NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 829 คำขอร้องของหลิวหย่ง

บทที่ 829 คำขอร้องของหลิวหย่ง

“คุณชายหลี่ คุณวางใจเถอะ ฉันใช้เวลารักษาตัวไม่นานก็หายดีแล้ว ถึงเวลาก็อย่าลืมฉันแล้วกันนะ” ไอ้หน้าหนวดนั่งอยู่บนเตียง พูดพลางแล้วหัวเราะ

“วางใจเถอะ ถึงเวลานั้นอาณาจักรผืนนี้ก็ยังต้องอาศัยคุณมาช่วยฉันดูแลอีกนะ” เมื่อเห็นไอ้หน้าหนวดฟื้นตัวได้ดีขึ้นมากแล้ว หลี่ฝางก็รู้สึกวางใจ

หลังจากออกจากโรงพยาบาลแล้ว หลี่ฝางก็ขับรถไปยังโรงแรมจุนเยว่ ยังคงเป็นห้องโบตั๋นเหมือนคราวก่อนนั้น ขณะที่หลี่ฝางเดินเข้าไปนั้น หยิ่นเจิ้งและแมงป่องกำลังนั่งอยู่ข้างใน รู้สึกค่อนข้างจะเงียบสงบ

หลี่ฝางรู้ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างสองคนนี้ไม่สามารถที่จะคืนดีได้อย่างง่ายดายอย่างนั้น ต่อให้เขาเข้าช่วยไกล่เกลี่ยก็ตาม ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะบอกว่าให้คืนดีก็คืนดีกัน แต่ว่าเดิมทีเขาก็ไม่เคยคิดที่จะให้พวกเขาคืนดีกันอยู่แล้ว ถ้าหากสองคนนั้นคืนดีกันเหมือนใส่กางเกงตัวเดียวกันจริงขึ้นมาละก็ ด้วยกลยุทธ์การค้าขายของหยิ่นเจิ้งบวกกับอิทธิพลในมือของแมงป่องนั้น อำเภอหลินเล็กๆแห่งนี้ก็จะไม่ตกอยู่ในกำมือของสองคนนี้ไปเลยเหรอ? งั้นยังมีหลี่ฝางไว้เพื่ออะไรกันล่ะ?

ดังนั้น หากพวกเขาสองคนจะร่วมมือกันก็ได้ แต่จำเป็นต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของหลี่ฝาง พวกเขาจะต้องเชื่อฟังหลี่ฝาง นับถือหลี่ฝางเป็นลูกพี่ใหญ่จึงจะทำสำเร็จได้ ไม่เช่นนั้นแล้วก็ต้องไสหัวไปให้พ้นเลย

“พวกท่านสองคนมาเร็วจังเลยนะ ทำไมไม่รีบสั่งอาหารเลยล่ะ?” หลี่ฝางเดินเข้าห้องจองพิเศษด้วยรอยยิ้ม

“ฮ่าๆๆ คุณชายหลี่ ก็ไม่ใช่เพราะรอท่านอยู่เหรอ อาหารสั่งไปแล้วบางส่วน ท่านดูอีกทีว่ามีอะไรพิเศษที่ถูกปากท่านบ้าง?”

เมื่อเห็นหลี่ฝาง หยิ่นเจิ้งก็รีบลุกขึ้นมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส โค้งตัวลงเล็กน้อยเดินเข้าไปต้อนรับ แล้วลากเก้าอี้ให้หลี่ฝางนั่ง จากนั้นเอาเมนูอาหารวางตรงหน้าหลี่ฝาง แสดงท่าทางประจบสอพลอออกมา

แมงป่องที่อยู่ด้านข้างถึงแม้ว่าจะดูถูกการกระทำของหยิ่นเจิ้งก็ตาม แต่กลับต้องเก็บความรู้สึกไว้ ตอนนี้หลี่ฝางเป็นลูกพี่ของพวกเขาแล้ว ถึงแม้ตัวเองจะทำตัวให้เหมือนอย่างหยิ่นเจิ้งไม่ได้ก็ตาม แต่ก็ไม่อยากเยาะเย้ยอย่างเปิดเผยให้หลี่ฝางเสียอารมณ์

ฉันเห็นพวกคุณสั่งอาหารก็มากแล้ว ให้พวกเขาเอาอาหารออกมาเสิร์ฟได้เลย” หลี่ฝางพูดพลางหัวเราะ “คราวนี้ต้องให้ทางนี้เอาเหล้าที่ดีที่สุดเข้ามาให้หมดเลย”

“ไม่มีปัญหา ฉันบอกให้เถ้าแก่หลิวจัดการเรียบร้อยแล้ว” หยิ่นเจิ้งพูดด้วยเสียงหัวเราะจากนั้นก็สั่งให้บริกรที่อยู่ข้างๆเอาอาหารมาเสิร์ฟได้แล้ว

ด้วยความรวดเร็ว อาหารเลิศรสทั้งหลายก็ทยอยออกมาเสิร์ฟบนโต๊ะยังไม่ขาดสาย ไม่ถึงสิบนาทีอาหารก็เสิร์ฟครบหมดแล้ว อีกทั้งอาหารแต่ละอย่างก็ทำสดๆร้อนระอุทั้งนั้น เป็นการเตรียมการที่ทุ่มเทเอาใจใส่อย่างแท้จริง

หลังจากที่อาหารชุดสุดท้ายเข้ามาแล้ว ติดตามมาด้วยชายผิวดำคล้ำรูปร่างกำยำคนหนึ่ง ในมือถือกล่องไม้กล่องหนึ่ง สีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มเดินเข้ามา หยิ่นเจิ้งก็ลุกขึ้นยืน

“คุณชายหลี่ ขอแนะนำให้ท่านรู้จัก นี่คือเจ้าของโรงแรมจุนเยว่ หลิวหย่ง”

หลังจากที่หยิ่นเจิ้งแนะนำเสร็จแล้ว ชายผิวคล้ำดำคนนั้นก็เดินเข้ามา พูดด้วยรอยยิ้มสง่าผ่าเผยว่า “ได้ยินว่าคุณชายหลี่ให้เกียรติมาทานข้าวที่ร้านเล็กๆของฉัน ฉันหลิวหย่งรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งในชั่วชีวิตนี้ ไม่มีสุราชั้นเลิศอะไร เพียงแต่พยายามสรรหาอย่างเต็มที่เพื่อรับรองคุณชายหลี่ หวังว่าคุณชายหลี่จะไม่รังเกียจนะครับ”

แมงป่องที่ยืนอยู่ด้านข้างตอนนี้ก็พูดด้วยเสียงหัวเราะ “เถ้าแก่หลิวถ่อมตัวเกินไปแล้ว นี่ไม่ใช่โรมาเนกองติ ปี 90 ขวดนั้นที่ฉันเคยเห็นก่อนหน้านั้นเหรอ? ฉันมองจนน้ำลายหกมาตั้งนานแล้ว คุณ ยังไม่ยอมให้ฉันลูบคลำแม้แต่ครั้งเดียว ตอนนี้ก็หยิบออกมาอย่างง่ายดายเช่นนี้เลยเหรอ”

“เฮ้ย ไม่ใช่สุราชั้นดีอะไรหรอก ทำให้ลูกพี่แมงป่องเยาะเย้ยแล้วล่ะ” หลิวหย่งรีบพูดด้วยเสียงหัวเราะ

หลี่ฝางฟังออกแล้วว่า ทั้งแมงป่องและหยิ่นเจิ้งสองคนนี้กำลังยกหางหลิวหย่งอยู่ ดูเหมือนหลิวหย่งคนนี้ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว สามารถทำให้ทั้งแมงป่องและหยิ่นเจิ้งให้เกียรติไว้หน้าเขาถึงเพียงนี้ นี่ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปที่จะสามารถทำได้เลย

“เถ้าแก่หลิว มา นั่งนั่งนั่ง วันนี้พวกเรามาสนุกสนานกันตามประสาพรรคพวกเพื่อนฝูงกัน มาดื่มกินให้เต็มที่เลย” หลี่ฝางคิดในใจว่าหลิวหย่งคนนี้ทุ่มเทเอาใจตัวเองขนาดนี้ สงสัยจะต้องมีแผนการอะไรสักอย่าง ถ้าหากเพียงแค่มาต้อนรับตัวเองเพื่อให้มีความรู้สึกที่ดีต่อกันเท่านั้น ก็ไม่จำเป็นต้องเปิดไวน์แดงขวดละหลายแสนเช่นนี้ เป็นแค่เจ้าของโรงแรมคนหนึ่งคงไม่ฟุ่มเฟือยถึงขนาดนั้น อีกทั้งเขายังออกมารับหน้าด้วยตัวเองด้วย

ถ้าหากไม่ใช่เรื่องที่ยุ่งยากลำบากอะไร ก็รับฟังเขาหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไร

“ในเมื่อคุณชายหลี่พูดเช่นนี้แล้ว งั้นฉันก็ไม่เกรงใจแล้วนะ” หลิวหย่งก็ลื่นไหลเหมือนงูเลื้อยตามไม้ รีบนั่งลงอย่างไม่รีรอ

“มาเลย มาดื่มเหล้ากัน” หลี่ฝางพูดชักชวน หลังจากเปิดไวน์ขวดนั้นแล้ว กลิ่นหอมของไวน์ก็หอมกรุ่นฟุ้งกระจายไปทั่วห้องจองพิเศษนั้นทันที

มีคำพูดที่ว่าบนโต๊ะวงเหล้าเป็นที่ที่เหมาะสำหรับการเจรจาธุรกิจการค้าที่ดีที่สุด ลำพังแค่โรมาเนกองติขวดเดียวคงไม่พอแน่นอน ตามด้วยเหมาไถ อู่เหลียงเย่ เหล้าชั้นดีทั้งในและนอกประเทศวางบนโต๊ะเต็มไปหมด หลังจากที่ดื่มกินกันจนได้ที่แล้ว ทุกคนต่างก็หน้าแดงหูแดงไปหมด พูดจาก็ลิ้นแข็งจุกปากแล้ว เวลานี้แม้กระทั่งแมงป่องกับหยิ่นเจิ้งที่เคยบาดหมางกันมานานแสนนานก็เริ่มจะเรียกพี่เรียกน้องกันแล้ว

“หลี่ คุณชายหลี่ พูดตามตรงนะ ฉันรู้สึกศรัทธาในตัวท่านมาตลอดเลย เลื่อมใสความองอาจของท่าน ความใจกว้างของท่านที่กล้าได้กล้าเสีย บารมีกว้างใหญ่ไพศาล มา ดื่มหมดแก้วเลย!” หยิ่นเจิ้งยกแก้วเหล้าขึ้นมาแล้วชี้มือชี้ไม้อยู่ตรงหน้าหลี่ฝาง

ถึงแม้จะดื่มไปไม่น้อยก็ตาม แต่หลี่ฝางก็ไม่มีความรู้สึกเมาเลย กำลังภายในที่ไร้รูปทรงภายในร่างกายนั้น ดูเหมือนยังมีประสิทธิภาพในการขับไล่อาการมึนเมาได้ ดื่มไปมากมายขนาดนี้ เขายังควบคุมสติสัมปชัญญะได้เหมือนเดิม ราวกับได้ดื่มแต่น้ำเปล่าเข้าไป

“ฉัน ฉันก็อยากจะคารวะคุณชายหลี่หนึ่งแก้ว ฉันแมงป่องชั่วชีวิตนี้ไม่เคยยอมให้ใครเลย มีเพียงแค่…….กับคุณชายหลี่เท่านั้นที่ยอมให้อย่างจริงจัง ฉันก็ไม่เข้าใจว่าคุณชายหลี่ทำไมคุณถึงได้กลายเป็นคนเก่งกาจอย่างนั้น อย่างนั้น สามารถต่อสู้ได้เก่งขนาดนั้น เก่งกาจ เก่งกาจมากจริงๆเลย”

แมงป่องก็ยกแก้วเหล้าขึ้นส่ายไปมา ดื่มเหล้ามากเกินไป เวลาเขาพูดจาก็ไม่ค่อยจะระวังตัวแล้ว ถึงกับเริ่มคิดจะล้วงความลับของหลี่ฝางเสียแล้ว

“เพราะว่าฉันคือคนมีพรสวรรค์ในการฝึกวรยุทธ์ ฝึกแค่วันเดียวก็สามารถตามทันคนอื่นที่ฝึกมาแล้วหลายปี” หลี่ฝางก็คุยโวไปตามน้ำ “เมื่อก่อนฉันก็ไม่เคยฝึกวรยุทธ์ แต่ช่วงเวลาก่อนหน้านี้ไปฝึกวรยุทธ์กับลูกน้องของพ่อฉันหลายวัน พ่อฉันพวกแกก็รู้จักสิ หลอซ่าไง!”

“ใช่เลย หลอซ่า! หมดแก้ว!” แมงป่องพูดยกยอด้วยความมึนเมา ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเมาจริงหรือแกล้งเมากันแน่

ในเวลานี้เองหลิวหย่งก็เริ่มปริปากพูดแล้ว

“ใช่ ใช่แล้ว คุณชายหลี่ ฉันได้ข่าวว่าท่านยอมทุ่มเงินตั้งต้นร้อยล้านออกมาเพื่อให้เถ้าแก่หยิ่นกับแมงป่องร่วมมือทำธุรกิจด้วยกัน ฉันคนแซ่หลิวไร้ความสามารถคนนี้ ก็คิดอยากจะติดตามเถ้าแก่หลี่เพื่อหาช่องทางร่ำรวยบ้าง ท่านว่าเรื่องนี้……”

นั่งร่วมดื่มเหล้ากันมาตั้งนาน ในที่สุดหลิวหย่งก็เริ่มเข้าสู่เป้าหมายหลักเสียที

“ฮ่าๆ หาทางร่ำรวย คุณคิดจะร่ำรวยจากทางไหนดีล่ะ?” หลี่ฝางหรี่ตาแล้ววางแก้วเหล้าลง

“อันนี้ก็ ฮาๆ” หลิวหย่งหัวเราะแล้วถูมือไปมา “ฉันก็แค่อยากจะติดตามเถ้าแก่หลี่ในการหากำไรเล็กๆน้อยๆ พอได้ค่ากับข้าวนิดหน่อย ฉันก็แค่อยากจะทำธุรกิจด้านโรงแรมนี่แหละ อย่างอื่นก็ทำไม่เป็นแล้ว แต่ว่าท่านก็รู้นะว่า ในอำเภอหลินก็มีแหล่งที่ทำกินใหญ่เพียงเท่านี้ ธุรกิจโรงแรมแห่งนี้ทำได้สูงสุดก็ได้เพียงเท่านี้ ยังไงเสียฉันก็ไม่อยากจะไปแย่งอาชีพกับพี่น้องด้วยกันที่นี่แล้ว ดังนั้นฉันจึงคิดจะขยายกิจการให้ใหญ่โตขึ้น อยากจะขยายไปอยู่เมืองเอก หวังว่าคุณชายหลี่ช่วยสนับสนุนฉันอีกแรงหนึ่งด้วย”

หลี่ฝางได้ฟังคำพูดนี้แล้วก็เข้าใจความหมายของหลิวหย่ง โรงแรมจุนเยว่นับเป็นโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดในอำเภอหลิน เมื่อธุรกิจมาถึงจุดสูงสุดแล้ว ก็ย่อมอยากจะขยายไปสู่ภายนอกบ้าง แต่ว่าอิทธิพลในเมืองเอกก่อนหน้านี้อยู่ในกำมือของสี่ตระกูลใหญ่มาโดยตลอด เขตอิทธิพลก็จัดสรรปันส่วนกันมานานแล้ว หลิวหย่งไม่ได้มีความสัมพันธ์เกี่ยวโยงอะไรกัน ไม่มีทางที่จะมาทำธุรกิจในเมืองเอกได้เลย

ในเมืองเอกทั้งเมืองนั้นตอนนี้ตระกูลหลี่และตระกูลจวนสองตระกูลนี้ก็ได้แบ่งเขตอิทธิพลไปดูแลกันเรียบร้อยแล้ว เมื่อหลิวหย่งได้ยินข่าวนี้แล้ว มีโอกาสที่จะได้มาคบหาหลี่ฝาง จึงไม่ยอมปล่อยให้โอกาสดีเช่นนี้หลุดมือไปได้อย่างเด็ดขาด

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท