“สหายลู่รู้จักบริษัทHTไบโอไซเอนซ์จำกัดด้วยเหรอ?” เจิ้งเหวินซิงถาม
“แน่นอนว่ารู้ ตอนนั้นที่ยาเสริมพลังดังจะตาย ทำไมฉันจะไม่รู้จัก?”
“หรือว่าสหายเจิ้งก็สนใจยาเสริมพลังนี้ด้วย แต่แค่สหายเจิ้งไม่น่าที่จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตระกูลเกาภายหลังใช่มั้ย?”
ลู่เผิงเฟยรู้สึกแปลกๆ เล็กน้อย เรื่องยาเสริมพลังสุดท้ายแล้วก็จะมีการแทรกแซงเกิดขึ้น และความวุ่นวายก็จะค่อยๆ สงบลง
มีแค่ตระกูลใหญ่ๆ อย่างพวกเขาเท่านั้นที่รู้เรื่องราวเบื้องลึกมากกว่า แต่ก็ต้องยิ่งรู้ว่าเรื่องสิ่งนี้พวกเขาไม่ควรเข้าไปยุ่ง
“ฮ่าๆๆ เรื่องที่สหายลู่รู้ ฉันจะไม่รู้ได้ยังไง?”
สำหรับเรื่องที่ลู่เผิงเฟยรู้ เจิ้งเหวินซิงไม่คิดว่ามันผิดคาด
ถ้าหากเรื่องแค่นี้อีกฝ่ายยังไม่รู้ชัดเจน ก็ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาสานสัมพันธ์กับเขาแล้ว
“ยาเสริมพลังมีเบื้องบนลงมือ ทุกคนก็ไม่ต้องคิดมากแล้ว แต่ว่านะ……ฉันหาหนทางอื่นได้แล้ว”
สองตาของลู่เผิงเฟยเป็นประกาย
“เมื่อเหมือนยาเสริมพลัง?”
“ไม่ ยังมีความแตกต่างอยู่ แต่ว่า ประสิทธิภาพดีกว่า ราคาก็ถูกกว่า!”
เจิ้งเหวินซิงจิบเหล้า สายตามองไปที่ฝูงชนที่พลุกพล่าน
“ไม่ทราบว่าคุณชายลู่ จะสนใจเข้าร่วมด้วยมั้ย?” เจิ้งเหวินซิงถาม
หลังจากที่ลู่เผิงเฟยได้ยินคำของเจิ้งเหวินซิง ก็คิดอยู่ครู่ จากนั้นก็ยิ้มและถามคำถามทั้งหมด
“ถ้าหากเจ้าสิ่งนี้มันดีขนาดนั้น สหายเจิ้งทำไมยังต้องมาขอความร่วมมือกับฉัน? ด้วยความสามารถของตระกูลเจิ้ง มีไม่กี่โปรเจคที่ทำไม่สำเร็จหรอกมั้ง? และที่สหายเจิ้งใช้ฐานะส่วนตัวมาหาฉัน นั้นก็ต้องไม่อยากให้ที่บ้านรู้ บางส่วนนี้ เกรงว่าจะมีปัญหาหนักอยู่นะ”
เจิ้งเหวินซิงฟังความหมายของลู่เผิงเฟยออก เขายิ้มเบาๆ แล้วพูด: “ฉันเลินเล่อไปหน่อย ฉันกับนายเพิ่งรู้จักกันไม่นาน ฉันกับลากนายมาลงทุนกับเรื่องที่มีความเสี่ยงแบบนี้ มันก็ไม่ถูกจริงๆ เอางี้ วันนี้ไม่คุยเรื่องนี้แล้ว”
เรื่องแบบนี้ รีบร้อนไม่ได้อยู่แล้ว เจิ้งเหวินซิงลองชวนคนอยู่อีกสักครู่นึง จะสำเร็จหรือไม่ไม่สำคัญ
ในขณะนั้น จู่ๆ ก็มีเงาร่างที่คุ้นเคยปรากฏตรงหน้าลู่เผิงเฟย เขาชะงักเล็กน้อย และตัดสินใจไปดูทันที
“สหายเจิ้ง ขอตัวสักครู่ ฉันขอไปหาเพื่อนแป๊บ”
“ค่อยๆ เดิน”
ถึงยังไงก็คุยเรื่องธุรกิจไม่ได้ เจิ้งเหวินซิงก็ไม่จำเป็นจะต้องยื้อลู่เผิงเฟยไว้แล้ว
ฝั่งนี้ ฝางเจิงเจิงมองหลี่ฝางและถามขึ้น: “หลี่ฝาง คุณชายเกานั่นทำไมถึงได้เคารพนายขนาดนั้น?”
หลี่ฝางเอือมเล็กน้อย และพูดในใจว่าถึงแม้เขาจะพูดความจริงหล่อนก็อาจจะไม่เชื่อ คิดอยู่ครู่จึงตอบแบบส่งๆ ไป: “เมื่อก่อนพวกเขาเคยโดนฉันอัด เพราะงั้นถึงได้กลัวฉัน”
“เป็นไปไม่ได้น่า” ฝางเจิงเจิงเห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อที่หลี่ฝางพูดอ้าง
คุณชายกลุ่มนั้นดูก็รู้ว่าพื้นเพตระกูลนั้นร้ายกาจมาก หลี่ฝางอัดพวกเขา ยังจะมายืนอยู่ตรงนี้ได้เหรอ?
“แน่นอนว่าต้องจริงสิ ฉันจะโกหกเธอทำไม”
หลี่ฝางหัวเราะพลางพูด
“หึ คนโกหก”
ฝางเจิงเจิงยังคงไม่เชื่อ หลี่ฝางก็เอือมเล็กน้อย พูดความจริงหล่อนก็ไม่เชื่อ นั้นไม่ใช่เป็นการบังคับให้เขาโกหกหรอกเหรอ?
“พี่หลี่ ไม่เจอกันนาน”
ในตอนนั้น เสียงของลู่เผิงเฟยก็ดังขึ้น
หลี่ฝางหันไป ก็เห็นลู่เผิงเฟยเดินเข้ามา ทันใดนั้นก็ยิ้มขึ้นมา: “เอ๋ นายก็อยู่ที่นี่เหรอครึกครื้น”
“ใช่แล้ว”
เมื่อเห็นหลี่ฝางมีใบหน้าที่ยินดี รอยยิ้มบนหน้าของลู่เผิงเฟยก็อดไม่ได้ที่จะมีความหมดหนทางติดมาเล็กน้อย
ทุกครั้งที่เจอหลี่ฝาง ราวกับว่าเขาจะทำเรื่องที่นอกเหนือจากลู่เผิงเฟย
“มา เจิงเจิง ฉันแนะนำให้รู้จัก นี่คือลู่เผิงเฟย ส่วนนี่ฝางเจิงเจิง เป็นเพื่อนร่วมชั้นของฉันเมื่อก่อน”
แนะนำทั้งสองให้รู้จักกัน ตอนนี้หลี่ฝางแค่คาดหวังว่าฝางเจิงเจิงจะหลงลู่เผิงเฟย และไม่มารบกวนเขา
และก็จริงฝางเจิงเจิงถูกความเพอร์เฟคของลู่เผิงเฟยทำให้หลงทันที
และเธอก็สามารถรู้สึกได้ว่า ที่ลู่เผิงเฟยมา สายตาจำนวนมากก็จับตามารวมด้วยเช่นกัน
ถึงยังไงฐานะอย่างลู่เผิงเฟยอยู่ที่ไหน ก็สามารถดึงแสงไฟสาดส่องไปที่นั่น
ไม่มีใครที่สามารถเมินลู่เผิงเฟยได้
ถูกสายตามากมายจับจ้อง ฝางเจิงเจิงก็เลิ่กลั่กขึ้นมาทันที แต่หลี่ฝางกับลู่เผิงเฟยกลับรู้สึกงั้นๆ
ทั้งสองรู้สึกเคยชินกับสถานการณ์แบบนี้นานแล้ว และก็เรียนรู้ที่จะไม่สนใจความรู้สึกแบบนี้นานแล้วเช่นกัน
และในตอนนั้น จู่ๆ หลี่ฝางก็รู้สึกถึงสายตาที่แปลกประหลาด
นั่นก็คือสายตาของผู้หญิงคนนึง ไม่สิ ควรพูดว่าเป็นสายตาของสาวสวยคนนึง
สายตาของผู้หญิงคนนั้นมีความรู้สึกระแวงเอามากๆ ราวกับว่ายังมีความหวาดกลัวอยู่เล็กน้อย ไม่เหมือนกับสายตาของคนอื่นรอบข้าง เพราะงั้นจึงทำให้หลี่ฝางแยกออกมาได้อย่างง่ายดาย
หลี่ฝางไม่ได้สนใจที่จะหาว่าสายตานั้นอยู่ตรงไหน แกล้งทำเป็นเหมือนว่าไม่เห็น และยังคงพูดคุยกับลู่เผิงเฟยต่อ
ไม่นาน เขาก็รู้สึกได้ว่าเจ้าของสายตาคู่นั้นค่อยๆ เข้ามาประชิดตัวเขาเรื่อยๆ
หลี่ฝางหัวเราะเหอะๆ จู่ๆ ในใจก็รู้สึกคาดหวังเล็กน้อย
ผู้หญิงคนนั้น ต้องการทำอะไร?
……
“มั่นหวั่น ว้าวว ตัวจริงเธอสวยกว่าในทีวีอีกนะเหนี่ย”
“คุณเจียง ขอลายเซ็นหน่อยได้มั้ยคะ?”
“มั่นหวั่น ยังจำผมได้มั้ย? ผมคือหัวหน้าแฟนคลับของคุณนะ”
“คุณเจียง เลี้ยงเครื่องดื่มคุณสักแก้วเป็นไงครับ?”
“คุณเจียง คือว่า……”
เจียงมั่นหวั่นเดินอยู่ในกลุ่มคน และทักทายตอบโต้กับคนรอบข้างอย่างเป็นมิตร บนหน้ามีรอยยิ้มเป็นกันเอง มองดูแล้วราวกับกำลังเดินตามใจอยากอย่างนั้น