NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่948 อย่าไปหาเรื่องหลี่ฝาง

บทที่948 อย่าไปหาเรื่องหลี่ฝาง

“หลี่ หลี่ฝาง ฉันเป็นคนตระกูลหวาง แกต้องคิดให้ดีนะ ตระกูลหวางของฉัน แกไม่อาจมีเรื่องด้วยได้……” หวางซีหมิงหวังว่าภูมิหลังของตระกูลตัวเองจะทำให้ชายคนนี้วางมือลงได้ แต่ทว่าเสียงของเขากลับอ่อนแอไม่มีแรงเอาซะอย่างนั้น

“เหอะ ๆ ตระกูลหวางเหรอ?” หลี่ฝางเดินมาถึงตรงหน้าของหวางซีหมิง จากนั้นก็คว้าจับเข้าไปที่แขนของเขา แล้วยกเขาขึ้นมา: “ดีเลย ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าเพื่อแกแล้ว ตระกูลหวางจะมาเป็นศัตรูกับฉันหรือเปล่า!”

กล่าวจบ มือข้างที่หลี่ฝางใช้จับแขนของหวางซีหมิงนั้น ก็พลันออกแรงขึ้นมา

เสียง “กรอบ” ดังขึ้น แขนข้างนั้นของหวางซีหมิงถูกหลี่ฝางหักแตกทันที

หวางซีหมิงร้องโอดโอยขึ้นมาอย่างเจ็บปวด ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีตับหมูขึ้นมา แล้วคุกเข่าลงไปกองบนพื้น

ร่างของเกาจื่อหมิงและมู่หรงฉางเฟิงต่างก็สั่นสะท้านขึ้นมา

หลี่ฝางหันหน้ากลับไปมองดูคนทั้งสอง ในสายตามีแววอาฆาตอยู่เล็กน้อย

“ตุ้บ!”

ถูกสายตาของหลี่ฝางกวาดมองมา มู่หรงฉางเฟิงก็คุกเข่าลงไปด้วยความหวาดกลัว เดิมทีเขาพยายามดึงดันไม่ให้ตัวเองคุกเข่าลงไป แต่ทว่าร่างกายของเขากลับเร็วกว่าความดึงดันของเขาไปหนึ่งก้าว ไม่ได้หยุดชะงักเลยสักนิด

ส่วนเกาจื่อหมิงที่เดิมทีก็ได้คุกเข่าอยู่บนพื้นอยู่แล้วนั้น ก็ได้กล่าวยอมรับผิดขึ้นมารัว ๆ : “พี่หลี่ ผมผิดไปแล้ว ผมมันเป็นไอ้โง่ ที่อยู่ดี ๆ ก็วิ่งมาหาเรื่องพี่ ผมยอมรับผิด”

เกาจื่อหมิงกล่าวอย่างไม่หยุด หวังว่าหลี่ฝางจะไม่ลงมือกับเขา

มีเพียงเจิ้งจิ้นเผิงที่ไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ หลี่ฝางเองก็ไม่ได้อะไรกับเขา เพราะยังไงซะชายคนนี้ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรขึ้นมาเลย หลี่ฝางเองก็ไม่ทำร้ายผู้บริสุทธิ์อย่างมั่วซั่ว

ส่วนเกาจื่อหมิง……ตัวเองก็ไม่ได้ตำหนิเขาเลยสักนิด แต่เป็นเจ้าหมอนั่นเองที่ไม่ได้เรื่อง หลี่ฝางไม่ได้จะไปเอาเรื่องอะไรเขาเลย เขาตกใจกลัวจนกลายเป็นแบบนี้ไปเอง

“หวางซีหมิง ถ้าหากยังกล้ามารุกรานตระกูลฉินอีก ครั้งหน้าจะไม่ใช่แค่แขนหนึ่งข้างอย่างนี้อีกแล้ว” หลี่ฝางหัวเราะอย่างเย็นชา และไม่ได้สนใจคนพวกนั้นอีก เขาพาฉินวี่เฟยหันหลังเดินออกไป

……

ภายในคฤหาสน์ที่หรูหราหลังหนึ่งในเมืองเซี่ยงไฮ้ ผู้คนกลุ่มหนึ่งกำลังยุ่งวุ่นวายเดินเข้า ๆ ออก ๆ ห้องใหญ่ห้องหนึ่ง

บนใบหน้าของคนเหล่านี้มีความหดหู่อยู่บาง ๆ ราวกับได้พบเจอเรื่องราวบางอย่างที่ทำให้หนักใจมาก

ส่วนหวางซีหมิงในเวลานี้ได้นอนอยู่บนเตียงในห้องนี้นั่นเอง ร่างกายของเขาได้ผ่านการรักษามาแล้ว แต่ว่าแววตาที่ว่างเปล่านั่นของเขา ราวกับยังไม่ได้ฟื้นจากแรงโจมตีที่ได้เผชิญในวันนี้

ในเวลานี้ชายชราในชุดจงซานจวงคนหนึ่งกำลังตรวจดูอาการบาดเจ็บบนร่างกายให้กับหวางซีหมิง ผ่านไปสักพัก เขาก็ได้เก็บอุปกรณ์ในมือลงไปด้วยใบหน้าสงบนิ่ง

ที่ข้างกายของชายชราคนนี้ มีหญิงชายวัยกลางคนที่มีบุคลิกไม่ธรรมดาคู่หนึ่งยืนอยู่ เมื่อเห็นชายชราหยุดการเคลื่อนไหวลง ก็ได้รีบเอ่ยถามขึ้นมา: “ท่านหยาง ลูกชายของฉันเป็นยังไงบ้าง?”

“คุณชายไม่เป็นอะไรแล้ว อีกฝ่ายไม่ได้ลงมือถึงขั้นเอาชีวิต อาการบาดเจ็บบนร่างกายต่างก็สามารถฟื้นฟูได้” ชายชรากล่าวด้วยรอยยิ้ม: “เพียงแต่ว่าระยะนี้ให้คุณชายนอนพักอยู่บนเตียงก่อนจะดีกว่า”

“แต่ทำไมตอนนี้เขายังเป็นแบบนี้อยู่ล่ะ?” หญิงวัยกลางคนมองแววตาที่ไม่มีชีวิตชีวาของลูกชายตัวเอง แล้วกล่าวอย่างเป็นกังวล

“คนวัยรุ่น ได้รับการกระทบกระเทือนทางจิตใจเลยไม่สามารถแบกรับได้ไปชั่วขณะ อกสั่นขวัญหายเล็กน้อย ไม่เป็นไรหรอก ผ่านไปสักระยะก็จะดีขึ้นเอง”

“ขอบคุณท่านหยางมาก” สองสามีภรรยาในเวลานี้ถึงได้วางใจขึ้นมาบ้าง และกล่าวอย่างตื้นตันใจเล็กน้อย

ไม่นาน ชายชราคนนี้ก็ได้จากไปโดยการนำทางของคนรับใช้

ในตอนนี้เอง ชายชราที่มีผมหงอกไปทั้งหัว บุคลิกดีคนหนึ่งก็ได้เดินเข้ามาอย่างช้า ๆ

เมื่อชายวัยกลางคนเห็นชายชราคนนี้ก็รีบเดินเข้าไปหาทันที และพยุงอย่างระมัดระวัง พลางกล่าวเสียงเบา: “คุณพ่อครับ ท่านมาได้ยังไง?”

“หึ หลานชายของฉันถูกคนทำร้ายจนกลายเป็นแบบนี้ แกยังถามฉันอีกว่าฉันมาได้ยังไง?” ชายชราหึออกมาหนึ่งครั้งอย่างเย็นชา แล้วเดินตรงเข้าไปในห้องทันที

คนในห้องเห็นชายชราเดินเข้ามา ก็รีบทำความเคารพต่อชายชราทันที ท่าทางเคารพนบนอบอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

“คุณพ่อ!” หญิงวัยกลางคนเห็นชายชราเดินเข้ามา ก็รีบกล่าวพลางร้องไห้ขึ้นมาทันที: “คุณพ่อต้องจัดการใช้ซีหมิงนะคะ!”

“วันนี้ใครออกไปกับซีหมิง?” ชายชรามองดูหวางซีหมิงที่นอนอยู่บนเตียง บนใบหน้าปรากฏแววความสงสารออกมาอย่างห้ามไม่ได้

ถึงแม้ในบรรดาลูกหลานของเขา หวางซีหมิงจะไม่ได้โดดเด่นนัก หรือจะเรียกว่าไม่เอาไหนก็ได้ แต่ก็ไม่ใช่คนที่ใคร ๆ ก็สามารถรังแกได้

ทำร้ายหวางซีหมิง ก็เท่ากับตบหน้าตระกูลหวางของเขา

เมื่อได้ยินชายชราถามดังนั้น ชายวัยกลางคนเมื่อตอนกลางวันคนนั้นก็ได้รีบเดินออกมาทันที และกล่าวอย่างนอบน้อม: “ผมเองครับ”

มองดูชายวัยกลางคนที่มีบาดแผลอยู่ทั่วร่างกาย ชายชราไม่ได้โมโห เขาหรี่ตาสองข้างพลางถาม: “วันนี้เรื่องราวเป็นมายังไงกันแน่?”

หัวใจของชายวัยกลางคนสั่นสะท้านขึ้นมา เขาไม่กล้าปิดบัง เขารีบเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ออกมาหนึ่งรอบ

เดิมทีในตอนที่ชายชราได้ยินว่าหวางซีหมิงเพียงแค่โจมตีตระกูลเล็ก ๆ ตระกูลหนึ่ง เขาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร แต่พอชายวัยกลางคนเอ่ยชื่อหลี่ฝางขึ้นมา เขาก็สนใจขึ้นมาทันที

“เมื่อกี้แกบอกว่า คนคนนั้นชื่อหลี่ฝาง?” เขารีบเอ่ยถามขึ้นมาหนึ่งรอบ

“ครับ……” ชายวัยกลางคนรู้สึกว่าน้ำเสียงของชายชราแปลกประหลาดเล็กน้อย เขาตอบกลับด้วยความกังวล

ชายชราเงียบไปทันที

และเนื่องจากความเงียบสงบของชายชรา คนอื่น ๆ ต่างก็เบาการเคลื่อนไหวลงอย่างระมัดระวัง เกรงว่าจะทำให้เกิดเสียงดังออกมา ทำให้ชายชราตื่นตกใจ และทำให้โดนลงโทษ

แต่ทุกคนกลับพบว่า สีหน้าท่าทางของชายชราค่อนข้างจะเคร่งเครียดละหมดปัญญา สุดท้ายเขาก็ได้ส่ายหัว

“แล้วไปเถอะ ให้มันจบลงแค่นี้ และห้ามติดตามถามไถ่เรื่องนี้อีก”

คำพูดของชายชรา เหมือนกับว่าได้ตัดสินผลลัพธ์ของเรื่องนี้ในทันที

“อะไรนะ? คุณพ่อคะ เรื่องนี้จะจบแบบนี้ไม่ได้นะ! ฉันได้สืบมาแล้ว เบื้องหลังของไอ้หมอนั่นก็แค่ตระกูลเล็ก ๆ อย่างตระกูลหลี่เอง!”

ทันใดนั้นหญิงวัยกลางคนก็ร้องตะโกนขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ ในแววตาเต็มไปด้วยความไม่ยินยอม

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท