NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่859 แสดงอำนาจ

บทที่859 แสดงอำนาจ

ภายใต้การนำทางของหลิวฮุย หลี่ฝางก็ได้มาถึงฐานปฏิบัติการลับแห่งหนึ่ง

ที่นี่มีการป้องกันอย่างแน่นหนา มีนักรบคอยรักษาการอยู่ทั่วทุกที่ สามารถพูดได้ว่า ต่อให้มีแมลงวันตัวหนึ่งบินเข้ามาก็ยังถูกพบเห็นได้

สั่นด้านในของฐานปฏิบัติการ กลับแตกต่างจากภายนอกโดยสั้นเชิง

ผู้คนในที่แห่งนี้ต่างก็ทำงานของใครของมัน เมื่อเทียบกับความเข้มงวดที่ด้านนอกแล้ว ที่นี่เรียกได้ว่าเละเทะเลยทีเดียว ยังมีบางคนที่นั่งใจลอยอยู่มุมมุมหนึ่ง และไม่มีใครสนใจเลยสักนิด

ไม่เพียงเท่านั้น สายตาของพวกทหารลาดตระเวนที่มองมาที่นี่ยังเต็มไปด้วยความอิจฉาและนับถือ

เหตุผลนั้นง่ายเพียงนิดเดียว นั่นก็คือผู้คนเหล่านี้ต่างก็เป็นพวกหัวกะทิที่ได้คัดสรรมาจากทุกที่ทั่วประเทศ และพวกเขาได้มาจากทีมเล็ก ๆ ที่เหล่านักสู้ทุกคนต่างก็ใฝ่ฝันที่จะเข้าร่วม

ถึงแม้คนพวกนี้ต่างก็เป็นเพียงตัวสำรอง แต่เมื่อเทียบกับทหารลาดตระเวนที่อยู่ด้านนอกนับว่าเป็นความสำเร็จที่ยอดเยี่ยมมากแล้ว

ดังนั้นคนพวกนี้สามารถเคลื่อนไหวอยู่ที่นี่ตามอำเภอใจได้ แน่นอนว่า ยังมีอีกหนึ่งสาเหตุนั่นก็คือหัวหน้าของทีมสำรองนี้ยังไม่ได้เข้าประจำตำแหน่ง

และในมุมมุมหนึ่งของที่นี่ หลายคนกำลังเกาะกลุ่มกันพูดคุยอะไรบางอย่าง

“สวีคางนายว่าผู้นำที่ลึกลับคนนั้นของพวกเราเป็นคนแบบไหนกันแน่?”

“ใครจะไปรู้ล่ะ แต่อย่างน้อยก็ต้องสามารถทำให้ทุกคนยอมรับได้”

“ฉันคิดว่าอย่างน้อยก็ต้องเป็นรองหัวหน้าของทีมที่เป็นทางการแหละ เมื่อเทียบกับสมาชิกของทีมอย่างเป็นทางการ ถ้าหากลงมือกันขึ้นมาจริง ๆ ก็ยังไม่แน่ว่าใครจะร้ายกาจกว่ากัน”

“อย่าเลย ฉันยังไม่อยากตายตอนนี้ พอถึงตอนนั้นพวกนายลงมือเองเถอะ”

“เชรดพวกนายนี่มันไม่มีคุณธรรมจริง ๆ เลย”

“ต้วนหงกวง นายว่าอีกเดียวพวกเราลองทดสอบผู้นำทีมคนใหม่หน่อยดีไหม?”

จู่ ๆ ชายคนหนึ่งก็ได้ถามไปยังชายหนุ่มร่างสูงที่เงียบมาโดยตลอด

ชายหนุ่มร่างสูงคิดอยู่สักพักแล้วกล่าว: “ช่างเหอะ ผู้นำคนนั้นมีผลต่อการได้เป็นตัวจริงของพวกเรา ถ้าทำให้เขาโมโหขึ้นมาล่ะก็ มันไม่เป็นผลดีกับพวกเราหรอก”

“โถ่เอ๊ย ผลงานของพวกเราต่างก็เห็น ๆ กันอยู่ จะขึ้นเป็นตัวจริงไม่ได้ได้ยังไง นายคิดมากเกินไปแล้ว”

คนพวกนั้นกำลังพูดกันอย่างเมามัน จู่ ๆ คนที่อยู่ใกล้กับประตูทางเข้าก็ได้ตะโกนขึ้นมา: “หัวหน้าวางมา!”

ชั่วพริบตา ทีมที่ยุ่งเหยิงนั้นก็ได้ฟื้นคืนสู่ความเป็นระเบียบเรียบร้อยในทันที

หวางเหวินป่ายผู้ดูแลฐานปฏิบัติการ กำลังพาหลี่ฝางและหลิวฮุยเดินเข้ามาข้างใน ในขณะเดียวกันนั้นก็ได้ใช้สายตาแห่งความอยากรู้อยากเห็นพิจารณาดูหลี่ฝาง

ถึงแม้เขาจะไม่หรือรู้จักหลี่ฝาง หลี่ฝางเป็นคนแปลกหน้าสำหรับเขา แต่กับหลิวฮุยกลับคุ้นเคยเป็นอย่างดี

จากแหล่งข่าวที่ไม่น่าเชื่อถือ ภูมิหลังของหลิวฮุยนั้นแข็งแกร่งมาก จนถึงขั้นพระเจ้ายังได้ยิน แค่จุดจุดนี้ก็สุดยอดจนหาที่เปรียบไม่ได้แล้ว

ส่วนชายหนุ่มแปลกหน้าคนนี้ ยังต้องให้หลิวฮุยเป็นคนเชิญมาด้วยตัวเอง จะต้องมีฐานะแบบไหนกันแน่? หวางเหวินป่ายอดไม่ได้ที่จะสงสัย

“คุณหลี่ สมาชิกของทีมสำรองทั้งหมดสามสิบคนต่างก็อยู่ที่นี่หมดแล้ว!”

พอถึงหน้าประตู หวางเหวินป่ายก็ได้กล่าวแนะนำกับหลี่ฝางขึ้นมา

หลี่ฝางพยักหน้า แต่กลับได้หันไปต่อ: “เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงได้ยุ่งเหยิงแบบนี้?”

ตั้งแต่ตอนที่อยู่ไกล ๆ แล้ว ที่หลี่ฝางได้มองเห็นความยุ่งเหยิงที่ไม่อาจทนดูได้ของที่นี่ นอกจากสายตาที่ทรงพลังของเขาแล้ว หวางเหวินป่ายที่อยู่ด้านข้างกลับมองไม่เห็น

เมื่อพูดประโยคนี้จบ หลี่ฝางก็เดินเข้าไป ด้านหลัง หวางเหวินป่ายก็ได้ตื่นตามมาติด ๆ

“ท่านนี้คือ……”

หลังจากที่หลี่ฝางได้ยืนต่อหน้าผู้คนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หวางเหวินป่ายกำลังจะเอ่ยแนะนำขึ้นมา กลับถูกหลี่ฝางเอ่ยตัดหน้า

“ฉันชื่อหลี่ฝาง เป็นหัวหน้าทีมคนใหม่ของพวกนาย”

เมื่อพูดประโยคนี้จบ หลี่ฝางก็พูดต่อทันที: “ฉันรู้ พวกนายต่างก็โดดเด่น และทะนงตน นอกจากนี้พวกนายยังไม่รู้จักฉันด้วยซ้ำ เกรงว่าก็คงจะไม่ยอมรับฉันด้วย เรื่องนี้ไม่เป็นไร ตอนนี้ฉันจะให้โอกาสพวกนาย ใครที่ไม่พอใจก็ยืนออกมาได้เลย”

ถึงแม้หลี่ฝางจะไม่มีประสบการณ์ทางด้านนี้ แต่สำหรับคนพวกนี้ที่ได้เข้าสู่ทีมหลงหยาโดยอาศัยความพยายามของตัวเองแล้ว ความทะนงตนภายในใจของพวกเขานั้นสามารถเข้าใจได้

แต่เขาไม่อาจปล่อยให้คนพวกนี้ทะนงตนต่อไป ไม่เช่นนั้นละก็คงไม่สามารถนำทีมนี้ได้

ภารกิจในครั้งนี้เต็มไปด้วยอันตราย หลี่ฝางจะต้องแก้ไขปัญหาที่มีอยู่ทั้งหมดนี้ก่อนออกเดินทาง เพื่อหลีกเลี่ยงการสละชีพโดยเปล่าประโยชน์ในสนามรบ

ถึงแม้หลี่ฝางจะไม่มีประสบการณ์ในการรบเหมือนกับคนที่ได้ผ่านการฝึกฝนมาพวกนี้ แต่เขาจำเป็นที่จะต้องกลายเป็นคนที่สามารถตัดสินใจได้ นักสู้พวกนี้สามารถพูดความคิดเห็นของตัวเองออกมาได้ อุทิศความคิดของตัวเองได้ แต่จะให้แย่งอำนาจในการสั่งการของหลี่ฝางไปไม่ได้

ดังนั้นอันดับแรกหลี่ฝางจะต้องทำให้คนพวกนี้ยอมรับเขา จะให้ทำอะไรโดยพลการหลังจากที่เขาออกคำสั่งไปแล้วไม่ได้ ที่เขาต้องการ คือให้คนพวกนี้ทำตามคำสั่งของเขาอย่างเชื่อฟัง ชี้ที่ไหนจู่โจมที่นั่น แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว

จริงอย่างที่คิด เหมือนกับที่หลี่ฝางคาดการณ์ไว้ไม่มีผิด หลังจากที่เขาพูดจบ สมาชิกทุกคนในทีมต่างก็ยืนออกมาพร้อมกัน

“ดี! ดีมาก!”

เมื่อเห็นคนพวกนี้ต่างก็ยื่นออกมาอย่างพร้อมเพรียง ถ้าหากหลี่ฝางยังไม่รู้อีกว่าคนพวกนี้ได้วางแผนไว้ล่วงหน้าแล้ว งั้นก็เลิกเหอะ

“กล้าหาญดี!”

ก็เห็นอยู่ว่าน้ำเสียงของหลี่ฝางนั้นสงบนิ่งมาก แต่กลับเหมือนกับเสียงฟ้าร้องคำราม ทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นหูอื้อไปหมด ถึงขั้นสั่นสะเทือนจนทำให้รู้สึกเจ็บ

วินาทีนี้ ท่าทีที่ทุกคนมีต่อหลี่ฝางนั้นเปลี่ยนเป็นระมัดระวังขึ้นมา แถมยังมีบางคนมีความคิดที่จะถอยหลังไปเกิดขึ้นภายในใจ

แต่ว่าหลี่ฝางไม่คิดที่จะให้โอกาสพวกเขาเลยสักนิด เขาจงใจใช้สายตาที่ดูถูกเหยียดหยามเหลือบมองไปรอบ ๆ และกล่าวด้วยน้ำเสียงแห่งความเยอะหยัน: “ตัวต่อตัวหรือว่าจะมาพร้อมกัน?”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท