NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1011 สายตาแปลกๆ

บทที่ 1011 สายตาแปลกๆ

“สหายลู่รู้จักบริษัทHTไบโอไซเอนซ์จำกัดด้วยเหรอ?” เจิ้งเหวินซิงถาม

“แน่นอนว่ารู้ ตอนนั้นที่ยาเสริมพลังดังจะตาย ทำไมฉันจะไม่รู้จัก?”

“หรือว่าสหายเจิ้งก็สนใจยาเสริมพลังนี้ด้วย แต่แค่สหายเจิ้งไม่น่าที่จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตระกูลเกาภายหลังใช่มั้ย?”

ลู่เผิงเฟยรู้สึกแปลกๆ เล็กน้อย เรื่องยาเสริมพลังสุดท้ายแล้วก็จะมีการแทรกแซงเกิดขึ้น และความวุ่นวายก็จะค่อยๆ สงบลง

มีแค่ตระกูลใหญ่ๆ อย่างพวกเขาเท่านั้นที่รู้เรื่องราวเบื้องลึกมากกว่า แต่ก็ต้องยิ่งรู้ว่าเรื่องสิ่งนี้พวกเขาไม่ควรเข้าไปยุ่ง

“ฮ่าๆๆ เรื่องที่สหายลู่รู้ ฉันจะไม่รู้ได้ยังไง?”

สำหรับเรื่องที่ลู่เผิงเฟยรู้ เจิ้งเหวินซิงไม่คิดว่ามันผิดคาด

ถ้าหากเรื่องแค่นี้อีกฝ่ายยังไม่รู้ชัดเจน ก็ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาสานสัมพันธ์กับเขาแล้ว

“ยาเสริมพลังมีเบื้องบนลงมือ ทุกคนก็ไม่ต้องคิดมากแล้ว แต่ว่านะ……ฉันหาหนทางอื่นได้แล้ว”

สองตาของลู่เผิงเฟยเป็นประกาย

“เมื่อเหมือนยาเสริมพลัง?”

“ไม่ ยังมีความแตกต่างอยู่ แต่ว่า ประสิทธิภาพดีกว่า ราคาก็ถูกกว่า!”

เจิ้งเหวินซิงจิบเหล้า สายตามองไปที่ฝูงชนที่พลุกพล่าน

“ไม่ทราบว่าคุณชายลู่ จะสนใจเข้าร่วมด้วยมั้ย?” เจิ้งเหวินซิงถาม

หลังจากที่ลู่เผิงเฟยได้ยินคำของเจิ้งเหวินซิง ก็คิดอยู่ครู่ จากนั้นก็ยิ้มและถามคำถามทั้งหมด

“ถ้าหากเจ้าสิ่งนี้มันดีขนาดนั้น สหายเจิ้งทำไมยังต้องมาขอความร่วมมือกับฉัน? ด้วยความสามารถของตระกูลเจิ้ง มีไม่กี่โปรเจคที่ทำไม่สำเร็จหรอกมั้ง? และที่สหายเจิ้งใช้ฐานะส่วนตัวมาหาฉัน นั้นก็ต้องไม่อยากให้ที่บ้านรู้ บางส่วนนี้ เกรงว่าจะมีปัญหาหนักอยู่นะ”

เจิ้งเหวินซิงฟังความหมายของลู่เผิงเฟยออก เขายิ้มเบาๆ แล้วพูด: “ฉันเลินเล่อไปหน่อย ฉันกับนายเพิ่งรู้จักกันไม่นาน ฉันกับลากนายมาลงทุนกับเรื่องที่มีความเสี่ยงแบบนี้ มันก็ไม่ถูกจริงๆ เอางี้ วันนี้ไม่คุยเรื่องนี้แล้ว”

เรื่องแบบนี้ รีบร้อนไม่ได้อยู่แล้ว เจิ้งเหวินซิงลองชวนคนอยู่อีกสักครู่นึง จะสำเร็จหรือไม่ไม่สำคัญ

ในขณะนั้น จู่ๆ ก็มีเงาร่างที่คุ้นเคยปรากฏตรงหน้าลู่เผิงเฟย เขาชะงักเล็กน้อย และตัดสินใจไปดูทันที

“สหายเจิ้ง ขอตัวสักครู่ ฉันขอไปหาเพื่อนแป๊บ”

“ค่อยๆ เดิน”

ถึงยังไงก็คุยเรื่องธุรกิจไม่ได้ เจิ้งเหวินซิงก็ไม่จำเป็นจะต้องยื้อลู่เผิงเฟยไว้แล้ว

ฝั่งนี้ ฝางเจิงเจิงมองหลี่ฝางและถามขึ้น: “หลี่ฝาง คุณชายเกานั่นทำไมถึงได้เคารพนายขนาดนั้น?”

หลี่ฝางเอือมเล็กน้อย และพูดในใจว่าถึงแม้เขาจะพูดความจริงหล่อนก็อาจจะไม่เชื่อ คิดอยู่ครู่จึงตอบแบบส่งๆ ไป: “เมื่อก่อนพวกเขาเคยโดนฉันอัด เพราะงั้นถึงได้กลัวฉัน”

“เป็นไปไม่ได้น่า” ฝางเจิงเจิงเห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อที่หลี่ฝางพูดอ้าง

คุณชายกลุ่มนั้นดูก็รู้ว่าพื้นเพตระกูลนั้นร้ายกาจมาก หลี่ฝางอัดพวกเขา ยังจะมายืนอยู่ตรงนี้ได้เหรอ?

“แน่นอนว่าต้องจริงสิ ฉันจะโกหกเธอทำไม”

หลี่ฝางหัวเราะพลางพูด

“หึ คนโกหก”

ฝางเจิงเจิงยังคงไม่เชื่อ หลี่ฝางก็เอือมเล็กน้อย พูดความจริงหล่อนก็ไม่เชื่อ นั้นไม่ใช่เป็นการบังคับให้เขาโกหกหรอกเหรอ?

“พี่หลี่ ไม่เจอกันนาน”

ในตอนนั้น เสียงของลู่เผิงเฟยก็ดังขึ้น

หลี่ฝางหันไป ก็เห็นลู่เผิงเฟยเดินเข้ามา ทันใดนั้นก็ยิ้มขึ้นมา: “เอ๋ นายก็อยู่ที่นี่เหรอครึกครื้น”

“ใช่แล้ว”

เมื่อเห็นหลี่ฝางมีใบหน้าที่ยินดี รอยยิ้มบนหน้าของลู่เผิงเฟยก็อดไม่ได้ที่จะมีความหมดหนทางติดมาเล็กน้อย

ทุกครั้งที่เจอหลี่ฝาง ราวกับว่าเขาจะทำเรื่องที่นอกเหนือจากลู่เผิงเฟย

“มา เจิงเจิง ฉันแนะนำให้รู้จัก นี่คือลู่เผิงเฟย ส่วนนี่ฝางเจิงเจิง เป็นเพื่อนร่วมชั้นของฉันเมื่อก่อน”

แนะนำทั้งสองให้รู้จักกัน ตอนนี้หลี่ฝางแค่คาดหวังว่าฝางเจิงเจิงจะหลงลู่เผิงเฟย และไม่มารบกวนเขา

และก็จริงฝางเจิงเจิงถูกความเพอร์เฟคของลู่เผิงเฟยทำให้หลงทันที

และเธอก็สามารถรู้สึกได้ว่า ที่ลู่เผิงเฟยมา สายตาจำนวนมากก็จับตามารวมด้วยเช่นกัน

ถึงยังไงฐานะอย่างลู่เผิงเฟยอยู่ที่ไหน ก็สามารถดึงแสงไฟสาดส่องไปที่นั่น

ไม่มีใครที่สามารถเมินลู่เผิงเฟยได้

ถูกสายตามากมายจับจ้อง ฝางเจิงเจิงก็เลิ่กลั่กขึ้นมาทันที แต่หลี่ฝางกับลู่เผิงเฟยกลับรู้สึกงั้นๆ

ทั้งสองรู้สึกเคยชินกับสถานการณ์แบบนี้นานแล้ว และก็เรียนรู้ที่จะไม่สนใจความรู้สึกแบบนี้นานแล้วเช่นกัน

และในตอนนั้น จู่ๆ หลี่ฝางก็รู้สึกถึงสายตาที่แปลกประหลาด

นั่นก็คือสายตาของผู้หญิงคนนึง ไม่สิ ควรพูดว่าเป็นสายตาของสาวสวยคนนึง

สายตาของผู้หญิงคนนั้นมีความรู้สึกระแวงเอามากๆ ราวกับว่ายังมีความหวาดกลัวอยู่เล็กน้อย ไม่เหมือนกับสายตาของคนอื่นรอบข้าง เพราะงั้นจึงทำให้หลี่ฝางแยกออกมาได้อย่างง่ายดาย

หลี่ฝางไม่ได้สนใจที่จะหาว่าสายตานั้นอยู่ตรงไหน แกล้งทำเป็นเหมือนว่าไม่เห็น และยังคงพูดคุยกับลู่เผิงเฟยต่อ

ไม่นาน เขาก็รู้สึกได้ว่าเจ้าของสายตาคู่นั้นค่อยๆ เข้ามาประชิดตัวเขาเรื่อยๆ

หลี่ฝางหัวเราะเหอะๆ จู่ๆ ในใจก็รู้สึกคาดหวังเล็กน้อย

ผู้หญิงคนนั้น ต้องการทำอะไร?

……

“มั่นหวั่น ว้าวว ตัวจริงเธอสวยกว่าในทีวีอีกนะเหนี่ย”

“คุณเจียง ขอลายเซ็นหน่อยได้มั้ยคะ?”

“มั่นหวั่น ยังจำผมได้มั้ย? ผมคือหัวหน้าแฟนคลับของคุณนะ”

“คุณเจียง เลี้ยงเครื่องดื่มคุณสักแก้วเป็นไงครับ?”

“คุณเจียง คือว่า……”

เจียงมั่นหวั่นเดินอยู่ในกลุ่มคน และทักทายตอบโต้กับคนรอบข้างอย่างเป็นมิตร บนหน้ามีรอยยิ้มเป็นกันเอง มองดูแล้วราวกับกำลังเดินตามใจอยากอย่างนั้น

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท