NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 851 หลี่ฝางและเกาเมิ่งฉี

บทที่ 851 หลี่ฝางและเกาเมิ่งฉี

เมื่อหลายปีก่อน คนคนนี้ได้ทำลายล้างองค์กรที่เขาจัดตั้งขึ้นมาอย่างยากลำบาก ทั้งเกือบจะเอาชีวิตของเขาไป

ภายในใจของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและเกลียดชังผู้ชายคนนี้ เดิมทีคิดว่าชาตินี้คงไม่ได้เจอกันอีกแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะได้เจออยู่ที่นี่ในวันนี้

ในตอนนี้เอง เงาร่างนั้นก็ได้เอ่ยปากขึ้นมา

“ไสหัวไป!”

เพียงแค่ประโยคเดียว ก็ทำให้กุ่ยเมี่ยนราวกับได้รับการนิรโทษกรรม เขาปล่อยมือจากหญิงสาวคนนั้น จากนั้นก็นำหลอดยาที่แย่งชิงมาวางกลับไปที่เดิม แล้วค่อย ๆ เคลื่อนตัวไปทางประตูอย่างช้า ๆ

ขอเพียงแค่หนีรอดไปได้ เขาสามารถละทิ้งได้ทุกอย่าง

ในที่สุด กุ่ยเมี่ยนที่เคลื่อนตัวมาจนถึงประตูใหญ่ ก็ได้รีบหนีไปในทันที เขาไม่กล้าชักช้าเลยแม้แต่วินาทีเดียว

กุ่ยเมี่ยนที่วิ่งหนีไป ในหัวของเขามีเพียงแค่ความคิดเดียว: “เขากลับมาแล้ว หลอซ่ากลับมาแล้ว! จะต้องนำข่าวนี้กลับไป! ชายคนนั้นกลับมาแล้ว!”

แต่สิ่งที่หลี่ฝางคิดอยู่ในใจนั้นกลับเป็น: “ข้อมูลที่หลิวฮุยให้มานั้นไม่ผิดเลยจริง ๆ คนที่ชื่อกุ่ยเมี่ยนคนนี้ เคยถูกพ่อของฉันอัดอย่างหนักมาก่อน และยังได้ทิ้งรอยบาดแผลที่ลึกมากไว้ในใจของมันอีก”

กุ่ยเมี่ยนคิดไม่ถึงเลยว่า คนที่มานั้นไม่ใช่หลอซ่า แต่เป็นลูกชายของเขา ความกลัวทำให้เขาไม่กล้าที่จะหยุดอยู่เพื่อตรวจสอบเรื่องนี้ แต่ว่าแบบนี้อาจจะเป็นเรื่องดีที่ทำให้กุ่ยเมี่ยนสามารถรักษาชีวิตเอาไว้ได้

กุ่ยเมี่ยนและพรรคพวกที่มาพร้อมกับพลังอำนาจที่หาที่เปรียบไม่ได้ ก็ได้เดินคอตกกลับไปแบบนี้แล้วเหรอ เขาไม่ได้ต่อปากต่อคำกับหลี่ฝางเลยแม้แต่ครั้งเดียว หรือแม้แต่ใบหน้าของหลี่ฝางก็ไม่ได้มองอย่างชัดเจน หลี่ฝางพูดเพียงประโยคเดียว เขาก็รีบหนีไปในทันที

สถานการณ์เช่นนี้ ทำให้ทุกคนเกิดความสงสัยขึ้นอีกครั้ง สงสัยแม้กระทั่งว่าทั้งสองคนได้ร่วมมือกันแสดงละครตบตาหรือไม่

แต่ประตูที่พังทลายบานนั้น กลับได้ย้ำเตือนพวกเขาว่าทั้งหมดนี้เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นเพียงแค่การแสดง

ชายหนุ่มที่อยู่ด้านหน้าคนนี้เป็นมนุษย์จริง ๆ เหรอ?

โลกทัศน์ของหญิงสาวได้เริ่มสั่นคลอน

“สวัสดี! ผมชื่อหลี่ฝาง ข้างบนส่งผมมาปกป้องคุณ”

หลี่ฝางเป็นฝ่ายยื่นมือออกมาทักทายเกาเมิ่งฉีก่อน เพราะถึงยังไงการขจัดความเข้าใจผิดนั้นจะเป็นผลดีต่อการทำงานในวันหน้า ไม่ใช่เพียงเพราะผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้านั้นเป็นสาวสวยคนหนึ่งอย่างแน่นอน

“เอ่อ ฉันชื่อเกาเมิ่งฉี สวัสดี”

เกาเมิ่งฉียื่นมือออกมาตามสัญชาตญาณ สมองยังไม่ทันได้รับรู้ แต่แล้วจู่ ๆ ก็มีความรู้สึกแปลก ๆ ไหลมาจากมือ ทำให้เธอรู้สึกตัวขึ้นมาทันที จากนั้นเธอก็ได้กล่าวกับหลี่ฝางอย่างโมโห: “ทำอะไรของนายน่ะ?”

“ขอโทษ ขอโทษ ไม่ทนได้ระวังน่ะ” หลี่ฝางรีบกล่าวอธิบายอย่างเขินอาย เขาแอบด่าสัญชาตญาณของตัวเองอยู่ภายในใจ

“นายบอกว่านายเป็นคนที่ข้างบนส่งมา มีหลักฐานอะไรไหม?”

เกาเมิ่งฉีจำได้ว่า เมื่อก่อนพ่อของตัวเองเคยบอกว่าด้านบนจะส่งคนมาปกป้องตัวเอง

เมื่อได้ยินดังนั้น หลี่ฝางก็ไม่ได้พูดมากอะไร เขาคลำเขาเอกสารที่อยู่บนตัวออกมาแล้วยื่นให้เกาเมิ่งฉี

เอกสารนั่นหลิวฮุยได้มอบให้เขาก่อนออกเดินทาง นั้นเป็นเพียงตัวตนชั่วคราวเท่านั้น จะไม่มีผลโดยอัตโนมัติทันทีที่เสร็จงาน แต่ในระหว่างที่ปฏิบัติภารกิจมันสามารถนำความสะดวกสบายมาให้กับหลี่ฝางได้มาก

เกาเมิ่งฉีรับมาดูอย่างลวก ๆ จากนั้นก็ตะลึงงันไปสักพัก ทันใดนั้นเธอก็เบิกตากว้าง

องค์กรที่ประทับตราอยู่ด้านบนและตัวตนของหลี่ฝาง ต่างกว่าสูงเกินกว่าความคาดหมายของเกาเมิ่งฉี

“คุณ คุณมาจากที่นั่น?”

ภายใต้น้ำเสียงแห่งความตกใจ ยังซ่อนความสงสัยที่แรงกล้าของเกาเมิ่งฉีเอาไว้ด้วย

เมื่อเผชิญหน้ากับความสงสัยของเกาเมิ่งฉี หลี่ฝางก็หัวเราะเอิ๊กอ๊ากขึ้นมา จากนั้นก็ชี้ไปที่ประตูนั่น และไม่ได้พูดอะไร

เกาเมิ่งฉีก็ได้มองไปที่ประตูบานนั้นเหมือนกัน และได้เข้าใจความหมายของหลี่ฝางขึ้นมา

สามารถทำเรื่องแบบนี้ได้ จะเป็นคนธรรมดาไปได้เหรอ? อย่าว่าแต่คนธรรมดาเลย เกรงว่าแม้แต่คนที่มาจากที่นั่นก็มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถทำได้!

“ฉันเชื่อคุณแล้ว” เกาเมิ่งฉีพยักหน้า และยิ้มขึ้นมา

“งั้นก็ดี” หลี่ฝางรู้สึกดีใจมากที่เรื่องราวดำเนินไปได้อย่างราบรื่น

ในตอนนี้เอง ชายวัยกลางคนที่นอนอยู่บนพื้นพลันขยับตัว จู่ ๆ เขาก็กระอักเลือดออกมาคำโต

เขาเป็นเพียงแค่คนธรรมดา โดนคนที่ฝึกวิทยายุทธต่อยเข้าไปที่ท้องหนึ่งหมัด ถึงแม้จะเป็นพลังเพียงเล็กน้อย ก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะทนรับได้

“พ่อคะ!”

หลังจากที่เกาเมิ่งฉีอุทานออกมาด้วยความตื่นตระหนก เธอก็รีบพุ่งเข้าไปทันที เพื่ออยากจะดูว่าอาการบาดเจ็บของชายวัยกลางคนเป็นยังไงบ้าง

“รีบพาไปส่งโรงพยาบาลก่อนเถอะ” หลี่ฝางเอ่ยเตือนขึ้นอยู่ทางด้านหลัง

“ใช่ รีบโทรศัพท์เร็ว!” เกาเมิ่งฉีพลันตอบสนองขึ้นมา

สิบนาทีหลังจากนั้น รถฉุกเฉินก็ได้มาถึงและรับเอาตัวชายวัยกลางคนไป หลังจากนั้นก็ได้มีคนมาทำความสะอาดห้องทดลองแห่งนี้

เรื่องของที่นี่จะต้องมีคนมาจัดการเป็นธรรมดา ไม่จำเป็นต้องให้หลี่ฝางใส่ใจ

……

บนระเบียงทางเดินของโรงพยาบาลเป่ยไห่ หลี่ฝางและเกาเมิ่งฉีนั่งรอฟังผลบนเก้าอี้ยาวที่ด้านนอก

บนใบหน้าของเกาเมิ่งฉีเต็มไปด้วยความวิตกกังวลและความตึงเครียด เธอมองไปทางฉุกเฉินอยู่บ่อยครั้ง

“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก อาการบาดเจ็บของพ่อคุณไม่ได้หนักหนาอะไร รักษาตัวสักระยะก็หายดีแล้ว”

เมื่อเห็นเกาเมิ่งฉีเป็นห่วงพ่อของตัวเอง หลี่ฝางอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปลอบโยนขึ้น

“กระดูกซี่โครงหักไปหนึ่งท่อนยังไม่หนักอีกงั้นเหรอ?” เกาเมิ่งฉีถลึงตาใส่หลี่ฝางอย่างจัง

“มันไม่นับว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไรหรอก นอนพักอยู่บนเตียงสักระยะก็ดีขึ้นแล้ว จะต้องไม่มีอันตรายถึงชีวิตแน่” หลี่ฝางกล่าวพลางหัวเราะเหอะ ๆ

บางทีอาจจะเป็นเพราะการชักนำทางจิตวิทยา เกาเมิ่งฉีไม่อยากให้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับพ่อของตัวเอง จึงทำได้เพียงเชื่อที่หลี่ฝางพูด

“อ้อใช่ นักวิทยาศาสตร์ที่ค้นคว้ายาเพิ่มพลังความแข็งแกร่งสำเร็จคนนั้นเป็นยังไงบ้าง? เขาจะมีอันตรายไหม? ฉันมาที่นี่เพื่อปกป้องเขาเป็นพิเศษ อย่างถูกคนฆ่าตายตั้งแต่ตอนที่ยังไม่ได้เห็นหน้าแล้วซะล่ะ”

หลี่ฝางพลันนึกถึงปัญหานี้ขึ้นมา จึงรีบเอ่ยถาม

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของหลี่ฝาง เกาเมิ่งฉีอดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจอย่างช่วยไม่ได้: “ฉันก็คือนักวิทยาศาสตร์คนนั้น”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท