หลังจากหลิวฮุยกลับ หลี่ฝางก็นึกถึงเซี่ยจือชิวที่โดนเขาทิ้งไว้ที่เขาหมาป่าขึ้นได้ รู้สึกไม่ดีมากๆจึงโทรไปหาเซี่ยจือชิว
“คุณชายหลี่ อะไรของคุณเนี่ย เมื่อกี้บอกว่าจะไปดื่มกันแต่กลับออกไป?คงไม่ใช่ไม่อยากทำความรู้จักกับผมหรอกนะ?”เสียงหยอกล้อของเซี่ยจือชิวปลายสายดังขึ้น
“จะเป็นไปได้ไง ที่บ้านเกิดเรื่องเร่งด่วนจริงๆ ไม่มีทางเลือกจริงๆถึงได้ทำแบบนี้ เอางี้ คืนพรุ่งนี้ผมเป็นเจ้ามือเอง พวกเรามาดื่มกันคุณว่าไง?”หลี่ฝางรีบพูด
“ได้ งั้นเป็นคืนพรุ่งนี้!”เซี่ยจือชิวตอบรับทันที ว่าง่ายอย่างคาดไม่ถึง
วางสายเสร็จหลี่ฝางรู้สึกโล่งมาหน่อย เห็นสไตล์เซี่ยจือชิวก่อนหน้านี้เลยคิดว่าเขาไม่ยอมแน่ๆ คิดไม่ถึงว่าจะตอบตกลงง่ายขนาดนี้ หรือตนจะมองเขาผิดไป?
วันต่อมา หลี่ฝางจัดสถานที่ในบาร์ของตน เพื่อรอการมาเยือนของเซี่ยจือชิว
รออยู่ครู่หนึ่งเซี่ยจือชิวก็มาจริงๆ เพียงแต่ไม่คิดว่าจะมาแค่เซี่ยจือชิวคนเดียว ส่วนเพื่อนคนอื่นๆของเขาไม่เห็นแม้แต่คนเดียว
“คุณเซี่ย คุณมาแล้ว ไหนบอกว่าจะพาเพื่อนมาแนะนำให้ผมรู้จักไง?”หลี่ฝางเดินยิ้มๆไปต้อนรับ
“ฮะแฮ่ม คือว่า เมื่อคืนพวกเขาดื่มหนักมาก ท้องไส้ปั่นป่วน ลุกกันไม่ไหวแล้ว ดังนั้นวันนี้จึงมีแค่ผมที่มาตามนัด”เซี่ยจือชิวยิ้มอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก พลางนั่งบนโซฟา
ดื่มหนักจนท้องไส้ปั่นป่วนทำให้ลุกไม่ไหว?หลี่ฝางรู้สึกแปลกๆ เห็นสายตาเซี่ยจือชิวอยู่ไม่สุข เห็นได้ชัดว่าที่เขาพูดเป็นแค่ข้ออ้างแบบขอไปที
“เห้อ งั้นก็น่าเสียดายจริงๆ ที่คืนนี้ไม่อาจได้รู้จักเพื่อนใหม่ งั้นที่ผมเตรียมการไว้อย่างตั้งใจสุดๆ คงสนุกกันแค่เราสองคนแล้วล่ะมาๆๆ สหาย พวกเรามาดื่มกันก่อนสักแก้ว”
เซี่ยจือชิวไม่พูด หลี่ฝางก็ไม่ถาม แค่ปรบมือก็มีสาวสวยกลุ่มใหญ่มาห้อมล้อมทันที เครื่องดื่มต่างๆนี้ก็มาเสิร์ฟ ทำเอาครึกครื้นขึ้นมาทันที
“มา ชนหมัดแก้วกันอีกแก้ว”
“หมด หมดแก้ว”
ทั้งคู่ดื่มกันไม่ลดละ แต่หลี่ฝางกลับรู้สึกว่าเซี่ยจือชิวใจลอยๆ สายตาอยู่ไม่นิ่งตลอด เหมือนกำลังกังวลอะไรอยู่ อีกทั้งยังอ้าปากจะพูดอะไรเป็นระยะๆ แต่เพราะพะว้าพะวังบางอย่างทำให้พูดไม่ออก
ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าคุณเป็นอะไรกันแน่!หลี่ฝางยิ้มเยาะในใจแสร้งทำเป็นไม่รู้ เอาแต่รินเหล้าให้เซี่ยจือชิวท่าเดียว
“ติ๊ดๆๆ……”
โทรศัพท์เซี่ยจือชิวดังขึ้น เขารับอย่างอัตโนมัติ หลังจากพูดไม่กี่คำสีหน้าเขาก็เปลี่ยนสีไป
“ว่าไงนะ?ฉันจะไปเดี๋ยวนี้!”
“อดทนไว้ อดทนไว้ก่อน!”
วางสายเสร็จ เซี่ยจือชิวก็พูดกับหลี่ฝางด้วยสีหน้าร้อนใจ:“พวกเพื่อนๆผมเกิดเรื่องขึ้น สหาย ช่วยไปส่งผมที่โรงแรมหน่อย”
“อะไรนะ?เกิดอะไรขึ้น ให้ผมเรียกคนมาไหม?”หลี่ฝางถามทำเป็นเล่นใหญ่
“ไม่ต้อง คุณรีบไปส่งผมก็พอ ได้ไหม?”เซี่ยจือชิวสีหน้าเต้มไปด้วยความร้อนใจ จากผลของไฟกะพริบ ทำให้หลี่ฝางเห็นเขาเหงื่อไหลออกจากหน้าผาก
อ่อนหัด ตัวเองก็ใช่ว่าไม่มีรถ ยังจะจงใจให้ผมไปส่งคุณอีก?
หลี่ฝางยิ้มเยาะในใจ ภายนอกยังคงแสร้งเป็นไม่รู้เรื่อง รีบพยักหน้าตอบรับทันที
“พูดอะไรหน่ะ เราคนกันเอง ไปกัน ผมขับรถไปส่งเดี๋ยวนี้แหละ”
บนทางเปลี่ยวที่อยู่ไม่ไกลกับบาร์นัก มีรถSUV4คันจอดอยู่ข้างทาง ในรถทุกคันมีชาวต่างชาติผิวขาวสองคนนั่งอยู่
เป็นครั้งคราว คนเหล่านี้จะถือวิทยุสื่อสาร และชะโงกศีรษะออกไปดูประตูบาร์นอกกระจกรถเป็นครั้งคราว เหมือนกำลังรอใครอยู่
ผ่านไปพักใหญ่ สุดสายตา ในที่สุดก็เห็นหลี่ฝางกับเซี่ยจือชิวขับรถออกมา คนเหล่านั้นจึงพูดใส่วิทยุสื่อสารเป็นเสียงเดียวกัน
“เป้าหมายปรากฏตัวแล้ว!”
บนรถ หลี่ฝางและเซี่ยจือชิวนั่งตรงเบาะหลัง ด้านหน้าเป็นคนขับรถที่หลี่ฝางหามา เพราะรถปอร์เช่เขาโดนชนซะยับขนาดนั้นแล้ว หลี่ฝางจึงเปลี่ยนรถ แล้วเอาคนขับมาด้วย
ขณะรถวิ่งบนถนน หลี่ฝางพบว่าเซี่ยจือชิวเหงื่อไหลพลั่ก นั่งไม่พูดสักคำ
“เจ้านี่ คงไม่ได้ป่วยเป็นอะไรหรอกใช่ไหม?”หลี่ฝางใช้หางตาเหลือบมองเซี่ยจือชิวที่นั่งอยู่ไม่สุขเป็นระยะๆ รู้สึกว่าตอนนี้เขามีท่าทางแปลกๆ ไม่เหมือนกำลังประหม่า แต่เหมือนเกิดอาการผิดปกติหลังจากเสพติดอะไรบางอย่าง
เห็นสายตาเซี่ยจือชิวยิ่งอยู่ไม่สุขขึ้นเรื่อยๆ หลี่ฝางกุมขมับ ขณะกำลังจะถามว่าเขาเป็นอะไร ทันใดนั้นรถก็สั่นสะเทือน
“ปัง!”
หลี่ฝางที่โดนปะทะจนส่ายไปมา ทันทีที่มองไปนอกรถ ก็โดนชนเข้าอย่างจังอีกครั้ง
“แม่ง บ้าอะไรเนี่ย?”
เห็นรถทั้ง4คันตามประกบรถSUVทั้งซ้ายขวาหน้าหลัง หลี่ฝางจึงเริ่มหน้าถอดสี
เห็นได้ชัดว่าเราตกเป็นเป้าหมายแล้ว
“แม่งเอ้ย ขับรถเป็นไหมห้ะ!”
คิดไม่ถึงว่าคนขับรถจะเป็นคนกล้าหาญ เมื่อโดนกระทำหลายครั้ง เขาจึงขับรถเบียดกลับไป
แต่การตอบโต้ของเขาก็ไม่ได้ใช้เวลานานนัก เพิ่งจะหมุนพวงมาลัย ปากกระบอกปืนก็เล็งมาทางด้านกระจกฝั่งซ้ายทันที ทำให้เขาสงบลง
“ลูกพี่ มีอะไรค่อยๆพูดกันดีกว่า ไม่ว่าทรัพย์สินอะไรผมจะให้ทั้งหมด”
คนขับรถตัวอ้วนรีบประนีประนอมทันที
เมื่อหลี่ฝางที่นั่งอยู่ด้านหลังเห็นปลายกระบอกปืน ก็มีสีหน้าเคร่งขรึมทันที
หรือจะเป็นคนตระกูลตงฟางมาจู่โจมเขา?
“ยกมือขึ้น!”
ขณะนั้นเอง มีเสียงพูดภาษาจีนกลางแต่ไม่ค่อยได้มาตรฐานดังออกมาจากรถSUVฝั่งซ้าย ทำให้หลี่ฝางรู้ทันทีว่าคนเหล่านี้เป็นชาวต่างชาติ
คงไม่ใช่คนของสำนักหยิ่งซาหรอกนะ?หลี่ฝางคิดในใจ
เมื่อพูดจบ ก็มีปลายกระบอกปืนเล็งออกมาจากรถฝั่งขวาเช่นกัน กระบอกหนึ่งเล็งที่หลี่ฝาง อีกกระบอกเล็งที่เซี่ยจือชิว
แรงกดดันจากอาวุธโลหะเย็นๆ ทำให้ทั้งสองคนทำได้แค่ยอมๆไปก่อน ยกมือขึ้นอย่างเชื่อฟัง
แต่ที่ทำให้หลี่ฝางคาดไม่ถึงคือ คนขับรถที่นั่งอยู่ด้านหน้าไม่รู้ว่ากดดันเกินไป หรือสมองมีปัญหา หลังจากได้ยินก็ยกมือขึ้นด้วย
“Fuck วางมือกลับไป!”
ทันทีที่คนในรถSUVฝั่งซ้ายเห็นก็ด่ากราดทันที หันกระบอกปืนหวังจะให้คนขับวางมือลง แต่ก็สายไปแล้ว
พวงมาลัยที่สูญเสียการควบคุมเริ่มหมุนไปมา เดิมทียังถือว่าขับได้มั่นคง แต่ตอนนี้กลับส่ายไปมา รถSUVที่ขนาบซ้ายขวาก็เริ่มส่ายไปมาเพราะแรงกระแทก
“ป้องกันศีรษะ!”
เมื่อเห็นว่ารถกำลังจะชนรั้วข้างถนน หลังจากเตือนหลี่ฝางเซี่ยจือชิว ก็ต่างคนต่างป้องกันศีรษะของตัวเอง
“โครม!”
เสียงดังกึกก้อง ขณะที่รถชนกับรั้ว
ภายใต้แรงหนืด หลี่ฝางพวกเขาสามคนที่นั่งอยู่ในรถ ร่างกายกระแทกไปกับเบาะด้านหน้าอย่างจัง
และหลังจากรถSUVทางฝั่งซ้ายชนกับรั้วถนน ด้วยความคุณภาพดีของรถSUVทำให้มันชนพังรั้วกั้นแล้วลอยกระเด็นตกลงไปที่ลุ่มต่ำข้างทาง