NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่934 กู่ยี่เทียนขึ้นเวที

บทที่934 กู่ยี่เทียนขึ้นเวที

“ผมติดหนี้บุญคุณชิว”ส้งหมิงพูดขึ้นเรียบๆ

“คุณยินดีมอบชีวิตให้กับอิแค่บุญคุณเนี่ยนะ?”หลี่ฝางแปลกใจ

“ยินดี”ส้งหมิงยังคงพูดโดยไม่ลังเล

ได้ยินเช่นนั้นหลี่ฝางก็อดไม่ได้ที่จะนับถือ

“เห็นแก่คำพูดนี้ ผมจะไว้ชีวิตคุณสักครั้ง”หลี่ฝางมองส้งหมิงพลางพูด

“ปรมาจารย์หลี่จะกดดันเช่นนี้จริงๆเหรอ?”ส้งหมิง ทั้งสามคนได้ยินแล้วหน้าถอดสี

สำหรับพวกเขา แม้หลี่ฝางเก่งกว่าพวกเขา แต่ก็ยังเป็นแค่ปรมาจารย์กำลังภายใน

แม้ก่อนหน้านี้สามารถสู้1ต่อ3ได้ แต่ก็เพราะใช้วิธีพิเศษ แน่นอนว่าต้องชดใช้เป็นจำนวนมาก

แต่ตอนนี้ทำเพราะเรื่องที่ไม่เกี่ยวอะไรกับเขาเลย มันคุ้มแล้วจริงๆเหรอ?

“ผมไม่ทำเช่นนั้นแน่นอน แค่คนอื่นคงทำ”หลี่ฝางส่ายหน้าพลางหัวเราะเบาๆ จู่ๆก็ตะโกนดังขึ้น

“ท่าน ไหนๆก็มาแล้ว ทำไมต้องหลบๆซ่อนๆเช่นนี้ด้วยล่ะ?”

คำพูดของหลี่ฝาง ทำให้เกิดความโกลาหลขึ้นทันใด

ส้งหมิงทั้งสามคนหันไปมองรอบๆทันที มองหาคนที่หลี่ฝางพูดถึง แต่กลับไม่พบอะไร

“ปรมาจารย์หลี่ ท่านหมายถึงใครกัน?”พวกเขาถามขึ้นด้วยความสงสัย

หลี่ฝางกลับไม่ตอบอะไรพวกเขา แต่หันไปมองกลุ่มคนด้านล่าง พูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม:“ผมเดาว่าท่านก็คงเป็นคนที่มีชื่อเสียง แต่ทำไมตอนนี้ลับๆล่อไม่ปรากฏตัวออกมา?”

จากทิศทางสายตาที่หลี่ฝางมองไป ทุกคนก็หลบอย่างรวดเร็ว กลัวคนอื่นจะเข้าใจผิดแล้วเกิดเรื่องเดือดร้อนขึ้น

สถานการณ์แบบนี้ หลบไปจนถึงตรงหน้าชายร่างสูงน่าเกรงขามคนหนึ่งถึงจะหยุดลง

ชายหญิงสี่คนที่อายุไม่เยอะมากยืนอยู่ด้านหลังชายคนนั้น ปกป้องชายร่างสูงน่าเกรงขามผู้นั้นไว้อย่างแน่นหนา

“กู่ยี่เทียน!”ส้งหมิงส่งเสียงตกตะลึงขึ้นเป็นคนแรก

คนผู้นี้คือกู่ยี่เทียน ผู้แข็งแกร่งหมายเลขหนึ่งของต้าเซี่ยหลงเช่ว และเป็นปรมาจารย์กำลังภายในลำดับที่3

ส่วนชายหญิงสี่คนข้างๆกู่ยี่เทียน ก็ถูกผู้คนจำได้อย่างรวดเร็ว

“นั่นคือสี่ขุนศึกของต้าเซี่ยหลงเช่ว มังกรฟ้า เสือขาว หงส์แดง และเต่าดำ!”

“เป็นปรมาจารย์กำลังภายในทั้งหมดเลย!”

ทันใดนั้น ทั้งจัตุรัสก็ระเบิดขึ้นมา

ไม่มีใครคาดคิดว่าในงานตระกูลเล็กๆอย่างตระกูลชิว จะรวมตัวยอดฝีมือกำลังภายในไว้ถึง9คน ภาพแบบนี้ อย่างกับเรื่องมหัศจรรย์สำหรับนักศิลปะต่อสู้ธรรมดาๆในจัตุรัส

แต่ที่ทุกคนคิดไม่ถึงก็คือ ปรมาจารย์กำลังภายในที่อยู่ในนี้จริงๆแล้วไม่ใช่แค่9คน แต่เป็น10คน ยังมีไท่ซางที่ปกปิดตัวตนอีกคนหนึ่งเท่าที่รู้ตอนนี้ยังไม่เปิดเผยตัวตนออกมา

เมื่อเห็นทั้ง5คนค่อยๆเดินไปด้านหน้า หลี่ฝางก็หรี่ตาลงอย่างอดไม่ได้

เขาเพิ่งมารู้จักต้าเซี่ยหลงเช่วก็ช่วงนี้ สงสัยมานานแล้วว่าทำไมต้าเซี่ยหลงเช่ว ถึงปราบปรามสำนักได้เยอะขนาดนี้ เพราะจากภายนอกต้าเซี่ยหลงเช่วก็ไม่ได้เห็นว่ามียอดฝีมืออะไรนัก

จากข่าวที่หลี่ฝางรู้มาช่วงนี้ ยอดฝีมือไม่กี่คนที่ปรากฏให้เห็นของต้าเซี่ยหลงเช่วนั้น อย่างมากก็แค่พลังระดับปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ แม้จะบวกกับกู่ยี่เทียน ก็ไม่เกินพลังปรมาจารย์กำลังภายในหนึ่งคน

จนกระทั่งวันนี้หลี่ฝางถึงได้เข้าใจ ว่าพลังที่ต้าเซี่ยหลงเช่วปิดซ่อนไว้นั้นแข็งแกร่งเพียงใด

“คุณพบผมได้อย่างไร?”กู่ยี่เทียนมองหลี่ฝางอย่างไม่สะทกสะท้าน พลางถามอย่างเรียบเฉย ภายใต้สายตาจับจ้องของผู้คน

ส้งหมิงและคนอื่นๆไม่เข้าใจว่าทำไมกู่ยี่เทียนถามแบบนี้ เพราะพลังของหลี่ฝางก็ไม่ได้อ่อนด้อย พบกู่ยี่เทียนก็เป็นเรื่องธรรมดา

แต่หลี่ฝางรู้ว่าที่กู่ยี่เทียนนั้นไม่ใช่สิ่งนี้

เพราะกู่ยี่เทียนในตอนนี้นั้นเหมือนกับหลี่ฝาง ปริมาณของกำลังภายในแตกต่างกับกำลังภายในของยอดฝีมือคนอื่นๆโดยสิ้นเชิง

เขาได้ก้าวข้ามขั้นไปไกลกว่ากำลังภายในแล้ว

ตอนหลี่ฝางเพิ่งมาถึงที่นี่ รู้สึกได้ถึงไอพลังที่ไม่เหมือนใครในกลุ่มฝูงชน บางที่เพราะกู่ยี่เทียนมั่นใจว่าไม่มีใครมีพลังถึงขั้นนี้ จึงไม่ได้ซ่อนไอพลังของตัวเองไว้

แม้กำลังภายในผู้แข็งแกร่งธรรมดาคนอื่นๆไม่อาจรับรู้ถึงความพิเศษของกู่ยี่เทียน แต่สำหรับหลี่ฝาง กู่ยี่เทียนกลับสะดุดตาเหมือนช้างในฝูงมด

และตอนนั้นการค้นพบนี้ก็ทำเอาหลี่ฝางอึ้งไปเลย

บนโลกนนี้มียอดฝีมือเยอะขนาดนี้เลย?เขาเพิ่งจะฝ่าทะลวงได้ จากนั้นผ่านไปแค่พริบตาเดียวก็มีคนที่เหมือนเขาโผล่ขึ้นมาอีกคน ยิ่งไปกว่านั้นคือเก่งกว่าเขาอีก

หลี่ฝางเผชิญสายตาสงสัยของกู่ยี่เทียน ไม่ตอบอะไร แสร้งทำเป็นลึกลับซับซ้อนทันที

“หลี่ฝาง อย่าคิดว่าตัวเองมีชื่อเสียงนิดหน่อยแล้วไม่เห็นหัวคนอื่นไปหน่อยเลย ลำดับของลูกพี่เราสูงกว่าคุณอีกนะ”กู่ยี่เทียนไม่ได้พูดอะไร เสือขาวด้านข้างเขาจึงทนไม่ได้

“รอให้คุณตามลำดับผมทันก่อนแล้วค่อยพูดแบบนี้กับผมเถอะ”หลี่ฝางก็ตอกกลับไปอย่างไม่เกรงใจ

เสือขาวกำลังจะเกิดโทสะ ก็ถูกกู่ยี่เทียนห้ามเอาไว้

กำลังภายในของเขาฝ่าทะลวงอีกครั้ง และมันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อเร็วๆนี้ เดิมทีคิดว่าเมื่อมาถึงระดับนี้ก็ไม่มีใครสู้ตนได้แล้ว(ไร้ศัตรู) แต่ตอนนี้ได้เจอหลี่ฝางอีกครั้ง เขากลับพบว่าตนนั้นยังไม่หมดสิ้นศัตรู

ส้งหมิงทั้งสามคนในขณะนี้รู้สึกหมดหวังสุดๆ

กู่ยี่เทียนและสี่ขุนศึกของต้าเซี่ยหลงเช่วปรากฏตัวขึ้น เท่ากับประกาศถึงความพ่ายแพ้ของพวกเขาอย่างสมบูรณ์

แต่พวกทั้งสามยังคงไม่ยอม ไม่ยอมให้แผนการที่วางไว้เนิ่นนานมาพังทลายลงแบบนี้ ไม่ยอมให้ความพยายามเสียเปล่า

คิดเช่นนี้ ชิวจงเทียนก็จะสู้สักตั้ง จึงเดินก้าวไปด้านหน้า กัดฟันถาม:“ปรมาจารย์กู่ผู้น่าเกรงขาม พาคนมาตระกูลชิวของผมเยอะแยะขนาดนี้ ไม่ทราบว่ามีเรื่องสำคัญอะไร?”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท