NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 831 คนเดียวสู้ศัตรูหกคน

บทที่ 831 คนเดียวสู้ศัตรูหกคน

“โฮ้ว!”

เมื่อสิ้นเสียงตะโกนของตงฟางจัวแล้ว เงาร่างทั้งห้าคนนั้นก็บุกขึ้นไปทันที ด้วยความเร็วที่ว่องไวอย่างล้นเหลือ ตั้งค่ายวงล้อมรอบจู่โจมไปยังหลี่ฝาง

ขณะที่พวกเขาบุกเข้าไปยังหลี่ฝางนั้น สายตาเต็มเป็นไปด้วยความระแวดระวังภัย

“ฮ่าๆ!”

ภายในพริบตาเดียว พวกเขาก็บุกเข้าไปอยู่ตรงหน้าหลี่ฝางแล้ว จู่โจมอย่างแข็งแกร่งด้วยรูปแบบทั้งห้าที่แตกต่างกัน บุกเข้าไปประชิดโดยทันที

“ฮ่า!”

หลี่ฝางหัวเราะ มือทั้งสองข้างขยับเคลื่อนไหวทันที แม้กระทั่งเงาก็ยังมองไม่ชัดเลย สองในห้าคนนั้นก็ตกใจกลัวจนถอยร่นออกไป

จากนั้นเงาร่างของหลี่ฝาง เคลื่อนไหวด้วยความว่องไวราวกับสายฟ้า ด้วยกระบวนท่าเตะขาหน้าที่น่าสะพรึงกลัว แล้วตามด้วยอีกสองกระบวนท่าเตะตรง เงาร่างทั้งสามคนก็ล้มลงอย่างรวดเร็ว

“แข็งแกร่งมาก! เหมือนกับผู้ชายคนนั้นราวกับแกะเลย!!”

ทั้งห้าคนที่ถูกซัดจนถอยร่นไปนั้นในใจต่างก็รู้สึกช็อกกับความแข็งแกร่งของหลี่ฝาง ร่างกายของพวกเขาทั้งห้าคนที่ถูกหลี่ฝางทำร้ายนั้น ล้วนรู้สึกเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส เหมือนกับถูกกระแทกจากพลังแรงหนักขนาดครึ่งตันก็ไม่ปาน

ต้องเข้าใจว่าพวกเขาแต่ละคนนั้นล้วนเป็นยอดฝีมือที่มีพละกำลังที่ไม่ธรรมดา ร่างกายของแต่ละคนนั้นล้วนผ่านการฝึกฝนอย่างทรหด จากประสบการณ์ในสนามต่อสู้ทุกรูปแบบมาแล้ว พูดง่ายๆก็คือ ต่อให้ใช้กระบองเหล็กกล้าฟาดลงไปบนร่างของพวกเขา สำหรับพวกเขาแล้วมันเป็นแค่การเกาให้หายคันเท่านั้นเอง

ส่วนหลี่ฝางนั้นแลดูเหมือนจู่โจมด้วยท่าทีปกติธรรมดา แต่กลับทำให้พวกเขาเกิดความเจ็บปวดที่รุนแรงขึ้นได้

อาจประมาณได้ว่า พละกำลังของหลี่ฝางแข็งแกร่งมากถึงขั้นไหนกันแน่

หลังจากจู่โจมห้าคนให้ถอยร่นออกไปแล้ว หลี่ฝางไม่มีท่าทีจะทำอะไรต่อไปเลย ไม่มีแม้แต่จะเข้าไปเรียงทำร้ายทีละคนแม้แต่นิดเดียว ได้แต่ยืนมองดูห้าคนนั้นอย่างเรียบเฉย

หลี่ฝางกำลังป่าวประกาศอย่างชัดเจนว่า

พวกเขาทั้งห้าคนถึงจะอยู่ตรงหน้าหลี่ฝางก็ตาม แต่ก็ยังไม่คู่ควรที่จะให้เขาต้องเข้าไปบดขยี้เรียงตัวทีละคนเลย!

“ลุยเข้าไปพร้อมกัน!”

ทั้งห้าคนต่างก็ส่งสายตาอย่างรวดเร็ว แทบจะเป็นเวลาเดียวกันนั่นเอง ด้วยความไวราวกับกระสุนปืนอีกครั้ง เหลือเพียงล่องลอยเงามืดอยู่ที่เดิม พุ่งตรงไปจู่โจมหลี่ฝางด้วยความเร็วที่น่ากลัวมากยิ่งขึ้น

“พั้ง! พั้งพั้ง!!”

ภายใต้การจู่โจมรูปแบบที่ไม่เหมือนกันของคนทั้งห้านั้น หลี่ฝางก็ยังยืนอยู่ที่เดิม ออกทั้งหมัดต่อยขาเตะครบครัน รับมือกีดขวางการจู่โจมจากหมัดกำปั้นและแข้งขาของคนทั้งห้านั้นไว้

ภายในห้องก็เสียงดังสนั่นหวั่นไหว เสียงดังปั้งที่ดังขึ้นทุกครั้งเกิดจากการปะทะของหมัดกำปั้นและแข้งขา หรือไม่ก็เป็นหมัดชนหมัด ในระหว่างการต่อสู้นั้น พื้นปูนใต้ขาของหลี่ฝางนั้น ก็ได้เกิดรอยแตกร้าวขึ้น

โต๊ะที่อยู่ข้างหลังพวกนั้น ก็พังยับเยินไปหมดแล้ว กับข้าวกับปลาจานชามขวดแก้วเหล้าทั้งหลายบนโต๊ะก็แตกละเอียดกระจุยกระจายไปทั่ว

บริเวณรอบๆตัวหลี่ฝางนั้น ชั่วแวบเดียวก็ยุ่งเหยิงะเกะระกะไปหมด ด้วยแรงลมโหมกระหน่ำที่เกิดจากการปะทะของหมัดมวยแข่งขา

ส่วนพวกแมงป่องสามคนนั้น ตอนนี้ก็เคลื่อนย้ายไปหลบอยู่อีกมุมหนึ่งของห้องแล้ว ดวงตาทั้งคู่ก็จ้องไปยังหกคนที่อยู่ท่ากลางสนามต่อสู้อย่างไม่ละสายตา

พวกเราสามคนต่างก็กำมือทั้งสองไว้แน่น เหงื่อก็ไหลออกมาตามหน้าผาก แม้กระทั่งฝ่ามือก็ยังมีเหงื่อออกมาด้วย

จะเห็นได้ว่า ในเวลานี้ ภายในจิตใจของพวกเขาจะรู้สึกตื่นเต้นเพียงใด

พวกเขาไม่เคยเห็นการต่อสู้ที่ดุเดือดเลือดพล่านขนาดนี้มาก่อนเลย เมื่อเปรียบเทียบกับการต่อสู้ที่เกิดขึ้นเมื่อก่อนแล้ว การตีรันฟันแทงของพวกเขาที่ผ่านมาก็เหมือนกับเป็นการหยอกล้อกับเด็กๆเท่านั้นเอง

ส่วนเรื่องที่พวกเขาตื่นเต้นก็คือ หากว่าหลี่ฝางพ่ายแพ้แล้ว งั้นพวกเขาก็ต้องกลายเป็นปลาติดร่างแหไปด้วยสิ!

“ปั้ง!”

วงล้อมการต่อสู้ของคนทั้งหกนั้นขยายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากเดิมที่ใช้พื้นที่เพียงนิดเดียว ก็ค่อยๆขยายจนถึงครึ่งหนึ่งของพื้นที่ห้องแล้ว

ถึงแม้ว่าหลี่ฝางจะอาศัยพลังเพียงคนเดียวต่อสู้กับพลังมืดทั้งห้าคนที่มาจากแดนตะวันตก ก็ตาม แต่ว่าก็ยังไม่เคยตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบเลย อีกทั้งในระหว่างนั้นยังบีบคั้นให้ชายหนุ่มตาน้ำข้าวคนหนึ่ง ถึงกับยอมสูญเสียมือข้างหนึ่งไป เพื่อหลบการเตะสังหารทีเดียวด้วยกระบวนท่าเตะขาหน้าของหลี่ฝาง

ถึงแม้กระดูกแขนข้างนั้นจะแตกร้าวไปแล้วก็ตาม แต่ว่าชายผมทองตาสีน้ำข้าว ดูเหมือนไม่มีความเจ็บปวดอะไรเลย และยังเคลื่อนไหวร่างกายอย่างต่อเนื่องเพื่อต่อสู้ต่อไป

ภายในห้องนั้น แสงไฟสลัว อยู่คู่กับการต่อสู้ที่ดุเดือดต่อไป เงาร่างทั้งหกแทบจะปรากฏให้เห็นเป็นเพียงแค่ภาพลวงตาเท่านั้น และยังหลงเหลือภาพลวงตาที่เกิดจากแขนขาอีกมากมายด้วย

พละกำลังอันยิ่งใหญ่นั้นทำให้พื้นห้องแตกร้าวอย่างรวดเร็ว ทั้งโต๊ะเก้าอี้ก็ถูกกระแทกจนแหลกละเอียด หลี่ฝางคนเดียวสู้กับศัตรูห้าคน กลับไม่มีทีท่าจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบแม้แต่นิดเดียว

“เป็นไปได้ยังไง แกเพิ่งจะฝึกวรยุทธ์ได้ไม่กี่วัน พวกเราเคยประมือกับพ่อแกหลอซ่ามาแล้ว ก็ยังไม่ได้ขนาดนี้เลย!” หนึ่งในคนจำนวนนั้นตะโกนด้วยความตื่นผวา

“พวกแกเคยสู้กับพ่อฉันแล้ว ยังมีชีวิตรอดมาได้ด้วยเหรอ?” หลี่ฝางตกใจเล็กน้อย ถึงแม้เขาจะก้าวหน้าได้เร็วมาก แต่เขารู้ตัวดีว่าพละกำลังของตัวเอง ยังไม่ถึงครึ่งหนึ่งของส้าวส้วยเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพ่อของเขาหลอซ่า

อีกทั้งห้าคนนี้ร่วมมือกันโจมตีเขายังแสดงออกว่าเหนื่อยหอบ แล้วทำไมยังสามารถรอดตายมาจากเงื้อมมือของหลอซ่าได้ล่ะ?

“ฉันรู้แล้ว พวกแกคงใช้วิธีหมาหมู่มาลอบทำร้ายพ่อฉันสิใช่มั๊ย?” หลี่ฝางอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะ “พวกแกก็เป็นแค่พวกมดตัวเล็กๆเท่านั้นเอง พ่อฉันคงไม่อยากเสียแรงที่จะไปฆ่าหรอก!”

หลี่ฝางหัวเราะเยาะอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้ ทำให้ห้าคนนั้นบันดาลโทสะขึ้นมาทันที

“พวกแกถ่วงเวลาให้ฉันหน่อย!”

ชายหนุ่มผิวดำดวงตาส่องประกายสว่างคนหนึ่ง กระโดดออกนอกวงต่อสู้ ตะโกนเสียงดัง

ที่เหลืออีกสี่คนก็ทยอยจู่โจมอย่างแข็งแกร่ง เพื่อถ่วงเวลาให้กับชายผิวดำคนนั้น

“คริส! สู้ๆนะ จะต้องฆ่าไอ้หมอนี่ให้ได้! มีแต่แกเท่านั้นที่สามารถฆ่าเขาได้ ฉันขอ สาบานกับพวกแก ตระกูลพวกฉันจะต้องตอบแทนตามความต้องการของพวกแกอย่างแน่นอน!”

ตงฟางจัวที่หลบอยู่อีกมุมหนึ่งเหงื่อไหลเต็มหน้า ตื่นเต้นจนกำหมัดไว้แน่น แล้วตะโกนพูดเสียงดังออกมา

เพราะว่าเขาพบว่าหลี่ฝางตอนนี้ได้เปลี่ยนเป็นแข็งกว่าคราวก่อนมากถึงเพียงนี้ เพียงแค่ไม่กี่วันเท่านั้น! หลี่ฝางก้าวหน้าเร็วเหมือนเสกมนต์ดำเช่นนี้จนตงฟางจัวตกใจกลัว ทำให้เขาเกิดความคิดที่จะต้องกำจัดหลี่ฝางให้ได้ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดทั้งนั้น

ไม่เช่นนั้นแล้ว หลี่ฝางจะต้องเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งของตระกูลตงฟางอย่างแน่นอน! เช่นเดียวกับพ่อของเขาหลอซ่า!

“ดัชนีพิฆาต!กระดูกแหลกเป็นจุณ!”

ชายผิวดำนั่งยองเล็กน้อย หลอดเลือดดำใต้ผิวหน้าผากโป่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด หลังจากนั้น ก็ส่งเสียงคำรามที่แหบแห้งดังสนั่นขึ้น เงาร่างราวกับกระสุนปืนใหญ่ ดีดตัวพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว

ชั่วพริบตาเท่านั้น ก็พุ่งเข้าไปในวงล้อมต่อสู้ของทั้งห้าคน มือขวาประกบนิ้วคู่กันไว้ราวกับกระบี่ แฝงด้วยพลังอันมหาศาลที่น่าสะพรึงกลัว แทงเข้าไปยังหน้าอกของหลี่ฝาง

ภายใต้การปะทะที่รุนแรงนี้ อากาศรอบบริเวณนั้นถูกเหนี่ยวนำขึ้น กระแสลมที่ปั่นป่วนก็คละคลุ้งไปทั่วทั้งห้อง

ที่เหลืออีกสี่คนนั้น ต่างก็มองสบตากัน ทันใดนั้นก็กระโดดออกจากวงการต่อสู้ไป คงเหลือไว้แต่หลี่ฝางเพียงคนเดียว ที่เผชิญหน้ากับการจู่โจมที่แข็งแกร่งน่ากลัวนี้

ชายผิวดำคนนี้มีชื่อว่าคริส เป็นคนมีชื่อเสียงโด่งดังในวงการอำนาจมืดทางโลกตะวันตก ท่าไม้ตายที่ร่ำลือที่สุดและเป็นที่น่าสะพรึงกลัวก็คือ ดัชนีพิฆาต!

การที่สามารถรวบรวมพลังทั้งหมดหลอมรวมไว้ในนิ้วทั้งสองนั้นได้ สามารถที่จะทุบ ทำลายก้อนหินตัดโลหะได้ แข็งแกร่งอย่างไร้เทียมทาน

ทันใดนั้นชายผิวดำพุ่งเข้ามาตรงหน้าหลี่ฝาง นิ้วทั้งสองนั้นห่างจากหน้าอกของหลี่ฝางไม่ถึงสองนิ้วเท่านั้น ขอเพียงให้นิ้วทั้งสองแทงเข้าไปยังหน้าอกของหลี่ฝางได้ เขาเชื่อมั่น ว่าต่อให้คนที่อยู่ตรงหน้าคือหลอซ่า วันนี้ก็ต้องตายคาที่อย่างแน่นอน!

“ฮ่าๆๆ พวกแกไม่รู้จักความน่ากลัวของกำลังภายในเสียแล้ว!” หลี่ฝางหัวเราะเสียงดังอย่างบ้าคลั่งขึ้นมาอย่างกะทันหัน

ก่อนหน้านั้นเขาหยั่งรู้ถึงกำลังภายในก็จริง เพราะว่ายังนำมาใช้ไม่เป็น ดังนั้นจึงได้แต่ใช้ ความสามารถเพียงอย่างเดียวมาโดยตลอด แต่ว่าหลังจากอยู่ภายใต้การชี้แนะของส้าวส้วยแล้ว เขาก็ค่อยๆเรียนรู้วิธีควบคุมการใช้พลังภายในได้อย่างดีขึ้นแล้ว

หลี่ฝางกำมือขวาไว้หลวมๆ ด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อ วางตรงหน้าอกของตัวเอง ต้านทานแรงสังหารทีเดียวที่น่ากลัวนี้เอาไว้ได้พอดี

ชายผิวดำหลังจากที่เห็นฝ่ามือของหลี่ฝางแล้ว ดวงตาทั้งคู่แสดงท่าทีหวาดผวาออกมาทันที ระหว่างที่ร่างกายกำลังสั่นสะท้านอยู่นั้น ก็คิดจะดึงแขนตัวเองกลับมาอย่างรวดเร็ว

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท