NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่896 คฤหาสน์ตระกูลชิว

บทที่896 คฤหาสน์ตระกูลชิว

“ผมบอกให้นะ ได้ยินว่าคุณท่านตระกูลชิวท่านนั้นที่ห่างหายจากโลกภายนอกมาหลายปีจะออกมาแล้ว!”หยูฉายพูดอย่างลึกลับ

“ครั้งนี้คุณท่านตระกูลชิวออกมา ไม่แน่อาจจะเพราะว่าเขาทะลุผ่านปรมาจารย์กำลังภายในได้แล้ว ถึงตอนนั้นตระกูลชิวอยากกลับไปอยู่ตระกูลชนชั้นหนึ่งอีกครั้งก็ไม่ธรรมดาเหรอ?”

“เอ๋?”หลี่ฝางคิดอย่างละเอียด นี่มีความเป็นไปได้จริงๆ

“แบบนี้ก็คือตระกูลชนชั้นหนึ่งพวกนั้นอาจจะได้รับข่าวคราวมาแล้ว ถึงยอมให้ตระกูลชิวมาจัดศึกชิงจ้าวยุทธภพ?”

“เรื่องนี้ผมไม่รู้นะ”หยูฉายหัวเราะอย่างขมขื่น“ผมก็ได้ยินมาเหมือนกัน เลยไม่แน่ใจ”

หลี่ฝางพยักหน้า ไม่ได้พูดต่อ

มีคำถามอะไร รอไปถึงตระกูลชิวก็จะรู้เอง ถึงตอนนั้นอย่าทำเป็นที่สนใจก็ไม่เลว

ตอนที่หลี่ฝางเงียบ ไท่ซางในตอนนี้ที่อยู่ข้างๆกลับไม่จบ พูดไม่หยุดเลย

“หลิงฮุ่ย ตอนที่เห็นคุณในที่สุดผมก็เข้าใจว่าทำไมหมอดูถึงบอกว่าชีวิตของผมยังไม่สมบูรณ์ เพราะว่าคุณเติมเต็มผม ถึงจะสมบูรณ์แบบขึ้นมา”

ตั้งแต่ขึ้นรถมา ไท่ซางก็ไม่หยุดเปลี่ยนลูกไม้พูดคำพูดที่หลายสิบปีก่อนไม่มีใครชอบฟัง ครั้งแล้วครั้งเล่าไม่ยอมหยุด

หยูหลิงฮุ่ยที่รู้สึกเหลือทน ก็เริ่มด่าเขาขึ้นมา ไม่ใช่แค่ไม่ทำให้เขาหุบปากได้ กลับกันยังทำให้เขาดีใจมากขึ้น จึงต้องหุบปากลงอย่างทำอะไรไม่ได้ แล้วเลือกจะไม่สนใจเขาแทน

หยูฉายที่อยู่ข้างๆก็ทำอะไรไม่ได้

ที่จริงเขาอยากรู้จักสองคนนี้ในระหว่างทางที่ไปตระกูลชิว ถึงตอนนั้นก็จะมีสิทธิ์ในการพูดที่ศึกชิงจ้าวยุทธภพมากขึ้น

ใครจะไปคิดว่าไท่ซางที่เพิ่งเห็นและขึ้นมา จะทำให้หยูฉายปวดหัวมาก

เขากลับรู้สึกดีมากต่อหลี่ฝาง แต่การแสดงออกของไท่ซางกลับทำให้หยูฉายล้มเลิกความคิดที่จะผูกมิตรกับทั้งสองคนโดยสิ้นเชิง

หลี่ฝางก็รู้สึกขายขี้หน้าเล็กน้อย ยังไงการแสดงออกของไท่ซางตอนนี้ก็เหมือนโรคจิต ถ้าเป็นคนทั่วไปคงถูกชกจนไม่กล้าไปเจอใครแล้ว

คิดถึงตรงนี้ หลี่ฝางยิ่งจ้องไท่ซางอย่างโหดเหี้ยมโหดเหี้ยมมากขึ้น ทำให้ไท่ซางหุบปากลงอย่างเชื่อฟังทันที

เพราะว่าเขามองคำว่า“ถ้ากล้าพูดอีกคำจะชกคุณจนไม่กล้าไปเจอผู้คนแน่” จากสายตาของหลี่ฝางออก

เขาเป็นคนที่มองสายตาของคนอื่นออก เหมือนกลับระหว่างทางเมื่อกี๊ ถึงแม้เขาจะบ่นอยู่นาน หลี่ฝางกลับไม่ได้โกรธจริงๆ

ทันใดนั้นไท่ซางก็เงียบลง กลับทำให้หยูหลิงฮุ่ยแปลกใจขึ้นมา อดไม่ได้ที่จะมองสำรวจหลี่ฝางเล็กน้อย

เพราะว่าเมื่อกี้เธอก็สังเกตถึงสายตาที่หลี่ฝางจ้องไท่ซางได้ แค่คิดไม่ถึงว่าไท่ซางจะเชื่อฟังหลี่ฝางได้ขนาดนี้

ในใจหยูหลิงฮุ่ยก็สงสัยมากขึ้น หลี่ฝางกับไท่ซาง ทั้งสองคนนี้จะต้องไม่ใช่เพื่อนกันทั่วไปแน่ กลับกันยิ่งเหมือนว่า ……เป็นความสัมพันธ์ของลูกพี่กับลูกน้อง

ก็แค่หลี่ฝางเกินคำว่าธรรมดาเกินไป หยูหลิงฮุ่ยสำรวจอยู่นาน ก็ไม่เห็นอะไรเป็นพิเศษ

ก็ตามนี้ หยูหลิงฮุ่ยได้แต่เก็บความสงสัยนี้ไว้ในใจ ไม่ไปคิดอีก

สิบนาทีถัดมา ในที่สุดรถก็ขับมาถึงพื้นที่โล่งๆ จากถนนคดเคี้ยวเล็กๆ

แล้วภูเขาราบเรียบอันกว้างใหญ่ก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าทุกคน

“ในที่สุดก็ถึงแล้ว”หยูฉายหัวเราะขึ้นมาอย่างทนไม่ไหว ด้วยความเร็วจึงพารถขับมาที่ลานจอดรถโล่งๆแห่งหนึ่ง

“นี่เหรอ?ทำไมไม่มีอะไรเลย?ตระกูลชิวอาศัยอยู่ใต้ดินนี่น่ะเหรอ?”ไท่ซางมองไปรอบๆ ก็อดไม่ได้ที่จะถาม

“เหอะเหอะ ปัญญาอ่อน”หยูหลิงฮุ่ยหัวเราะดูถูก“ตระกูลชิวอยู่ที่หุบเขาข้างล่างต่างหาก!”

“หลิงฮุ่ย!ทำไมถึงพูดแบบนี้ล่ะ!”หยูฉายอดไม่ได้ที่จะตำหนิลูกสาวตัวเองไปทีหนึ่ง

เห็นลูกสาวตัวเองหันหน้าไปอย่างโกรธเคือง หยูฉายจึงอธิบายอย่างขอโทษว่า:“ว่ากันว่าตอนนั้นปรมาจารย์อาวุโสตระกูลชิว ทำตามอาจารย์ฮวงจุ้ยชี้นำ จึงต้องเอาตำแหน่งของคฤหาสน์ไปอยู่ใต้หุบเขา ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ฮวงจุ้ยดี เดินลงไปตลอดตามเส้นภูเขานี้ก็จะถึงแล้ว”

พวกหลี่ฝางสองคนมองไปตามทางที่หยูฉายชี้ ก็เห็นอาคารที่ซ่อนอยู่ภายใต้กลุ่มเมฆอย่างเลือนราง

“ห่าเอ๊ย ฮวงจุ้ยดีอะไรกันล่ะ”ไท่ซางด่าอย่างไม่พอใจ“แม้แต่ถนนก็ยังไม่ซ่อม ต้องให้คนขึ้นลงเขาไปมาแบบนี้ สมควรแล้วที่ตระกูลชิวจะต่ำต้อยลงไป!”

“เอ่อ!”ได้ยินไท่ซางพูดแบบนี้ หยูฉายมองซ้ายมองขวาอย่างกังวลทันที แล้วจึงพูดเสียงเบา:“แต่อย่าพูดแบบนี้ในที่นี้ ให้คนของตระกูลชิวได้ยิน ไม่งั้นพวกเราจบเห่แน่!”

ถ้าไท่ซางอยู่ที่อื่น จะพูดยังไงก็ช่างเขาเถอะ ที่สำคัญคือตอนนี้หยูฉายยืนอยู่กับพวกเขา ถ้าทำให้คนเข้าใจเขาผิดว่าไม่พอใจตระกูลชิวด้วยจะทำยังไง?

“หึ นี่ยังไว้หน้าเขานะ ถึงหัวหน้าครอบครัวตระกูลชิวจะอยู่นี่ ผมยังควรด่าเหมือนกันไหม!”ไท่ซางทำเสียงฮึดฮัดอย่างดูถูก“กล้าพูดเหลวไหลกับผมอีก ดูสิผมจะตบเขาตายไหม!”

ถ้ารู้ตัวตนของไท่ซาง พ่อลูกตระกูลหยูก็จะเชื่อคำพูดของไท่ซางเอง แค่เสียดายที่พวกเขาไม่รู้ ดังนั้นทัศนคติที่หยูหลิงฮุ่ยมีต่อไท่ซางก็ยิ่งดูถูก

“ตอนนี้พูดจาฟังดูดีนะ ถ้าได้เจอหัวหน้าครอบครัวตระกูลชิวจริงๆ ฉันกลัวว่าคุณจะตกใจกลัวจนฉี่ราดน่ะซิ!”

หัวหน้าครอบครัวตระกูลชิว ชิวเฉิงหลี่ เป็นคนที่มีชื่อเสียงมานาน เผชิญหน้ากับรุ่นน้องที่ไม่มีชื่อเสียงใดๆอย่างไท่ซางนี้ ในสายตาหยูหลิงฮุ่ย แค่มือข้างเดียวก็สามารถตบให้ตายได้

เห็นไท่ซางกับหยูหลิงฮุ่ยจะทะเลาะกันไม่หยุดอีก หลี่ฝางรีบห้ามไท่ซางไว้ พูดว่า:“พวกเรารีบลงไปดีกว่า”

ไท่ซางได้ยินคำนี้ ได้แต่หุบปากอย่างเชื่อฟัง ตามหลังหลี่ฝางเดินลงไปถนนเล็กๆนั่น

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท