NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1024 โลกมายาที่แปลกประหลาด

บทที่ 1024 โลกมายาที่แปลกประหลาด

เห็นเพียงว่าที่ใต้ดินแห่งนี้เป็นดั่งสวรรค์บนดิน กลุ่มเมฆหมอกลอยปกคลุมไปทั่ว สิ่งก่อสร้างจากหยกสีขาวเรียงสลับซับซ้อนอย่างมีรสนิยม ประณีตและงดงามอย่างหาที่เปรียบไม่ได้!

และท่ามกลางกลุ่มเมฆหมอกที่ลอยเป็นเกลียว ยังเกลื่อนกลาดไปด้วยแสงอรุโณทัยเปลี่ยนแปลงไปร้อยแปดพันเก้า บางครั้งก็มีบางครั้งก็หาย เหมือนจะจริงเหมือนจะเป็นภาพลวงตา มันช่างทำให้คนรู้สึกประหลาดใจอย่างบอกไม่ถูกจริง ๆ

“นี่ก็คือพลังอันแปลกประหลาดพวกนั้น” กู่ยี่เทียนกล่าว พลางเอื้อมมือออกไปคว้า ทันใดนั้น แสงอรุโณทัยก้อนหนึ่งตกลงมาในมือของเขา และถูกเขาดูดกลืนเข้าไปในพริบตา

หลี่ฝางเห็นการกระทำของกู่ยี่เทียน ภายใต้ความอยากรู้อยากเห็นเขาจึงได้ลองทำตาม ชั่วพริบตาเดียว พลังอันแปลกประหลาดที่ถูกเขาคว้าเอามานั้นก็ได้ผสมผสานเข้ากับกำลังภายในที่อยู่ในร่างของเขา ทำให้กำลังภายในในร่างของเขานั้นแข็งแกร่งขึ้นมาเล็กน้อย

“สามารถดูดซับได้ในชั่วพริบตาเลยงั้นเหรอ?” หลี่ฝางค่อนข้างแปลกใจ “มันสามารถผสมผสานได้เองเหรอ?”

“ฮ่า ๆ ๆ นี่ก็คือจุดที่น่าประหลาดใจของพลังอันแปลกประหลาดนี่ บริสุทธิ์อย่างมาก ไม่ต้องมีการแปรผันเลยสักนิด เพียงแค่ร่างกายของคุณสามารถรับได้ คุณก็สามารถดูดซับเข้าไปเรื่อย ๆ เพื่อเพิ่มพลังกำลังภายใน!”

“สุดยอด” หลี่ฝางกล่าวชื่นชม “ถึงว่าทำไมพลังของนายถึงได้เพิ่มขึ้นเร็วขนาดนี้”

“เหอะ ๆ ……” กู่ยี่เทียนเจ็บปวดไม่น้อย พลังของเส้นลี่ฝางกับกู่ยี่เทียน ในตอนนี้ไม่ต่างกันสักเท่าไหร่ หลี่ฝางกล่าวเช่นนี้ เหมือนกับกำลังชมว่าตัวเองร้ายกาจอย่างไรอย่างนั้น

คำพูดของทั้งสองคนเมื่อตกถึงหูของปรมาจารย์กำลังภายในคนอื่น ๆ ก็พลันทำให้พวกปรมาจารย์กำลังภายในรู้สึกตื่นเต้นดีใจขึ้นมาทันที

คนที่ลงมือคนแรกมีชื่อว่าลู่เจิ้งชู เขาไม่คิดอะไรเลยสักนิด แล้วยื่นมือออกไปคว้าก้อนพลังอันแปลกประหลาดนั้นลองดูก่อนค่อยว่ากัน

แต่ทว่าเพียงชั่วพริบตานั้นเอง จู่ ๆ ดวงตาทั้งสองข้างของลู่เจิ้งชูก็พลันนูนออกมา กำลังภายในที่อยู่ในร่างกายถูกพลังอันแปลกประหลาดนั่นกวาดล้าง ถึงขนาดพูดได้ว่าเปราะบางเป็นอย่างมาก

ทันใดนั้น ลู่เจิ้งชูก็ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย “อั๊ก” เลือดสด ๆ กระอักออกมาจากปากของเขา

“ปัญญาอ่อน!” เสือขาวที่อยู่ด้านข้างกล่าวเหยียดหยาม “ผู้แข็งแกร่งระดับแดนเต๋าถึงจะสามารถดูดกลืนพลังอันแปลกประหลาดนี่ได้โดยตรง แค่ฝีมืออย่างนาย ช่างน่าตลกเสียจริง!”

ลู่เจิ้งชูโมโหขึ้นมาทันที: “สารเลว!”

ในตอนนี้เองกู่ยี่เทียนก็ได้เอ่ยขึ้นมา: “พอเถอะน่า ในเมื่อได้รับบทเรียนแล้วก็เงียบ ๆ หน่อย! ในที่แห่งนี้มีอะไรที่คาดไม่ถึงอยู่มากมาย ถ้าหากพวกนายทำอะไรมั่วซั่วตามอำเภอใจโดยไม่ฟังคำสั่ง พอถึงตอนนั้นอย่าโทษที่ฉันโยนพวกนายออกไป!”

“ครับ!” สี่ขุนศึกกล่าวโดยพร้อมเพรียง

ปรมาจารย์กำลังภายในคนอื่น ๆ มองหน้ากันไปมา และทำได้เพียงพยักหน้ารับอย่างจำใจ

ความสามารถสู้คนอื่นไม่ได้ พวกเขาเองก็ไม่มีอะไรจะพูด

หลี่ฝางมองดูสีหน้าท่าทางปรารถนาของไท่ซางและราฟาเอล จึงยิ้มขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ เขาลงมือสลายกลุ่มพลังอันแปลกประหลาดก้อนหนึ่งออกแล้วผสมผสานเข้าด้วยกันอีกครั้ง ที่พลังภายในสามารถดูดซับได้

หลี่ฝางมอบพลังอันแปลกประหลาดที่ตัวเองได้ผสมผสานใหม่อีกครั้งนั้นให้กับไท่ซางและราฟาเอล พลางกล่าว: “พลังงานทั้งสองก้อนนี้ถึงแม้พลังภายในจะสามารถดูดซับได้ แต่ก็ต้องค่อย ๆ ดูดซับทีละนิด ถ้าหากเร็วเกินไป พวกนายเองก็จะทนรับไม่ได้”

“ขอบคุณครับลูกพี่” ไท่ซางหัวเราะแหะ ๆ และรับเอาก้อนพลังอันแปลกประหลาดมาเป็นคนแรก ราฟาเอลถึงแม้จะไม่ได้เร่งรีบเหมือนเจ้าลิงคนนั้น แต่ก็ปรากฏความรีบร้อนขึ้นมาในสายตา หลังจากที่ได้เอ่ยขอบคุณตามแล้วจึงได้รับเอามา

ทั้งสองคนทดลองดู สามารถดูดซับได้อย่างที่คิดจริง ๆ จึงรู้สึกปีติยินดีขึ้นมาภายในใจทันที

คนอื่น ๆ เห็นท่าทางเบิกบานอย่างได้ใจของไท่ซางและราฟาเอล ก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาภายในใจ

คงจะไม่ให้พวกเขายอมเป็นลูกน้องของหลี่ฝาง แล้วขอร้องให้หลี่ฝางช่วยทำให้ตัวเองสักหน่อยหรอกใช่ไหม?

ของล้ำค่าแบบนี้อยู่ของกายแต่ทำอะไรไม่ได้มันเป็นความรู้สึกที่ทรมานจริง ๆ

“พวกนายวางใจเถอะ พวกเราได้ศึกษาวิธีดูดซับพลังงานพวกนี้ออกมาได้แล้ว หลังจากที่ออกไปแล้วจะเอามาให้พวกนายได้ใช้” คำพูดของกู่ยี่เทียน ทำให้ทุกคนรู้สึกสงบลงมาไม่น้อย

ทุกคนเดินต่อไปยังข้างหน้า เดินผ่านสะพานโค้งตึกหอหรูหรา ยิ่งเดินยิ่งลึกเข้าไปเรื่อย ๆ

ด้านหน้าค่อย ๆ ปรากฏถนนเล็ก ๆ ที่ราบเรียบขึ้นมา กู่ยี่เทียนได้หยุดฝีเท้าลง

“ที่นี่อันตรายมาก จะต้องระมัดระวังอย่างสุดขีด รักษาสติปัญญาและกำลังเอาไว้ อย่าชะล่าใจอย่างเด็ดขาด!”

เมื่อได้ยินคำตักเตือนของกู่ยี่เทียน ทุกคนก้ได้พินิจพิจารณาถนนด้านล่างสายนี้ด้วยความประหลาดใจ กลับพบว่าหมอกควันที่อยู่ด้านข้างของถนนทั้งสองฝั่งนั้นหนาแน่นเป็นพิเศษ ถึงขั้นที่ความสามารถในการมองเห็นอันแข็งแกร่งของทุกคนก็ไม่อาจมองทะลุได้ แฝงไปด้วยความรู้สึกอึมครึมบางอย่าง

มีเพียงถนนที่อยู่ตรงกลางสายนั้นไม่มีหมอกปกคลุม ถูกขับดันด้วยหมอกที่อยู่ทั้งสองข้างทาง ดุจดั่งเส้นทางสู่โลกยมบาล

หลี่ฝางและกู่ยี่เทียนเดินนำเข้าไป เดินมาได้สักระยะ หลี่ฝางไม่รู้สึกถึงความผิดปกติใด ๆ

ในขณะที่กำลังจะเอ่ยถามกู่ยี่เทียนนั่นเอง จู่ ๆ ก็เห็นคนในกลุ่มคนหนึ่งเดินออกไปจากกลุ่ม มุ่งหน้าไปยังหมอกหนาที่อยู่ข้างถนน

ไม่คิดรีรอเลยสักนิด หลี่ฝางตะโกนขึ้นมา แล้วพุ่งเข้าไปหาชายคนนั้น

และในขณะเดียวกัน เสียงตะโกนอีกเสียงหนึ่งก็ได้ดังขึ้นมา เป็นเสียงตะโกนของกู่ยี่เทียน

เสียงตะโกนของทั้งสองคนราวกับฟ้าผ่าตอนกลางวัน จู่ ๆ ก็ทำให้ปรมาจารย์กำลังภายในสั่นสะท้านไปทั้งตัว จากนั้นบนใบหน้าของพวกเขาก็ได้มีท่าทางหวาดผวาอย่างบอกไม่ถูกปรากฏขึ้นมา

เพราะว่าเมื่อสักครู่นั้นทุกคนต่างเหมือนดั่งได้ตกอยู่ในภาพเพ้อฝัน ในสมองสับสนวุ่นวายไปหมด พวกเขาได้ติดกับเข้าให้แล้ว แต่กลับไม่รู้ตัวเลยสักนิด!

สถานการณ์เช่นนี้ ถ้าหากที่ข้างกายมีศัตรูอยู่ เช่นนั้นพวกเขาคงไม่หมดลมหายใจไปเลยเหรอ?

พอนึกถึงตอนนี้ ทุกคนต่างหวาดผวาจนเหงื่อไหลท่วมกาย

ส่วนเงาร่างคนที่เดินไปไกลที่สุดร่างนั้น กลับเป็นกู่เฟยจางเจ้าหุบเขาแห่งหุบเขาราชายา เขาได้เดินไปจนถึงเส้นขอบของหมอกอันหนาทึบนั่นแล้ว ถ้าช้าไปอีกนิดก็คงหลงเข้าไปอย่างสิ้นเชิง

“ที่นี่แม้แต่ปรมาจารย์กำลังภายในอย่างพวกเราเองยังถูกทำให้สับสนได้โดยไม่รู้ตัว!” กู่เฟยจางกล่าวขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

“ถูกต้อง” กู่ยี่เทียนเดินขึ้นมาพลางกล่าว: “ที่นี่มีพืชชนิดหนึ่งที่มีชื่อว่าหญ้าวิเศษ ถูกปลูกไว้ในหมอกหนาทึบที่อยู่สองข้างทาง มีฤทธิ์ทำให้ประสาทหลอนที่น่ากลัวเป็นอย่างมาก ไร้สีไร้กลิ่น ออกฤทธิ์ได้ผ่านทางผิวหนัง อันตรายสุดขีด”

กู่ยี่เทียนสีหน้าเคร่งขรึม: “ถ้าหากเมื่อสักครู่มีคนเดินเข้าไปในพงหญ้าจริง ๆ ตอนนี้ก็คงออกมาไม่ได้อย่างแน่นอน ฤทธิ์ที่ทำให้ประสาทหลอนที่ข้างในนั้น ปรมาจารย์กำลังภายในเองก็ต้องจมอยู่ในนั้นโดยสิ้นเชิง”

เหล่าปรมาจารย์กำลังภายในเมื่อได้ฟังดังนั้นก็รู้สึกขนพองสยองเกล้า อดไม่ได้ที่จะเบียดเขาไปตรงกลางของถนน

“หรือว่าจะปล่อยให้ของบ้า ๆ พวกนี้อยู่ที่นี่ตามอำเภอใจเหรอ?” คนคนหนึ่งกล่าวขึ้นมา: “กวาดล้างพวกมันให้สิ้นซากไปเลยดีกว่า!”

“นายรู้ไหมว่าพืชพันธุ์พวกนี้สื่อถึงอะไร?” กู่ยี่เทียนกล่าวอย่างเรียบ ๆ พลางชายตามองปรมาจารย์กำลังภายในคนนั้น: “มูลค่าของมัน สูงกว่านายเป็นหลายสิบเท่า”

คนคนนั้นพลันโมโหขึ้นมา แต่กลับไม่อาจถกเถียงได้ ทำได้เพียงอดกลั้นเอาไว้

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท