NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่897 จะข้ามคืนไปอย่างไร

บทที่897 จะข้ามคืนไปอย่างไร

กลุ่มคนสี่คนเดินไปอย่างเงียบๆ

ระหว่างทางก็เจอคนที่มาร่วมงานเรื่อยๆ แค่ทุกครั้งที่หยูฉายเข้าไปคุยกับคนพวกนี้ ก็จะถูกพวกเขาเมินอย่างดูถูกหมด

ไม่สนเขา ก็เพราะว่าความแข็งแกร่งของหยูฉายนั้นอ่อนแอไป

ถ้าเป็นสถานที่เล็กๆ เขาอาจจะถูกคนหลายคนชื่นชม แต่ที่นี่ เป็นทั้งตอนที่จัดงานศึกชิงจ้าวยุทธภพอีก ความแข็งแกร่งของเขาจึงไม่คู่ควรแก่การพูดถึง

อย่างนี้หยูฉายจึงได้แต่หัวเราะอย่างขมขื่น ล้มเลิกความคิดที่จะไปรู้จักพวกขา

จนไปถึงหน้าประตูตระกูลชิว หยูฉายก็รู้จักคนไม่ได้สักคนเดียว

“ใช่สิ พวกคุณหาที่พักหรือยัง?”จู่ๆหยูฉายก็ถาม

“สถานที่พัก?”หลี่ฝางตะลึงเล็กน้อย“ตระกูลชิวไม่จัดที่พักให้เหรอ?”

“เหอะเหอะ คุณฝันอยู่เหรอไง?”หยูหลิงฮุ่ยพูดอย่างหัวเราะเยาะ

ทำให้หลี่ฝางหรี่ตาลง ไม่ค่อยพอใจกับคำเยาะเย้ยที่มาอีกแล้วของหยูหลิงฮุ่ย จึงหันหน้า มองไปที่หยูฉาย

หยูฉายจ้องหยูหลิงฮุ่ยอีกครั้ง จึงพูดว่า:“ครั้งนี้คนจำนวนมากเข้าร่วมศึกชิงจ้าวยุทธภพ ตระกูลชิวไม่มีที่พักจำนวนมากให้คนพักอาศัย มีแต่ยอดฝีมือที่มีชื่อเสียงพวกนั้น กับเพื่อนสนิทถึงจะมีคุณสมบัติเข้าพักได้ คนอื่นๆได้แต่คิดหาวิธีเอง”

หยูฉายเข้าใจว่า หลี่ฝางจะต้องไม่มีความสัมพันธ์กับตระกูลชิวแน่ ยิ่งไม่มีทางที่จะเป็นยอดฝีมือที่มีชื่อเสียงด้วย

ดังนั้นเขาจึงถามหลี่ฝางแบบนี้

หลี่ฝางขมวดคิ้ว

รอบๆนี้ไม่มีที่พักเลย อยากจะพักโรงแรมก็ได้แต่กลับไปในเมือง ปัญหานี้ เขาจะพิจารณาได้อย่างไร

“ไม่น่าล่ะคนที่มาวันนี้ถึงน้อยขนาดนี้”

ในที่สุดหลี่ฝางก็เข้าใจฉากแปลกๆที่พบเจอผู้คนไม่กี่คนระหว่างทางแล้ว

“ใช่สิ พี่หยูพวกคุณพักที่ไหนล่ะ?”หลี่ฝางคิดถึงปัญหานี้ ก็อดไม่ได้ที่จะสงสัย

หรือว่าหยูฉายยังมีคนที่คุยได้ในตระกูลชิวอีก?งั้นระหว่างทางเขาพยายามรู้จักคนอื่นมากขนาดนี้ทำไม?

“คือแบบนี้นะ หลิงฮุ่ยรู้จักวัยรุ่นตระกูลชิวคนหนึ่งพอดี ก่อนมาพวกเราติดต่อไว้แล้ว เขาเตรียมที่พักดีๆไว้ให้พวกเราแล้ว”หยูฉายไม่ได้ปิดบัง แต่กลับพูดอย่างภูมิใจหน่อยๆ

หยูหลิงฮุ่ยก็มีใบหน้าภูมิใจ เหมือนว่าตัวเองทำเรื่องอะไรที่เจ๋งสุดๆ

“ไม่รู้ว่าพี่หยูจะช่วยพวกเราหาสถานที่พักด้วยได้ไหม?”หลังจากหลี่ฝางลังเลสักพัก ทันใดนั้นก็พูด

ยังไงตอนนี้เขาก็ยังไม่อยากเปิดเผยตัวตน และก็ไม่รู้จักคนตระกูลชิวอีก อยากจะปิดบังตัวตนต่อไป ก็ได้แต่หาทางอื่น

หยูฉายลำบากใจขึ้นมาทันที

ลูกสาวของเขาไม่ได้สนิทมากกับวัยรุ่นตระกูลชิวคนนั้น ก็แค่เป็นเพื่อนนักเรียนกันเท่านั้น หาให้พวกเขาสองคนได้ก็ไม่ง่ายแล้ว นี่ยังต้องมาหาที่พักให้อีกสองคน ไม่ง่ายเท่าไหร่ที่จะพูดเลย

“แบบนี้ ถึงตอนนั้นผมจะถามดู”สุดท้าย หยูฉายได้แต่ตอบกลับไปอย่างลวกๆ

หลี่ฝางหมดหนทางเล็กน้อย เขามองความลำบากใจของหยูฉายออก รู้ว่าเรื่องนี้ไม่ได้ทำง่ายๆ

ตอนนี้เอง วัยรุ่นคนหนึ่งเดินออกมาจากตระกูลชิว

พอเห็นวัยรุ่นคนนั้น สีหน้าของหยูหลิงฮุ่ยก็ดูสดใสทันที ตะโกนไปทางวัยรุ่นคนนั้น

“เฉิงฝู ฉันอยู่นี่”

วัยรุ่นคนนั้นมองเห็นหยูหลิงฮุ่ย ตาทั้งคู่ไม่ใช่แค่เป็นประกาย แต่ยังปรากฏความโลภไปด้วย

ความโลภนี้ถูกหลี่ฝางเข้าใจในสายตาทันที เข้าใจทันทีว่า วัยรุ่นคนนี้สนใจอะไร

“หลิงฮุ่ย พวกเราไม่เจอกันหลายปี คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะได้เจออีก”วัยรุ่นที่ชื่อชิวเฉิงฝูเดินมาใกล้ตรงหน้าพวกเขาอย่างรวดเร็ว พูดไปทางหยูหลิงฮุ่ย

ในขณะที่พูดแบบนี้ไป ใบหน้าของชิวเฉิงฝูก็มีร่องรอยแห่งความเย่อหยิ่งหน่อยๆ

เขาเป็นถึงลูกหลานตระกูลชิว ในฐานะที่เป็นฝ่ายเจ้าภาพของศึกชิงจ้าวยุทธภพครั้งนี้ ก็ต้องมีความเย่อหยิ่งทะนงตนบ้าง

“นี่พ่อฉัน หยูฉาย”หยูหลิงฮุ่ยรีบชี้ไปที่หยูฉายที่อยู่ข้างๆแล้วแนะนำตัวให้ชิวเฉิงฝู

สามคนเป็นๆตัวใหญ่ขนาดนี้ แน่นอนว่าชิวเฉิงฝูไม่มีทางไม่เห็น แต่เขาไม่สนใจที่จะทักทายพวกเขา แต่ตอนนี้หยูหลิงฮุ่ยพูดก่อน เขาจึงจับมือกับหยูฉาย แล้วทักทายหยูฉาย

ท่าทีของเขาไม่ได้ดีเท่าไหร่นัก กลับกันเรียกได้ว่าทำอย่างลวกๆเล็กน้อยด้วย ท่าทีแบบนี้ก็ยังถูกหยูฉายตระหนักได้ แต่ก็ได้แต่ยิ้มไปให้ ไม่พูดอะไร

ยังไงทั้งสองคนก็อยากพักที่นี่ และยังต้องพึ่งให้ชิวเฉิงฝูจัดการอีก หลังจากนี้อีกสองสามวันก็ต้องพึ่งพาการดูแลของชิวเฉิงฝู

ดังนั้นถึงแม้หยูฉายไม่สบายใจกับท่าทีของชิวเฉิงฝูนัก เขาก็แสดงอาการอะไรไม่ได้

“ใช่สิ หลิงฮุ่ย ตอนนี้คุณเป็นความแข็งแกร่งอะไร?”จู่ๆชิวเฉิงฝูก็ถาม

“หลายวันก่อนฉันเพิ่งทะลุผ่านพลังภายนอกขั้นปลาย”หยูหลิงฮุ่ยได้ยินชิวเฉิงฝูถามแบบนี้ ก็ตอบด้วยใบหน้าแสนจะภูมิใจทันที

“อ้อ?จริงเหรอ?”ชิวเฉิงฝูหัวเราะเหอะเหอะ:“ตอนนี้ผมเพิ่งจะพลังภายนอกขั้นกลาง เทียบกับคุณแล้วยังมีระยะห่างอยู่”

ถึงจะพูดแบบนี้ ชิวเฉิงฝูกลับไม่ได้มีท่าทางละอายใจอะไรออกมา ยังไง เบื้องหลังเขาก็พึ่งพาตระกูลชิว ถึงแม้ความแข็งแกร่งมีแค่พลังภายนอกขั้นกลาง แต่ตัวตนในที่นี้ ก็สูงกว่าหยูฉายเยอะเลย

ส่วนหยูหลิงฮุ่ยหลังจากได้ยินว่าชิวเฉิงฝูฝึกถึงพลังภายนอกขั้นกลางเท่านั้น ก็ไม่ได้แสดงความผิดปกติใดๆ ยังคงทักทายด้วยรอยยิ้ม เรียกได้ว่าทัศนคติต่างกันราวกับฟ้ากับเหวเมื่อตอนที่เผชิญหน้ากับพวกหลี่ฝางทั้งสองคนก่อนหน้านี้

หลังจากทักทายกันสักพัก ชิวเฉิงฝูจึงพูดว่า:“รีบเข้าไปเถอะ!ก่อนหน้านี้คุณติดต่อผมมา ผมก็เตรียมห้องไว้ให้พวกคุณเรียบร้อยแล้ว ช่วงนี้คนมาเยอะ คนที่มาเร็วกว่าพวกคุณต่างมีไม่น้อยเลยที่หาห้องพักไม่ได้!”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท