NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 903 กับฉันหรือว่ากับเขา

บทที่ 903 กับฉันหรือว่ากับเขา

“เธอกลับไปเถอะ” เมื่อรู้สึกเห็นใจชิวทิงหยุน หลี่ฝางก็ไม่อยากทำให้เธอลำบากใจ ปัดมือแล้วพูด: “ไท่ซางไม่ต้องการให้เธอมารับใช้หรอก”

“ไม่ ไม่นะ ได้โปรดอย่าให้ฉันกลับเลยนะ” ความหวังดีของหลี่ฝาง กลับทำให้ชิวทิงหยุนเผชิญหน้ากับความหวาดกลัว ร่างกายสั่นไปทั่วร่าง

“ลูกพี่ จะทำแบบนี้ไม่ได้นะ คนๆนี้ตระกูลชิวส่งมาให้ฉันนะ” ไท่ซางแสร้งทำเป็นน้อยใจอย่างเร็ว และรีบพูดขึ้น

เมื่อเห็นท่าทีที่ดูน่าตลกของไท่ซาง ทันใดนั้นในใจของชิวทิงหยุนก็เกิดความประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนจะมาพ่อบ้านเฒ่าเคยเตือนเธอ ปรมาจารย์ในยุทธภพปรมาจารย์ไท่ซางนั้นเมื่อเทียบกับชิวเฉิงหลี่แล้วเป็นยอดฝีมือที่แกร่งว่าอีก ต้องให้เธอปรนนิบัติเขาให้ดีๆ

แต่ตอนนี้เธอกับประหลาดใจที่พบว่า เหมือนความสัมพันธ์ของสองคนนี้ไม่ธรรมดาเลย

กลับกันผู้ชายที่หน้าตาดูบ้านๆ นั้นอยู่ในตำแหน่งผู้นำเสมอ และไท่ซางก็เคารพผู้ชายคนนั้นอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ น่าประหลาดใจสุดๆ

ทันใดนั้นในใจของชิวทิงหยุนก็เกิดความอยากรู้อยากเห็น คาดเดาว่าผู้ชายที่สามารถทำให้ปรมาจารย์เคารพได้ ที่จริงแล้วมีฐานะอะไรกันแน่

“ลูกพี่ ทิ้งหล่อนไว้ให้ฉันเถอะ หล่อนก็ยินยอมเองแล้วด้วย ทำไมนายต้องห้ามด้วย?”

จู่ๆ ไท่ซางก็โยนประเด็นไปที่ชิวทิงหยุน ดวงตาสองข้างจ้องหล่อนเขม็ง สายตานั้นความหมายชัดเจนในตัวมันเอง ทำให้ชิวทิงหยุนต้องพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้และพูด: “ชะ……ใช่ ฉัน……”

“ฮ่าๆ ลูกพี่ ครั้งนี้พูดไม่ออกแล้วใช่มั้ย!” เมื่อได้ยิน ทันใดนั้นไท่ซางก็มีชีวิตชีวาขึ้นมา

เมื่อหลี่ฝางเห็นภาพนี้ก็หมดหนทาง เขาคิดอยู่ครู่ จู่ๆ ก็พูดขึ้น: “ชิวทิงหยุน ตอนนี้เธอเลือกได้ว่าจะไปกับฉัน หรือเลือกจะอยู่ที่นี่ และก็เลือกได้ว่าจะออกไปเอง เธอเลือกเองแล้วกัน!”

ทันใดนั้นชิวทิงหยุนก็ลังเล

เธอไม่มีทางเลือกที่จะออกไปเองแน่ๆ แบบนี้เหมือนรนหาที่ตายอย่างไม่ต้องสงสัย คงจะถูกชิวเฉิงหลี่ตีตายแน่ๆ

แต่ถ้าตามความต้องการของชิวเฉิงหลี่ เธอต้องมาปรนนิบัติไท่ซางปรมาจารย์ยุทธภพคนนี้ และพ่อบ้านเฒ่ายังบอกเธอว่า หลี่ฝางก็แค่ผู้ฝึกยุทธฝีมือต่ำ ถ้าหากเธอไปกับหลี่ฝาง แล้วชิวเฉิงหลี่รู้เข้า เธอก็ยังคงจบไม่สวยเหมือนกัน

แต่จากที่ชิวทิงหยุนสังเกตเมื่อกี้ กลับรู้สึกว่าฐานะของหลี่ฝางต้องไม่ธรรมดา ไม่เช่นนั้น ทำไมไท่ซางถึงปฏิบัติต่อเขาอย่างเคารพแบบนั้น?

ตอนนี้ ในที่สุดชิวทิงหยุนก็ตัดสินใจเลือกอย่างบ้าบิ่น หลังจากหันไปโค้งคำนับให้ไท่ซาง ก็หันหลังตามหลี่ฝางไป

“เนื้อป้อนถึงข้างปากแล้วนะ!” ไท่ซางโมโหทิ้งตัวลงนอนบนเตียง ตาสองข้างไร้อารมณ์ อย่างซังกะตาย

เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าที่ดังขึ้นจากด้านหลัง บนหน้าของหลี่ฝางก็มีรอยยิ้มเล็กน้อย

“ทำไมเธอถึงตามมา?” หลี่ฝางหันหลัง และถาม

“ฉันเชื่อนาย” ชิวทิงหยุนจ้องที่ไปหลี่ฝางพลางพูด

“อือ เข้ามาเถอะ” หลี่ฝางยิ้มเบาๆ และหันหลังเดินเข้าไป

ชิวทิงหยุนรีบเดินตามหลี่ฝางเข้าไป และถามขึ้นอีกครั้ง: “นี่คุณ ฉันควรเรียกคุณว่าอะไรเหรอ?”

หลี่ฝางตอบอย่างนิ่งๆ : “ฉันชื่อกู่เทียน!”

ไม่มีใครกล้ารับประกัน ว่าชิวทิงหยุนจะใช่หมากที่ชิวเฉิงหลี่วางแทรกซึมเข้ามาหรือเปล่า แค่ชนะใจด้วยการแกล้งทำตัวน่าสงสาร

ดังนั้นหลี่ฝางก็ยังคงต้องปิดบังชื่อที่แท้จริงของตัวเองเอาไว้

ที่เมืองเอกกับสี่ตระกูลใหญ่ รับมือกับคนมาทุกประเภท ทำให้หลี่ฝางค่อยๆ พัฒนานิสัยระมัดระวังทีละน้อย

ชิวทิงหยุนได้ยินชื่อของหลี่ฝางก็อดจะชะงักอยู่ครู่ไม่ได้ รู้สึกว่าชื่อนี้มันดูปลอมจริงๆ คงจะไม่ใช่จงใจตั้งชื่อให้ดูปลอมใช่มั้ย?

ถ้าหากหลี่ฝางรู้ความคิดนี้ เกรงว่าผู้หญิงคนนี้คงจะประหลาดใจกับสัญชาตญาณที่น่ากลัวนี้ มันแม่นจริงๆ

ทันใดนั้น หยูหลิงฮุ่ยพ่อลูกทั้งของคนกำลังอยู่ในห้องพักแขกที่อยู่ในที่ห่างไกลของคฤหาสน์ตระกูลชิว

สภาพแวดล้อมที่นี่ย่ำแย่ที่สุด จอมยุทธสิบกว่าคนที่มาจากต่างถิ่น พวกเขาทุกคนต่างถูกจัดให้พักอยู่ที่นี่

“สถานที่ทรุดโทรมขนาดนี้เลยนะ ฉันคิดว่าตำแหน่งของชิวเฉิงฝูในตระกูลชิวจะสูงสักแค่ไหน ที่แท้ก็แค่นี้” หลังจากที่ชิวเฉิงฝูไปแล้ว หยูหลิงฮุ่ยก็บ่นออกมาอย่างไม่ค่อยพอใจ

ต่อหน้าชิวเฉิงฝู หล่อนไม่กล้าพูดอะไรแบบนี้หรอก

“ช่างมันเถอะ อยู่ที่ตระกูลชิวจะพูดอะไรก็ต้องระวังหน่อย ไม่งั้นเกรงว่าจะหาเรื่องมาใส่ตัวเอง!” หยูฉายตักเตือนหยูหลิงฮุ่ย และยังมองดูรอบๆ อย่างระมัดระวังว่ามีคนแอบฟังอยู่หรือไม่

“กลัวอะไร ที่โทรมๆ แบบนี้ จะมีคนตระกูลชิวมาได้ยังไง” หยูหลิงฮุ่ยก็ยังคงบ่นอย่างไม่พอใจ

ตอนนี้เธอรู้แล้ว ชิวเฉิงฝูไม่ใช่คนในสายเลือดของตระกูลชิว แต่เป็นแค่ญาติห่างๆ ของตระกูลชิว ไม่มีตำแหน่งฐานะอะไรเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องจัดแบ่งห้องเลย

แค่สถานที่แบบนี้ ชิวเฉิงฝูยังต้องแลกมา ถึงจะได้มาอย่างไม่ง่ายเลย เพื่อที่จะ มาใช้เอาใจหยูหลิงฮุ่ยเท่านั้น

“เอาละ ทำใจเถอะ!มีที่ให้พักก็ดีแล้ว ลูกลองคิดถึงพวกกู่เทียนสิ ตอนนี้ทำได้แค่รีบกลับเข้าไปพักในเมือง?”

หยูฉายถอนหายใจ นึกถึงหลี่ฝางทั้งสองคนนั้น ในใจก็รู้สึกผิดไม่น้อย

ถึงยังไงพวกเขาก็มาด้วยกัน สุดท้ายก็ไม่ง่ายที่จะพาคนมาได้ แถมยังให้พวกเขากลับกันไปเอง เป็นแบบนี้ ทำให้เขารู้สึกผิดเล็กน้อยจริงๆ

“หึ!คนไม่ได้เรื่องสองคน ไม่มีความสามารถ แถมไม่รู้เรื่องอะไรเลย ยังคิดอยากเข้าร่วมศึกชิงจ้าวยุทธภพ รู้ตัวเร็วแล้วกลับไปก่อนก็ดี จะได้ไม่ถึงเวลาแล้วต้องมาขายขี้หน้า!” หยูหลิงฮุ่ยพูดกับหยูฉาย แต่กลับมีความดูถูกและเหยียดหยาม

หยูหลิงฮุ่ยยังคงบ่นอย่างไม่พอใจ: “ที่จริงคิดว่าในตระกูลชิว ชิวเฉิงฝูจะมีตำแหน่งสูงส่งขนาดไหน คิดไม่ถึงว่าจะจัดการให้มาอยู่ในสภาพแวดล้อมแค่นี้ ทำให้ฉันผิดหวังจริงๆ เลย”

ขณะที่พูดคุยกับชิวเฉิงฝู หล่อนก็พอจะรู้ถึงสถานการณ์ของชิวเฉิงฝูในตระกูลชิว

พูดให้ชัดๆ ชิวเฉิงฝูไม่ใช่ญาติทางสายเลือดของตระกูลชิว พ่อแม่ของเขา ก็แค่พวกพ้องกับคุณท่านตระกูลชิวเท่านั้น นับว่าเป็นแค่ญาติลูกพี่ลูกน้องเท่านั้นเอง

ฐานะญาติห่างๆ ในตระกูลชิว แน่นอนว่าต้องไม่สูงเหมือนญาติทางสายเลือด ศึกชิงจ้าวยุทธภพในครั้งนี้ สิทธิ์ในการจัดสรรห้อง ก็ไม่มีเป็นธรรมดา สามารถจัดหาห้องพักแขกที่อยู่เปลี่ยวๆ ไกลๆ มาให้หยูหลิงฮุ่ยพ่อลูกได้ ก็ต้องใช้เงินจำนวนนึงถึงจะได้มา

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท