“หลี่ หลี่ฝาง ฉันเป็นคนตระกูลหวาง แกต้องคิดให้ดีนะ ตระกูลหวางของฉัน แกไม่อาจมีเรื่องด้วยได้……” หวางซีหมิงหวังว่าภูมิหลังของตระกูลตัวเองจะทำให้ชายคนนี้วางมือลงได้ แต่ทว่าเสียงของเขากลับอ่อนแอไม่มีแรงเอาซะอย่างนั้น
“เหอะ ๆ ตระกูลหวางเหรอ?” หลี่ฝางเดินมาถึงตรงหน้าของหวางซีหมิง จากนั้นก็คว้าจับเข้าไปที่แขนของเขา แล้วยกเขาขึ้นมา: “ดีเลย ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าเพื่อแกแล้ว ตระกูลหวางจะมาเป็นศัตรูกับฉันหรือเปล่า!”
กล่าวจบ มือข้างที่หลี่ฝางใช้จับแขนของหวางซีหมิงนั้น ก็พลันออกแรงขึ้นมา
เสียง “กรอบ” ดังขึ้น แขนข้างนั้นของหวางซีหมิงถูกหลี่ฝางหักแตกทันที
หวางซีหมิงร้องโอดโอยขึ้นมาอย่างเจ็บปวด ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีตับหมูขึ้นมา แล้วคุกเข่าลงไปกองบนพื้น
ร่างของเกาจื่อหมิงและมู่หรงฉางเฟิงต่างก็สั่นสะท้านขึ้นมา
หลี่ฝางหันหน้ากลับไปมองดูคนทั้งสอง ในสายตามีแววอาฆาตอยู่เล็กน้อย
“ตุ้บ!”
ถูกสายตาของหลี่ฝางกวาดมองมา มู่หรงฉางเฟิงก็คุกเข่าลงไปด้วยความหวาดกลัว เดิมทีเขาพยายามดึงดันไม่ให้ตัวเองคุกเข่าลงไป แต่ทว่าร่างกายของเขากลับเร็วกว่าความดึงดันของเขาไปหนึ่งก้าว ไม่ได้หยุดชะงักเลยสักนิด
ส่วนเกาจื่อหมิงที่เดิมทีก็ได้คุกเข่าอยู่บนพื้นอยู่แล้วนั้น ก็ได้กล่าวยอมรับผิดขึ้นมารัว ๆ : “พี่หลี่ ผมผิดไปแล้ว ผมมันเป็นไอ้โง่ ที่อยู่ดี ๆ ก็วิ่งมาหาเรื่องพี่ ผมยอมรับผิด”
เกาจื่อหมิงกล่าวอย่างไม่หยุด หวังว่าหลี่ฝางจะไม่ลงมือกับเขา
มีเพียงเจิ้งจิ้นเผิงที่ไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ หลี่ฝางเองก็ไม่ได้อะไรกับเขา เพราะยังไงซะชายคนนี้ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรขึ้นมาเลย หลี่ฝางเองก็ไม่ทำร้ายผู้บริสุทธิ์อย่างมั่วซั่ว
ส่วนเกาจื่อหมิง……ตัวเองก็ไม่ได้ตำหนิเขาเลยสักนิด แต่เป็นเจ้าหมอนั่นเองที่ไม่ได้เรื่อง หลี่ฝางไม่ได้จะไปเอาเรื่องอะไรเขาเลย เขาตกใจกลัวจนกลายเป็นแบบนี้ไปเอง
“หวางซีหมิง ถ้าหากยังกล้ามารุกรานตระกูลฉินอีก ครั้งหน้าจะไม่ใช่แค่แขนหนึ่งข้างอย่างนี้อีกแล้ว” หลี่ฝางหัวเราะอย่างเย็นชา และไม่ได้สนใจคนพวกนั้นอีก เขาพาฉินวี่เฟยหันหลังเดินออกไป
……
ภายในคฤหาสน์ที่หรูหราหลังหนึ่งในเมืองเซี่ยงไฮ้ ผู้คนกลุ่มหนึ่งกำลังยุ่งวุ่นวายเดินเข้า ๆ ออก ๆ ห้องใหญ่ห้องหนึ่ง
บนใบหน้าของคนเหล่านี้มีความหดหู่อยู่บาง ๆ ราวกับได้พบเจอเรื่องราวบางอย่างที่ทำให้หนักใจมาก
ส่วนหวางซีหมิงในเวลานี้ได้นอนอยู่บนเตียงในห้องนี้นั่นเอง ร่างกายของเขาได้ผ่านการรักษามาแล้ว แต่ว่าแววตาที่ว่างเปล่านั่นของเขา ราวกับยังไม่ได้ฟื้นจากแรงโจมตีที่ได้เผชิญในวันนี้
ในเวลานี้ชายชราในชุดจงซานจวงคนหนึ่งกำลังตรวจดูอาการบาดเจ็บบนร่างกายให้กับหวางซีหมิง ผ่านไปสักพัก เขาก็ได้เก็บอุปกรณ์ในมือลงไปด้วยใบหน้าสงบนิ่ง
ที่ข้างกายของชายชราคนนี้ มีหญิงชายวัยกลางคนที่มีบุคลิกไม่ธรรมดาคู่หนึ่งยืนอยู่ เมื่อเห็นชายชราหยุดการเคลื่อนไหวลง ก็ได้รีบเอ่ยถามขึ้นมา: “ท่านหยาง ลูกชายของฉันเป็นยังไงบ้าง?”
“คุณชายไม่เป็นอะไรแล้ว อีกฝ่ายไม่ได้ลงมือถึงขั้นเอาชีวิต อาการบาดเจ็บบนร่างกายต่างก็สามารถฟื้นฟูได้” ชายชรากล่าวด้วยรอยยิ้ม: “เพียงแต่ว่าระยะนี้ให้คุณชายนอนพักอยู่บนเตียงก่อนจะดีกว่า”
“แต่ทำไมตอนนี้เขายังเป็นแบบนี้อยู่ล่ะ?” หญิงวัยกลางคนมองแววตาที่ไม่มีชีวิตชีวาของลูกชายตัวเอง แล้วกล่าวอย่างเป็นกังวล
“คนวัยรุ่น ได้รับการกระทบกระเทือนทางจิตใจเลยไม่สามารถแบกรับได้ไปชั่วขณะ อกสั่นขวัญหายเล็กน้อย ไม่เป็นไรหรอก ผ่านไปสักระยะก็จะดีขึ้นเอง”
“ขอบคุณท่านหยางมาก” สองสามีภรรยาในเวลานี้ถึงได้วางใจขึ้นมาบ้าง และกล่าวอย่างตื้นตันใจเล็กน้อย
ไม่นาน ชายชราคนนี้ก็ได้จากไปโดยการนำทางของคนรับใช้
ในตอนนี้เอง ชายชราที่มีผมหงอกไปทั้งหัว บุคลิกดีคนหนึ่งก็ได้เดินเข้ามาอย่างช้า ๆ
เมื่อชายวัยกลางคนเห็นชายชราคนนี้ก็รีบเดินเข้าไปหาทันที และพยุงอย่างระมัดระวัง พลางกล่าวเสียงเบา: “คุณพ่อครับ ท่านมาได้ยังไง?”
“หึ หลานชายของฉันถูกคนทำร้ายจนกลายเป็นแบบนี้ แกยังถามฉันอีกว่าฉันมาได้ยังไง?” ชายชราหึออกมาหนึ่งครั้งอย่างเย็นชา แล้วเดินตรงเข้าไปในห้องทันที
คนในห้องเห็นชายชราเดินเข้ามา ก็รีบทำความเคารพต่อชายชราทันที ท่าทางเคารพนบนอบอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
“คุณพ่อ!” หญิงวัยกลางคนเห็นชายชราเดินเข้ามา ก็รีบกล่าวพลางร้องไห้ขึ้นมาทันที: “คุณพ่อต้องจัดการใช้ซีหมิงนะคะ!”
“วันนี้ใครออกไปกับซีหมิง?” ชายชรามองดูหวางซีหมิงที่นอนอยู่บนเตียง บนใบหน้าปรากฏแววความสงสารออกมาอย่างห้ามไม่ได้
ถึงแม้ในบรรดาลูกหลานของเขา หวางซีหมิงจะไม่ได้โดดเด่นนัก หรือจะเรียกว่าไม่เอาไหนก็ได้ แต่ก็ไม่ใช่คนที่ใคร ๆ ก็สามารถรังแกได้
ทำร้ายหวางซีหมิง ก็เท่ากับตบหน้าตระกูลหวางของเขา
เมื่อได้ยินชายชราถามดังนั้น ชายวัยกลางคนเมื่อตอนกลางวันคนนั้นก็ได้รีบเดินออกมาทันที และกล่าวอย่างนอบน้อม: “ผมเองครับ”
มองดูชายวัยกลางคนที่มีบาดแผลอยู่ทั่วร่างกาย ชายชราไม่ได้โมโห เขาหรี่ตาสองข้างพลางถาม: “วันนี้เรื่องราวเป็นมายังไงกันแน่?”
หัวใจของชายวัยกลางคนสั่นสะท้านขึ้นมา เขาไม่กล้าปิดบัง เขารีบเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ออกมาหนึ่งรอบ
เดิมทีในตอนที่ชายชราได้ยินว่าหวางซีหมิงเพียงแค่โจมตีตระกูลเล็ก ๆ ตระกูลหนึ่ง เขาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร แต่พอชายวัยกลางคนเอ่ยชื่อหลี่ฝางขึ้นมา เขาก็สนใจขึ้นมาทันที
“เมื่อกี้แกบอกว่า คนคนนั้นชื่อหลี่ฝาง?” เขารีบเอ่ยถามขึ้นมาหนึ่งรอบ
“ครับ……” ชายวัยกลางคนรู้สึกว่าน้ำเสียงของชายชราแปลกประหลาดเล็กน้อย เขาตอบกลับด้วยความกังวล
ชายชราเงียบไปทันที
และเนื่องจากความเงียบสงบของชายชรา คนอื่น ๆ ต่างก็เบาการเคลื่อนไหวลงอย่างระมัดระวัง เกรงว่าจะทำให้เกิดเสียงดังออกมา ทำให้ชายชราตื่นตกใจ และทำให้โดนลงโทษ
แต่ทุกคนกลับพบว่า สีหน้าท่าทางของชายชราค่อนข้างจะเคร่งเครียดละหมดปัญญา สุดท้ายเขาก็ได้ส่ายหัว
“แล้วไปเถอะ ให้มันจบลงแค่นี้ และห้ามติดตามถามไถ่เรื่องนี้อีก”
คำพูดของชายชรา เหมือนกับว่าได้ตัดสินผลลัพธ์ของเรื่องนี้ในทันที
“อะไรนะ? คุณพ่อคะ เรื่องนี้จะจบแบบนี้ไม่ได้นะ! ฉันได้สืบมาแล้ว เบื้องหลังของไอ้หมอนั่นก็แค่ตระกูลเล็ก ๆ อย่างตระกูลหลี่เอง!”
ทันใดนั้นหญิงวัยกลางคนก็ร้องตะโกนขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ ในแววตาเต็มไปด้วยความไม่ยินยอม