NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่846 การต่อสู้ที่ยากลำบาก

บทที่846 การต่อสู้ที่ยากลำบาก

หลี่ฝางรู้สึกว่าคนคนนั้นคุ้นหน้าคุ้นตามาตั้งแต่แรกแล้ว เขารู้สึกคลับคล้ายคลับคลาว่าอาจจะเป็นคนเดียวกันกับมือสไนเปอร์ที่สุ่มยิงเขาที่โรงพยาบาล คนคนนี้เป็นตัวอันตรายใหญ่หลวง ถ้าไม่ถือโอกาสในตอนนี้ที่รู้ร่องรอยของมันแล้วกำจัดมันซะ วันหน้าหลี่ฝางก็ไม่อาจเดินออกจากบ้านอย่างสบายใจได้

เพราะไม่ว่าจะยังไงก็ไม่มีใครชอบให้มีงูพิษตัวร้ายคอยแอบมองตัวเองอยู่ในที่ลับ

หลังจากที่วิ่งมาถึงด้านล่าง หลี่ฝางก็พลันสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง เขามองไปที่ผืนป่าที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก

โรงแรมระดับห้าดาวแห่งนี้อยู่ติดกับสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง ในนั้นมีภูเขาเตี้ย ๆ และสวนป่าไม้อยู่ สภาพแวดล้อมที่งดงามเป็นจุดขายอย่างหนึ่งของโรงแรมระดับห้าดาวแห่งนี้

ไม่รู้เพราะเหตุใด หลี่ฝางรู้สึกว่ามือสไนเปอร์คนนั้นได้หลบเข้าไปในสวนสาธารณะ และความรู้สึกนั้นแรงกล้ามาก ราวกับว่ามีเสียงเสียงหนึ่งคอยกระซิบที่ข้างหูของเขา

“เกิดอะไรขึ้น หรือว่านี่ก็เป็นผลพลอยได้จากกำลังภายใน?” ภายในใจของหลี่ฝางทั้งตกใจทั้งสงสัย เขาสองจิตสองใจ ลังเลอยู่กับที่สักพัก สุดท้ายแล้วเขาก็ตัดสินใจทำตามสัญชาตญาณนี้ และวิ่งตามเข้าไปในสวนสาธารณะ

ทันใดนั้นเอง หลี่ฝางที่ได้เดินไปมาอยู่ในป่าก็พลันรู้สึกขนลุกไปทั้งตัว สัมผัสแห่งอันตรายทำให้เขากระโดดหลบไปด้านข้างอย่างไม่ลังเล

ปัง!

มือสไนเปอร์คนนั้นมีความชำนาญมาก เขาหาตำแหน่งของหลี่ฝางโดยอาศัยเสียงปืน ทันใดนั้นปลายกระบอกปืนก็ได้ยื่นออกมาจากด้านหลังของต้านไม้และยิงมาที่หลี่ฝางทันที

ดูแล้วเหมือนกับยิงแบบไม่ใส่ใจ แต่ความจริงแล้วได้ผ่านการคำนวณมาเป็นอย่างดี

หลี่ฝางพลิกตัว และลุกขึ้นอย่างรวดแล้ว แต่ทว่ายังไม่ทันที่เขาจะตอบโต้กลับ จู่ ๆ ก็มีเงาสีเงินพุ่งเลื่อนผ่านไป

เคร้ง!

หลี่ฝางไม่คิดเลยแม้แต่น้อย เขาใช้ปืนในมือออกไปตั้งรับทันที

กร๊อบ!

ลำกล้องของหลี่ฝางถูกกระแทกจนงอ

“ประสาทสัมผัสไม่เลวนี่ นานมากแล้วที่ฉันไม่ได้เห็นคู่ต่อสู้อย่างนาย”

มือสไนเปอร์ที่ในที่สุดก็ปรากฏตัวออกมานั้นมองดูปืนสไนเปอร์ที่ถูกกระแทกจนพังในมือ เขามีท่าทีเสียดายขึ้นมา แต่ก็กลับคืนสู่ความเย็นชาอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ล้วงเอามีดสั้นเล่มหนึ่งออกมาจากด้านหลัง

“แกเห็นฉันได้ยังไง?” มือสไนเปอร์เอ่ยถามขึ้นมาด้วยความสงสัย

หลี่ฝางหัวเราะแหะ ๆ ขึ้นมา: “ถ้าบอกว่าเป็นสัญชาตญาณแกจะเชื่อไหม?”

“แกไม่อยากพูดก็ไม่เป็นไร แค่ฆ่าแกให้ตายก็พอแล้ว” มือสไนเปอร์กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“แกจะต้องเสียใจแน่ที่ได้เผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้อย่างฉัน ไม่สิ แกไม่มีโอกาสที่จะเสียใจแล้ว”

มุมปากของหลี่ฝางยกขึ้นเล็กน้อย เขาโยนปืนที่อยู่ในมือทิ้งไป จากนั้นก็ล้วงเอามีดสั้นออกมาเช่นเดียวกัน

“แกมีความเชื่อมั่นในตัวเองสูงมาก มีไม่กี่คนที่เชื่อมั่นในตัวเองแบบนี้เมื่ออยู่ต่อหน้าฉัน แกคิดว่าแกเป็นหลอซ่าหรือไง?”

มือสไนเปอร์มองพิจารณาหลี่ฝางอย่างอยากรู้อยากเห็น ด้วยใบหน้าที่จริงจัง

มีอยู่ชั่ววินาทีหนึ่ง ที่เขาสงสัยว่าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้านั้นก็คือหลอซ่า เพราะแววตาของทั้งสองคนนั้นเหมือนกันมาก

ทุกที่ที่หลอซ่าปรากฏตัวขึ้นจะเต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งการนองเลือด ศัตรูเพียงได้ยินต่างก็รู้สึกหวาดผวา

“อ๋อ แกเป็นใคร แกรู้จักหลอซ่าดีอย่างงั้นเหรอ?”

หลี่ฝางรู้สึกสนอกสนใจขึ้นมา

ชายคนนี้มีผมสีทอง ในตาคู่นั้นของเขาเป็นสีฟ้า หน้าตาเป็นเช่นไรนั้นเห็นได้ไม่ชัดนัก รูปร่างที่แข็งแรงกำยำนั้นดูแข็งแกร่งมาก

“ฉันเป็นใครงั้นเหรอ? เหอะ ๆ ชื่อของฉันคือแกรี่ จดจำชื่อของฉันเอาไว้ แกเป็นลูกชายของหลอซ่า จุดนี้ไม่ต้องสงสัยเลยสักนิด ก่อนที่จะฆ่าหลอซ่า ฉันขอเอากำไรจากลูกชายของมันก่อนแล้วกัน”

ในแววตาของนั้นมือสไนเปอร์มีความอาฆาตแค้นปะปนอยู่

หลี่ฝางตั้งใจพิจารณามือสไนเปอร์ที่อยู่ตรงหน้าขึ้นมา รู้สึกว่าเขาเคยตกเป็นเบี้ยล่างอะไรบางอย่างภายใต้มือพ่อของตัวเอง

“อ๋อเหรอ งั้นก็รีบลงมือเถอะ ให้ฉันดูสิว่าแกมีคุณสมบัตินั่นหรือไม่” หลี่ฝางมีสีหน้าสงบนิ่ง เขาโบกมีดที่อยู่ในมือไปมา เตรียมที่จะเป็นฝ่ายลงมือก่อน

“ชายหนุ่มผู้โง่เขลา อย่าคิดว่าตัวเองสามารถจัดการกับไอ้พวกไร้ประโยชน์กลุ่มนั้นได้ก็มีความมั่นใจเต็มร้อยแล้ว แกจะต้องเสียใจที่ประมือกับฉันแน่!”

แกรี่กล่าวเตือนหลี่ฝางด้วยท่าทางของคนที่อาบน้ำร้อนมาก่อน ราวกับว่าตัวเองจะต้องชนะอย่างแน่นอนแล้ว

“แกไม่เคยได้ยินเหรอว่า คลื่นลูกใหม่ แซงหน้าคลื่นลูกเก่า แกไม่น่ามาหาฉันจริง ๆ แบบนั้นก็ยังพอมีเวลาดี ๆ อีกมากมายให้แกได้เพลิดเพลิน”

หลี่ฝางเพียงแค่ยิ้มเบา ๆ มีดสั้นกวัดแกว่งเข้าไปที่บริเวณต้นคอของแกรี่

เคร้ง!

มีดสั้นสองเล่มกระทบกันจนทำให้เกิดประกายไฟออกมา เกิดรอยแหว่งรอยลึกขึ้นบนมีดสั้นของหลี่ฝางทันที

“เป็นมีดสั้นยอดเยี่ยมจริง ๆ”

หลี่ฝางเหลือบตามองดูมีดที่แหลมคมในมือของแกรี่ สัญชาตญาณแห่งการต่อสู้ในแววตายิ่งฮึกเหิมขึ้น มีดที่เดิมทีจับโดยการหันปลายมีดแทงออกไปด้านหน้าเปลี่ยนเป็นจับแบบการจับแบบถอยหลังแทน

“การจับมีดแบบถอยหลัง!”

มือสไนเปอร์มีสีหน้าท่าทางเคร่งเครียดขึ้นมา

การจับมีดแบบถอยหลังนั้นเป็นการต่อสู้ขั้นสูงและพิถีพิถันสุดในการต่อสู้ระยะประชิด โดยอาศัยทักษะการดึง ผ่า และแทงเป็นหลัก การจับมีดแบบถอยหลังนั้นถ้าใช้ได้ดีแล้ว สามารถชดเชยพลังในส่วนที่ไม่พอของตัวเอง หรือชดเชยความเสียเปรียบของอาวุธได้

นี่เป็นวิชาการใช้มีดที่ส้าวส้วยสอนให้กับหลี่ฝาง และกำชับกับเขาว่าห้ามใช้มันโดยพลการ เพราะว่าการจับมีดแบบถอยหลังนั้นถ้าหากใช้ได้ไม่ดีพอ มันก็ไม่ต่างอะไรกับการประเคนชีวิตให้คนอื่น

“เคร้ง!”

แกรี่เลือกที่จะเป็นฝ่ายลงมือก่อน มีดสั้นของเขาพุ่งแทงเข้าไปบริเวณหน้าอกของหลี่ฝาง เพื่อแสดงความได้เปรียบของมีดสั้นของตัวเองออกมา

หลี่ฝางรู้ดีว่ามีดสั้นของตัวเองนั้นเสียเปรียบ จึงไม่ได้ฝืนตั้งรับซึ่ง ๆ หน้า แต่เป็นการลากดึงตัวผ่าเป็นแนวนอนตามทิศทางของมีดแทน ในขณะที่หลบพ้นการโจมตีได้นั้น มีดสั้นก็ได้ถูกแทงออกมาจากด้านหลัง และแทงสวนกลับเข้าไปที่บริเวณปอดของแกรี่

แกรี่หดลำตัวไปด้านหลัง จากนั้นก็ควักเอามีดสั้นอีกเล่มหนึ่งออกมาจากด้านหลัง และฟันเข้าไปที่บริเวณแขนของหลี่ฝางทันที ส่วนมีดสั้นอีกเล่มนั้นใช้ตั้งรับกับมีดสั้นของหลี่ฝาง

หลี่ฝางไม่ได้มีท่าทีตกใจอะไรมากกับมีดสั้นอีกเล่มที่ปรากฏขึ้น เขาไม่ได้ถอยแต่กลับโจมตีใส่แทน

ก่อนที่มีดสั้นจะมาถึงด้านหลังของเขานั้นร่างของเขาก็ได้ประชิดตัวเข้าไป ก่อนที่มีดสั้นจะแทงโดนตัวเองนั้นเขาก็ได้ชนเข้าไปที่แขนที่แทงมีดเข้ามาแล้วดันขึ้น

มีดสั้นของหลี่ฝางปะทะเข้ากับมีดสั้นอีกเล่ม ในขณะที่มีดสั้นกระทบกันนั้นเองเขาก็พลันออกแรงดึง โดยอาศัยรอยแหว่งบนมีดเป็นจุดรับพลัง ดึงเอามีดสั้นของแกรี่ออกไปจากด้านหลัง

กระบวนท่านี้นั้นอันตรายมาก มีดสั้นที่ถูกดึงออกไปนั้นกรีดผ่านบริเวณหน้าท้องของหลี่ฝางไป จากการลากดึงของมีดทั้งสองเล่มนั้นทำให้เกิดประกายไฟขึ้น

หน้าท้องของหลี่ฝางถูกกรีดเป็นรอยแผลจาง ๆ เขารู้สึกโชคดีขึ้นมาในใจเล็กน้อย ถ้าหากการตอบสนองของร่างกายช้าไปอีกนิดและจังหวะการเคลื่อนไหวของมือช้าไปอีกหน่อยล่ะก็ หลี่ฝางไม่แขนขาด ก็ต้องถูกแทงเข้าที่ด้านหลัง ตอนนี้แค่ได้รับบาดเจ็บภายนอกเพียงเล็กน้อย ก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว

ในแววตาของแกรี่ปรากฏความประหลาดใจขึ้นมา เขาพลันกระโดดถอยหลังทันที เพื่อถอยออกห่างหลี่ฝางก่อน จากนั้นก็พุ่งเข้าโจมตีหลี่ฝางอีกที

มีดสั้นทั้งสามเล่มพัวพันกันจนทำให้เกิดประกายไฟราวกับมังกรคะนองรำ ทำให้คนรู้สึกตาลาย อกสั่นขวัญแขวน

เคร้ง!

ในที่สุดมีสั้นของหลี่ฝางก็ไม่อาจทนรับแรงโจมตีจากมีดสั้นของคู่ต่อสู้ทั้งสองเล่มได้อีกต่อไป และได้หักออกเป็นสองท่อน แต่ทว่า มีดสั้นที่หักเป็นสองท่อนของหลี่ฝางก็ได้สำเร็จภารกิจสุดท้ายของมันแล้ว มันได้ปักเข้าไปที่บริเวณหน้าอกของแกรี่

“แกร้ายกาจไม่เบา แต่น่าเสียดาย สุดท้ายแล้วยังคงเป็นฉันที่เป็นฝ่ายชนะ” หลี่ฝางทิ้งมีดอีสั้นอีกท่อนออกไป เขากล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่น่าเสียดาย

ตอนนี้เขาเชื่อแล้วว่าแกรี่เป็นคนที่เคยประมือกับหลอซ่ามาก่อน เพราะว่าในขณะที่หลี่ฝางใช้กำลังภายใน ในสถานการณ์ที่พลังและการเคลื่อนไหวต่างก็รวดเร็วกว่าแกรี่นั้น ก็ยังคงถูกทักษะอันยอดเยี่ยมของเขากดเอาไว้ได้

การต่อสู้ในวันนี้ หลี่ฝางเอาชนะได้อย่างยากลำบาก บนร่างกายปรากฏรอยแผลขึ้นมานับไม่ถ้วน ยิ่งไปกว่านั้นยังมีบางจุด ที่ลึกจนมองเห็นกระดูก

“ใช่ไหม น่าเสียดาย สุดท้ายฉันก็แม่อาจเดินไปถึงตรงหน้าของหลอซ่าอีกครั้งได้”

แกรี่แสดงรอยยิ้มอย่างปล่อยวางออกมา เขาล้มจมอยู่ในกองเลือด

ความตายสำหรับคนอย่างเขาแล้วไม่ใช่การปิดฉาก แต่เป็นจุดจบที่ดีที่สุด

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท