ภายใต้การนำทางของหลิวฮุย หลี่ฝางก็ได้มาถึงฐานปฏิบัติการลับแห่งหนึ่ง
ที่นี่มีการป้องกันอย่างแน่นหนา มีนักรบคอยรักษาการอยู่ทั่วทุกที่ สามารถพูดได้ว่า ต่อให้มีแมลงวันตัวหนึ่งบินเข้ามาก็ยังถูกพบเห็นได้
สั่นด้านในของฐานปฏิบัติการ กลับแตกต่างจากภายนอกโดยสั้นเชิง
ผู้คนในที่แห่งนี้ต่างก็ทำงานของใครของมัน เมื่อเทียบกับความเข้มงวดที่ด้านนอกแล้ว ที่นี่เรียกได้ว่าเละเทะเลยทีเดียว ยังมีบางคนที่นั่งใจลอยอยู่มุมมุมหนึ่ง และไม่มีใครสนใจเลยสักนิด
ไม่เพียงเท่านั้น สายตาของพวกทหารลาดตระเวนที่มองมาที่นี่ยังเต็มไปด้วยความอิจฉาและนับถือ
เหตุผลนั้นง่ายเพียงนิดเดียว นั่นก็คือผู้คนเหล่านี้ต่างก็เป็นพวกหัวกะทิที่ได้คัดสรรมาจากทุกที่ทั่วประเทศ และพวกเขาได้มาจากทีมเล็ก ๆ ที่เหล่านักสู้ทุกคนต่างก็ใฝ่ฝันที่จะเข้าร่วม
ถึงแม้คนพวกนี้ต่างก็เป็นเพียงตัวสำรอง แต่เมื่อเทียบกับทหารลาดตระเวนที่อยู่ด้านนอกนับว่าเป็นความสำเร็จที่ยอดเยี่ยมมากแล้ว
ดังนั้นคนพวกนี้สามารถเคลื่อนไหวอยู่ที่นี่ตามอำเภอใจได้ แน่นอนว่า ยังมีอีกหนึ่งสาเหตุนั่นก็คือหัวหน้าของทีมสำรองนี้ยังไม่ได้เข้าประจำตำแหน่ง
และในมุมมุมหนึ่งของที่นี่ หลายคนกำลังเกาะกลุ่มกันพูดคุยอะไรบางอย่าง
“สวีคางนายว่าผู้นำที่ลึกลับคนนั้นของพวกเราเป็นคนแบบไหนกันแน่?”
“ใครจะไปรู้ล่ะ แต่อย่างน้อยก็ต้องสามารถทำให้ทุกคนยอมรับได้”
“ฉันคิดว่าอย่างน้อยก็ต้องเป็นรองหัวหน้าของทีมที่เป็นทางการแหละ เมื่อเทียบกับสมาชิกของทีมอย่างเป็นทางการ ถ้าหากลงมือกันขึ้นมาจริง ๆ ก็ยังไม่แน่ว่าใครจะร้ายกาจกว่ากัน”
“อย่าเลย ฉันยังไม่อยากตายตอนนี้ พอถึงตอนนั้นพวกนายลงมือเองเถอะ”
“เชรดพวกนายนี่มันไม่มีคุณธรรมจริง ๆ เลย”
“ต้วนหงกวง นายว่าอีกเดียวพวกเราลองทดสอบผู้นำทีมคนใหม่หน่อยดีไหม?”
จู่ ๆ ชายคนหนึ่งก็ได้ถามไปยังชายหนุ่มร่างสูงที่เงียบมาโดยตลอด
ชายหนุ่มร่างสูงคิดอยู่สักพักแล้วกล่าว: “ช่างเหอะ ผู้นำคนนั้นมีผลต่อการได้เป็นตัวจริงของพวกเรา ถ้าทำให้เขาโมโหขึ้นมาล่ะก็ มันไม่เป็นผลดีกับพวกเราหรอก”
“โถ่เอ๊ย ผลงานของพวกเราต่างก็เห็น ๆ กันอยู่ จะขึ้นเป็นตัวจริงไม่ได้ได้ยังไง นายคิดมากเกินไปแล้ว”
คนพวกนั้นกำลังพูดกันอย่างเมามัน จู่ ๆ คนที่อยู่ใกล้กับประตูทางเข้าก็ได้ตะโกนขึ้นมา: “หัวหน้าวางมา!”
ชั่วพริบตา ทีมที่ยุ่งเหยิงนั้นก็ได้ฟื้นคืนสู่ความเป็นระเบียบเรียบร้อยในทันที
หวางเหวินป่ายผู้ดูแลฐานปฏิบัติการ กำลังพาหลี่ฝางและหลิวฮุยเดินเข้ามาข้างใน ในขณะเดียวกันนั้นก็ได้ใช้สายตาแห่งความอยากรู้อยากเห็นพิจารณาดูหลี่ฝาง
ถึงแม้เขาจะไม่หรือรู้จักหลี่ฝาง หลี่ฝางเป็นคนแปลกหน้าสำหรับเขา แต่กับหลิวฮุยกลับคุ้นเคยเป็นอย่างดี
จากแหล่งข่าวที่ไม่น่าเชื่อถือ ภูมิหลังของหลิวฮุยนั้นแข็งแกร่งมาก จนถึงขั้นพระเจ้ายังได้ยิน แค่จุดจุดนี้ก็สุดยอดจนหาที่เปรียบไม่ได้แล้ว
ส่วนชายหนุ่มแปลกหน้าคนนี้ ยังต้องให้หลิวฮุยเป็นคนเชิญมาด้วยตัวเอง จะต้องมีฐานะแบบไหนกันแน่? หวางเหวินป่ายอดไม่ได้ที่จะสงสัย
“คุณหลี่ สมาชิกของทีมสำรองทั้งหมดสามสิบคนต่างก็อยู่ที่นี่หมดแล้ว!”
พอถึงหน้าประตู หวางเหวินป่ายก็ได้กล่าวแนะนำกับหลี่ฝางขึ้นมา
หลี่ฝางพยักหน้า แต่กลับได้หันไปต่อ: “เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงได้ยุ่งเหยิงแบบนี้?”
ตั้งแต่ตอนที่อยู่ไกล ๆ แล้ว ที่หลี่ฝางได้มองเห็นความยุ่งเหยิงที่ไม่อาจทนดูได้ของที่นี่ นอกจากสายตาที่ทรงพลังของเขาแล้ว หวางเหวินป่ายที่อยู่ด้านข้างกลับมองไม่เห็น
เมื่อพูดประโยคนี้จบ หลี่ฝางก็เดินเข้าไป ด้านหลัง หวางเหวินป่ายก็ได้ตื่นตามมาติด ๆ
“ท่านนี้คือ……”
หลังจากที่หลี่ฝางได้ยืนต่อหน้าผู้คนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หวางเหวินป่ายกำลังจะเอ่ยแนะนำขึ้นมา กลับถูกหลี่ฝางเอ่ยตัดหน้า
“ฉันชื่อหลี่ฝาง เป็นหัวหน้าทีมคนใหม่ของพวกนาย”
เมื่อพูดประโยคนี้จบ หลี่ฝางก็พูดต่อทันที: “ฉันรู้ พวกนายต่างก็โดดเด่น และทะนงตน นอกจากนี้พวกนายยังไม่รู้จักฉันด้วยซ้ำ เกรงว่าก็คงจะไม่ยอมรับฉันด้วย เรื่องนี้ไม่เป็นไร ตอนนี้ฉันจะให้โอกาสพวกนาย ใครที่ไม่พอใจก็ยืนออกมาได้เลย”
ถึงแม้หลี่ฝางจะไม่มีประสบการณ์ทางด้านนี้ แต่สำหรับคนพวกนี้ที่ได้เข้าสู่ทีมหลงหยาโดยอาศัยความพยายามของตัวเองแล้ว ความทะนงตนภายในใจของพวกเขานั้นสามารถเข้าใจได้
แต่เขาไม่อาจปล่อยให้คนพวกนี้ทะนงตนต่อไป ไม่เช่นนั้นละก็คงไม่สามารถนำทีมนี้ได้
ภารกิจในครั้งนี้เต็มไปด้วยอันตราย หลี่ฝางจะต้องแก้ไขปัญหาที่มีอยู่ทั้งหมดนี้ก่อนออกเดินทาง เพื่อหลีกเลี่ยงการสละชีพโดยเปล่าประโยชน์ในสนามรบ
ถึงแม้หลี่ฝางจะไม่มีประสบการณ์ในการรบเหมือนกับคนที่ได้ผ่านการฝึกฝนมาพวกนี้ แต่เขาจำเป็นที่จะต้องกลายเป็นคนที่สามารถตัดสินใจได้ นักสู้พวกนี้สามารถพูดความคิดเห็นของตัวเองออกมาได้ อุทิศความคิดของตัวเองได้ แต่จะให้แย่งอำนาจในการสั่งการของหลี่ฝางไปไม่ได้
ดังนั้นอันดับแรกหลี่ฝางจะต้องทำให้คนพวกนี้ยอมรับเขา จะให้ทำอะไรโดยพลการหลังจากที่เขาออกคำสั่งไปแล้วไม่ได้ ที่เขาต้องการ คือให้คนพวกนี้ทำตามคำสั่งของเขาอย่างเชื่อฟัง ชี้ที่ไหนจู่โจมที่นั่น แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว
จริงอย่างที่คิด เหมือนกับที่หลี่ฝางคาดการณ์ไว้ไม่มีผิด หลังจากที่เขาพูดจบ สมาชิกทุกคนในทีมต่างก็ยืนออกมาพร้อมกัน
“ดี! ดีมาก!”
เมื่อเห็นคนพวกนี้ต่างก็ยื่นออกมาอย่างพร้อมเพรียง ถ้าหากหลี่ฝางยังไม่รู้อีกว่าคนพวกนี้ได้วางแผนไว้ล่วงหน้าแล้ว งั้นก็เลิกเหอะ
“กล้าหาญดี!”
ก็เห็นอยู่ว่าน้ำเสียงของหลี่ฝางนั้นสงบนิ่งมาก แต่กลับเหมือนกับเสียงฟ้าร้องคำราม ทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นหูอื้อไปหมด ถึงขั้นสั่นสะเทือนจนทำให้รู้สึกเจ็บ
วินาทีนี้ ท่าทีที่ทุกคนมีต่อหลี่ฝางนั้นเปลี่ยนเป็นระมัดระวังขึ้นมา แถมยังมีบางคนมีความคิดที่จะถอยหลังไปเกิดขึ้นภายในใจ
แต่ว่าหลี่ฝางไม่คิดที่จะให้โอกาสพวกเขาเลยสักนิด เขาจงใจใช้สายตาที่ดูถูกเหยียดหยามเหลือบมองไปรอบ ๆ และกล่าวด้วยน้ำเสียงแห่งความเยอะหยัน: “ตัวต่อตัวหรือว่าจะมาพร้อมกัน?”