยิงโดนหลี่ฝาง พวกเขาจึงหลบไป ทำให้หลี่ฝางยิงเสียเปล่าไป

ชายผิวขายที่ไม่รู้ที่มาที่ไปทั้ง8คน ตอนนี้เหลืออยู่แค่2คนที่คุมตัวเซี่ยจือชิวไว้

“หยุดนะ พวกแกอย่าเข้ามา ไม่งั้นฉันฆ่าเขาซะ”

การตายอย่างฉันพลันของเพื่อนร่วมงาน ทำให้ชายผิวขาวที่เหลืออยู่สองคนมีท่าทีหวาดกลัว แต่ก็ไม่ได้ตื่นตระหนก คนหนึ่งจ่อปืนไปที่เซี่ยจือชิว อีกคนจ่อไปที่คนอื่น ค่อยๆถอยหลังไป

ตอนนี้พวกเขาเข้าใจสถานการณ์ของตัวเองเป็นอย่างดี แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะใช้ปืนพกขนาดเล็กๆสองกระบอกนี้ ต่อสู้กับหลี่ฝางผู้เป็นศัตรูอันเก่งกาจ ที่จัดการเพื่อนพวกเขา6คนได้ในพริบตา อยากรอดและทำงานให้สำเร็จในเวลาเดียวกัน คงมีทางเดียวคือใช้เซี่ยจือชิวเป็นตัวประกัน

พวกเขาเชื่อว่าขณะเซี่ยจือชิวตกอยู่ในอันตราย คนตรงหน้าไม่กล้าทำอะไรแน่

และความเป็นจริงความคิดของชายผิวขาวทั้งสองนี้แม่นมาก เมื่อหลี่ฝางเห็นเซี่ยจือชิวถูกเป็นตัวประกัน ก็หยุดการกระทำไปทันทีอย่างไม่ลังเล

หลี่ฝางมั่นใจในความเร็วของตน แต่ไม่มั่นใจว่าจะเร็วกว่ากระสุนปืน ยิ่งไปกว่านั้นตรงหน้ายังเป็นปืนพกสองกระบอก แม้ว่าสองคนนี้ยากที่จะทำให้เขาได้รับบาดเจ็บ แต่เขาไม่กล้าเดิมพันว่าทั้งสองคนจะไม่ฆ่าเซี่ยจือชิวซะก่อน ก่อนที่เขาจะลงมือ

เบื้องหลังเซี่ยจือชิวนั้นไม่ธรรมดา ถ้าเกิดเขาเป็นอะไรไปที่นี่ เกรงว่าหลี่ฝางต้องเจอกับปัญหาใหญ่แน่

“ปล่อยเซี่ยจือชิว แล้วฉันจะให้พวกแกจากไปอย่างปลอดภัย”

แม้รู้ว่าที่พูดไปไม่ได้ผล แต่หลี่ฝางก็ยังพูดออกมา

ไม่ได้มีความหมายอื่น แค่ต้องการเบี่ยงเบนความสนใจของอีกฝ่ายกก็เท่านั้น

ขณะที่พูดหลี่ฝางก็เดินตามอีกฝ่ายไปด้วย เดินเข้าไปไกลทางต้นไม่ใหญ่ มองไปที่สายตาของชายผิวขาวทั้งสอง แต่ก็เดินเข้าไปใกล้

“เห้ย!หยุดนะ ถ้าก้าวมาอีกก้าวเดียวฉันยิงเขาแน่”

ชายคนนั้นมือหนึ่งจับเซี่ยจือชิว อีกข้างหนึ่งจ่อปืนไปที่หน้าผากหลี่ฝาง ขู่ด้วยสีหน้าโกรธเคือง

ดูออกเลยว่าเขาคนนี้สติแตกไปแล้ว

ได้ยินเช่นนั้นหลี่ฝางจึงทำได้เพียงชะลอฝีเท้าของตน แต่ไม่ได้หยุดเดินอย่างที่อีกฝ่ายบอก

เขากำลังเดิมพัน เดิมพันว่าอีกฝ่ายไม่กล้ายิงเซี่ยจือชิวทันที เดิมพันว่าอีกฝ่ายยิ่งหวงแหนชีวิตของตัวเองเพิ่มขึ้นไปอีก

แน่นอน เหตุผลที่สำคัญกว่านั้นคือ เขาจะให้คนพวกนี้เอาตัวเซี่ยจือชิวไปไม่ได้ สวรรค์รู้ว่าหลังจากเซี่ยจือชิวหายไปจากสายตาเขา จะตามกลับมาได้หรือไม่

เขาไม่อยากเป็นแพะรับบาปเสียเปล่าๆ

อีกฝ่ายเห็นเช่นนั้น ทำได้แต่กัดฟันกรอดๆ ไม่พูดอะไรมาก ถอยไปด้านหลังเร็วกว่าเดิม

ขอแค่เข้าไปในรถSUVได้ ก็ถือว่าพวกเขาปลอดภัยชั่วคราวแล้ว

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท