NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 930 ใช้ด้วยชีวิต

บทที่ 930 ใช้ด้วยชีวิต

พูดจบชิวจงเทียนก็ผายมือแนะนำชายชราทางด้านซ้าย

“ท่านนี้คือปรมาจารย์ข่ง ข่งจิ่งยู่ เป็นปรมาจารย์กำลังภายในลำดับที่86บนรายชื่อ”

พูดจบชิวจงเทียนก็แนะนำคนทางด้านขวา

“ท่านนี้คือปรมาจารย์ส้ง ส้งหมิง เป็นปรมาจารย์กำลังภายในลำดับที่21บนรายชื่อ”

“คุณไม่เห็นผมและปรมาจารย์กำลังภายในอยู่ในสายตาเลยรึไง?”

ตอนนี้ชิวจงเทียนเห็นตัวเองไม่ได้การแล้ว จึงจะใช้ชื่อของปรมาจารย์กำลังภายในมากดขี่

อย่างที่คิดไว้ หลังจากชิวจงเทียนแนะนำปรมาจารย์อีก2คน ทุกคนในจัตุรัสต่างหน้าเปลี่ยนสี นี่คือการกดขี่โดยปริยาย ที่เกิดขึ้นหลังจากยืนยันสถานะของปรมาจารย์กำลังภายใน

แต่หลี่ฝางกลับยังคงไม่แสดงท่าทีอะไร ท่าทีแบบนี้เหมือนปรมาจารย์กำลังภายใน เป็นดั่งคนธรรมดาๆอย่างไรอย่างนั้น ทำให้ชิวจงเทียนแปลกใจขึ้นมาทันใด

ไม่ใช่แค่ชิวจงเทียน กำลังภายในอีกสองคนก็เช่นกัน พากันจ้องหลี่ฝางเขม็ง ราวกับจะมองผ่านความคิดที่แท้จริงของเขา

คนที่ปริปากพูดขึ้นก่อน คือส้งหมิง ผู้ที่มีพลังแข็งแกร่งที่สุด

“พวกเราสามคนเห็นตรงกันว่าจะสร้างพันธมิตรศิลปะการต่อสู้ แต่คุณกลับขัดขวาง ไม่พอใจอะไรพวกเราทั้งสามรึเปล่า หรือว่า……ดูถูกพวกเรา?”

พูดจบ เขาปล่อยพลังขู่อันมหึมาออกมาทันที จนแทบจะปกคลุมไปทั้งจัตุรัส

พลังอันมหึมาเช่นนี้ แกร่งกล้ากว่าพลังของชิวจงเทียน ที่ทำให้ผู้คนตกใจเมื่อครู่ไม่รู้ตั้งเท่าไร่

ทันใดนั้น ทุกคนก็รู้สึกสับสนวุ่นวาย ร้อนรนในใจลึกๆขึ้นมา โดยไม่คำนึงถึงการหายใจ

แต่หลี่ฝางก็ยังไม่รู้สึกอะไร ยืนอยู่ตรงนั้นเฉยๆเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และเหมือน……กำลังดูการแสดงตลก

เห็นภาพเช่นนี้ ส้งหมิงก็อยู่ไม่สุขอีกต่อไป

คนธรรมดาๆที่เผชิญกับพลังของเขา ไม่มีทางสงบเหมือนหลี่ฝางแบบนี้ ข้อนี้เห็นได้จากท่าทีของผู้คนในจัตุรัส

ชิวจงเทียนและอีกคนก็ตกตะลึงเช่นกัน

พวกเขาล้วนเคยประสบกับแรงพลังของส้งหมิงมากับตัว รู้ว่ามันทรงพลังขนาดไหน

แม้แต่ชิวจงเทียนที่เป็นกำลังภายในเช่นเดียวกัน ก็ยังได้รับผลกระทบ ยากที่จะเอาพลังออกมาได้หมด

“ก็แค่อยู่ในรายชื่อกำลังภายในลำดับที่21 ต่อให้ดูถูกคุณ แล้วจะทำไม?”ภายใต้การจับจ้องของทุกคน ในที่สุดหลี่ฝางก็ปริปากพูด

แต่ทันทีที่พูด คำพูดที่แสนจะเย่อหยิ่งทำเอาทุกคนตกตะลึง

“มะหมอนี่บ้าไปแล้วรึไง?”

“พูดกำลังภายในลำดับที่21อะไรกัน เขาคิดว่าตัวเองเป็นใคร?กู่ยี่เทียนเหรอ?”

ทุกคนใรจัตุรัสคิดว่าบางทีหลี่ฝางอาจเป็นคนบ้า ขึ้นเวทีมาพูดจาบ้าๆบอๆก็แค่นั้น

ไม่งั้นเผชิญกับปรมาจารย์กำลังภายในถึง3คน ใครมันมีสิทธิ์พูดจาดูถูกแบบนี้กัน?

ตอนนี้ชิวทิงหยุนที่อยู่ด้านล่างตื่นตระหนกจนเหงื่อไหลพลั่ก

แม้เธอเดาว่าหลี่ฝางเป็นปรมาจารย์กำลังภายใน แต่ให้3ต่อ1 หลี่ฝางจะไปเป็นคู่ต่อสู้ได้ยังไง?

คิดเช่นนั้น เอรีบหันไปมองไท่ซางทันที อยากรู้สถานการณ์ของหลี่ฝางว่าเป็นไงบ้าง ผ่านปฏิกิริยาของเขา

แต่คิดไม่ถึงว่าไท่ซางกลับมีท่าทีเหมือนกำลังดูละคร ไม่เป็นห่วงหลี่ฝางแม้แต่น้อย

ท่าทีแบบนี้ทำเอาชิวทิงหยุนชะงักงันไปทันใด

ส่วนสองพ่อลูกตระกูลหยูออกห่างชิวทิงหยุนไปไกลแล้ว หลบไปที่ที่ไม่เตะตา มองดูสถานการณ์บนเวทีด้วยความกลัวสุดขีด

“เจ้ากู่เทียนนี่บ้าไปแล้ว!คิดไม่ถึงว่ากล้ายั่วยุปรมาจารย์กำลังภายใน3ท่านด้วยตัวคนเดียว แย่แล้วๆ อีกเดี๋ยวพวกเราต้องติดร่างแห่ไปด้วยแน่ๆ ทำยังไงดี”

ตอนนี้หยูหลิงฮุ่ยกลับดีใจ ที่ตนไม่ได้ไปเกาะแกะหลี่ฝางอย่างที่คิดก่อนหน้านี้ ไม่งั้นตอนนี้ตนคงยิ่งลำบากเข้าไปอีก

แล้วหันไปมองชิวทิงหยุน ที่ยืนอยู่คนเดียวที่สีหน้าเต็มไปด้วยความร้อนใจ หยูหลิงฮุ่ยก็กลับรู้สึกพึงพอใจ……

บนเวทีสูง หลี่ฝางทำเอาส้งหมิงโมโหจริงๆ มองหลี่ฝาด้วยสีหน้าเคร่งขรึมพลางพูด:“คุณรู้ตัวไหมว่ากำลังพูดอะไรอยู่?”

“รู้สิ”หลี่ฝางหัวเราะเบาๆ“แต่ ผมว่าพวกคุณน่าจะไม่ค่อยเข้าใจ”

“ผมไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมคุณถึงรนหาที่ตาย”ส้งหมิงยิ้มเยาะ“ถึงจะรนหาที่ตาย แต่ก็ควรหาวิธีตายที่มันดีๆหน่อยสิ คุณทำตัวแบบนี้ช่างโง่เง่าจริงๆ!”

“ดูเหมือนพวกคุณยังไม่เข้าใจ”หลี่ฝางส่ายหน้าไปมา

ในที่สุดไฟโกรธในใจส้งหมิงก็ถูกลี่ฝางจุดขึ้น ไม่ออมมืออีกต่อไป พลังทั้งตัวเพิ่มขึ้นหลายเท่า พุ่งใส่หลี่ฝางอย่างมืดฟ้ามัวดิน

เห็นเช่นนี้ ผู้คนทั้งจัตุรัสก็ส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์ละครฉากนี้กันออกมาอย่างอดไม่ได้

“หมอนี้จบเห่แล้วล่ะ จุดจบของความโง่คือความตายไง!”

“ตอนแรกยังหวังรอดูว่าพวกเขาจะพูดความเห็นที่ยอดเยี่ยมอะไร ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องไร้สาระทั้งนั้น เห้อ เสียเวลาฉันจริงๆ”

“แค่พลังกำลังภายนอกช่วงหลังก็กล้าอวดดีซะขนาดนี้ ไม่แปลกที่ปรมาจารย์ส้งจะโกรธ เจ้าหมอนี่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเอาซะเลย”

ขณะนี้คนที่อยู่ข้างๆหลี่ฝางหน้าถอดสีสุดๆ สัมผัสได้ถึงแรงกดอันน่าสะพรึงกลัวนั่น ต่างพากันถอยออกไปห่างๆหลี่ฝาง หนีช้าไปเดี๋ยวตัวเองได้รับผลกระทบ

เพียงชั่วพริบตา รอบๆหลี่ฝางว่างเปล่า

และขณะนั้นเองส้งหมิงก็ระเบิดออกมา หลังจากตะโกนเสียงดัง พลังอันน่าสะพรึงกลัวนั่นก็พุ่งมาทางหลี่ฝาง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท