NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1028 เพิ่มขึ้นร้อยเท่า

บทที่ 1028 เพิ่มขึ้นร้อยเท่า

“นี่ นี่ก็เป็นข้อมูลที่บันทึกอยู่ในสุสานจูหลงเหรอ?” ฉินป่ายชวนถามเสียงสั่น

“ถูกต้อง” กู่ยี่เทียนพยักหน้ายืนยัน

“จะสร้างประตูเทพได้ยังไง?” หลี่ฝางถามคำถามที่ทุกคนต่างก็อยากจะถามออกมา

“ฉันเองก็ไม่รู้วิธีที่เฉพาะเจาะจงเหมือนกัน แต่ฉันรู้เพียงเล็กน้อยว่า ต้องการที่จะสร้างประตูเทพนั้น ก่อนอื่นจะต้องหาเต๋าของตัวเองให้เจอ!” กู่ยี่เทียนจ้องมองดวงตาทั้งสองข้างของหลี่ฝางและกล่าวทีละคำ

“เต๋า……ของตัวเองงั้นเหรอ?” คนอื่น ๆ ต่างก็งงงัน แต่หลี่ฝางกลับสั่นสะท้านไปทั้งตัว

ก่อนจะมาที่นี่ หลอซ่าได้เคยบอกกับเขาว่า ตัวเองได้หาเต๋าของตัวเองเจอแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีความหมายอะไรที่จะมาที่นี่

ส่วนส้าวส้วยเองก็บอกว่า เต๋าของเขานั้นไม่เหมือนกับคนอื่น จะมาหรือไม่มาก็ไม่สำคัญอะไร

ที่แท้เต๋าที่ว่านั้น มีความหมายเช่นนี้นี่เอง!

“ทำยังไงถึงจะหาเต๋าของตัวเองเจอ? แล้วหลังจากที่หาเต๋าของตัวเองเจอล่ะ?” หลี่ฝางถามขึ้นมาอย่างติดต่อกัน

“พวกนี้ฉันเองก็ไม่รู้ เต๋าของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ฉันเองก็เหมือนกับไหน ก็กำลังอยู่ระหว่างการสำรวจ” คำพูดเพียงประโยคเดียวของกู่ยี่เทียน ได้ดับประกายไฟอันร้อนแรงในดวงตาของหลี่ฝางลง

“บางที ความลับอาจจะซ่อนอยู่ด้านหลังของสิบสองคนทอง” กู่ยี่เทียนจ้องมองหลี่ฝางพลางกล่าว: “กล้าไปดูกับฉันสักหน่อยไหม?”

สิบสองคนทอง ยิ่งมีคนมาเยอะ พวกมันก็จะยิ่งเคลื่อนไหวเยอะ พลังก็จะแข็งแกร่งขึ้นเหมือนกัน

คนสิบกว่าคนปรากฏตัวขึ้นมาพร้อมกัน สิบสองคนทอง ก็เคลื่อนไหวทั้งหมดทันที นอกจากนี้แต่ละตัวยังได้ถึงขั้นแดนเทพกึ่งแล้ว! สูงกว่าแดนของทุกคนที่อยู่ตรงนี้!

เพียงพอที่จะกวาดล้างพวกเขาครั้งแล้วครั้งเล่า!

แต่ถ้าหากคนไม่เยอะเช่นนั้น มีเพียงหลี่ฝางและกู่ยี่เทียนแค่สองคนล่ะ?

กู่ยี่เทียนถูกจ้องมองด้วยดวงตาที่ร้อนแรงคู่หนึ่ง จู่ ๆ ภายในใจของหลี่ฝางก็ได้เกิดความกล้าหาญเถอะฮึกเหิมขึ้นมา

“ทำไมจะไม่กล้า!”

เพียงแต่ว่าเมื่อเป็นแบบนี้ เหล่าปรมาจารย์กำลังภายในทั้งหมดคงต้องหยุดอยู่เพียงเท่านี้แล้ว

“เอาอย่างนี้” กู่ยี่เทียนคิดอยู่สักพักแล้วกล่าว: “พวกคุณทำการสำรวจอยู่บนลานกว้างแห่ง นี้ห้ามไปไหน รอพวกเราออกมาแล้วค่อยมารวมตัวกัน”

กล่าวจบ เขายังได้พูดเสริมขึ้นมาอีก: “มาจนถึงทุกวันนี้บริเวณโดยรอบของลานกว้างเพิ่งได้สำรวจไปไม่ถึงหนึ่งในห้าเท่านั้น ทางที่ดีพวกคุณเกาะกลุ่มกันสำรวจ เพื่อป้องกันการเกิดเรื่องที่ไม่คาดฝันขึ้น ตัวคนเดียวรับมือไม่ได้”

เหล่าปรมาจารย์กำลังภายในมองตากัน ดูเหมือนจะจนใจเล็กน้อย แต่ก็ทำได้เพียงพยักหน้ารับปาก

ด้วยความสามารถของพวกเขา ถ้าไม่ใช่หลี่ฝางและกู่ยี่เทียนพามา พวกเขาก็ไม่มีทางที่จะมาถึงที่นี่ได้

ในตอนนี้หลี่ฝางทั้งสองคนจะจากไป พวกเขาเองก็ไม่อาจที่จะสำรวจไปในที่ที่ลึกกว่านี้ได้

ไม่นานกู่ยี่เทียนและหลี่ฝางก็ได้ส่งทุกคนกลับไปยังจุดเริ่มต้นของลานกว้างอีกครั้ง หลังจากที่ กำชับอยู่หลายประโยคแล้วถึงได้จากไป

ไม่นาน ทั้งสองคนก็ได้กลับมาที่บริเวณหน้าผาอีกครั้ง

“ในเมื่อวิธีที่บันทึกอยู่บนกระถางทองสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่นั่นใช้ไม่ได้” หลี่ฝางเอ่ยถามกู่ยี่เทียนขึ้นมาอย่างอดไม่ได้: “แล้วนายสำเร็จถึงขั้นแดนเต๋าได้ยังไง?”

“เหอะ ๆ แล้วนายสำเร็จได้ยังไงล่ะ?” กู่ยี่เทียนไม่ได้ตอบหลี่ฝางโดยตรง แต่กลับถามกลับ

“โชคชะตาแค่นั้นเอง” หลี่ฝางงยิ้มเล็กน้อย: “ได้แหวนวิเศษวงหนึ่งมาจากข้างถนนน่ะ แล้วก็เลยลองทะลวงขั้นดู”

กล่าวไป หลี่ฝางก็นำแหวนที่อยู่บนมือของตัวเองออกมาให้กู่ยี่เทียนดู แล้วกล่าวอย่างเรียบ ๆ : “แหวนวงนี้แหละ”

กู่ยี่เทียนสีหน้าดำคล้ำไปหมด เขาไม่มีอารมณ์ที่จะพูดเรื่องไร้สาระต่อไปอีกแล้ว จึงได้เอ่ยขึ้นมา: “หยกเหอซื่อ”

“อะไรนะ?” ทันใดนั้นหลี่ฝางก็เบิกตาทั้งสองข้างกว้าง: “หยกเหอซื่อเหรอ? นายให้ของสิ่งนั้นมาทะลวงสู่แดนเต๋า?”

“จะเป็นไปได้ยังไง!” กู่ที่เทียนเหลือบตามองบน: “นายรู้จักหวังมังใช่ไหม? ตอนนั้นก็เพราะเขา หยกเหอซื่อถึงได้ถูกกระแทกแตกไปมุมหนึ่ง ต่อมามุมที่แตกออกไปนั้นไม่ได้สูญหายไป แต่ได้ถูกซ่อนเอาไว้อย่างดี”

“หลังจากนั้นล่ะ?” หลี่ฝางดวงตาเบิกโพลง ราวกับคาดเดาคำตอบออกมาได้แล้ว

“นายเลยใช้มุมที่แตกออกไปนั้นมาทะลวงขั้นเหรอ?

“มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?” กู่ยี่เทียนยิ้มกล่าว

ในขณะที่คุยกัน ทั้งสองคนก็ได้เดินมาถึงบริเวณขอบลานกว้างแล้ว มองดูความว่างเปล่าที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา และสิบสองคนทองที่ยืนตระหง่านอยู่ในความเวิ้งว้าง

“ภาพเช่นนี้ บอกว่าเป็นเทพนิยายก็ไม่มากไปหรอกใช่ไหม?” จู่ ๆ กู่ยี่เทียนก็ได้เอ่ยขึ้นมา: “พวกเราที่อยู่ในขั้นแดนเต๋า เมื่อต้องเผชิญหน้ากับพลังอันยิ่งใหญ่ของฟ้าดินเช่นนี้ มันเล็กราวกับมดตัวน้อย ๆ ไม่มีผิด”

กู่ยี่เทียนก้าวเท้าออกไป คิดไม่ถึงว่าเขาจะยืนนิ่งอยู่บนความว่างเปล่านั้นได้ ราวกับสิบสองคนเมื่อก่อนหน้านี้ ที่ลอยอยู่ในอากาศ

“นี่ นี่มันเทคโนโลยีอะไรกัน?” ดวงตาคู่นั้นของหลี่ฝางเบิกโพลง

“แรงต้านแรงโน้มถ่วง หลักการที่เฉพาะเจาะจงนั้นฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน นายเองก็ขึ้นมาลองดูสิ” กู่ยี่เทียนกวักมือเรียกหลี่ฝาง

หลี่ฝางยกเท้าข้างหนึ่งขึ้นมาแล้วก้าวออกไปอย่างระมัดระวัง เขารู้สึกขึ้นมาทันทีว่ามีแรงดันก้อนหนึ่ง พยุงร่างของเขาเอาไว้ไม่ให้จมลงไป

ความรู้สึกแบบนี้นั้นแปลกประหลาดยิ่งนัก มันทำให้หลี่ฝางได้คลายความกังวลที่อยู่ในใจของเขาออกไปจนหมดทันที เท้าอีกข้างหนึ่งก็ได้ก้าวออกมาอย่างไม่ตั้งใจ

“นี่มัน……น่าเหลือเชื่อจริง ๆ” สัมผัสถึงความรู้สึกอันแปลกประหลาดที่ตัวเองได้ลอยอยู่ในอากาศ โดยที่ไม่มีอะไรอยู่ใต้เท้าทั้งสิ้น หลี่ฝางจึงได้อุทานขึ้นมาด้วยความแปลกใจ

“แดนดั่งเทพ สามารถสร้างฉากที่ใหญ่โตมโหฬารขนาดนี้ได้เชียวเหรอ?”

“พวกเราไม่ใช่แดนดั่งเทพสักหน่อย ใครจะไปรู้ว่าแดนดั่งเทพน่ายำเกรงเช่นนั้นจริง ๆ หรือเปล่า?” กู่ยี่เทียนส่ายหัวกล่าว: “สู้ข้ามไปดูเลยจะไม่ดีกว่าเหรอ แม่แน่ว่าบนยอดเกาะแห่งนั้น อาจจะบันทึกความลับของแดนดั่งเทพเอาไว้ก็ได้!”

“งั้นก็ไปกันเถอะ” ทั้งสองคนตัดสินใจอย่างแน่แน่ว จึงไม่ได้ลังเลใด ๆ อีก และก้าวเท้าเดินออกไปข้างหน้า

เดินในอากาศอันว่างเปล่าแห่งนี้ ราวกับได้เดินอยู่ในอวกาศ และถ้าทั้งสองคนคิดจะเคลื่อนไหว ก็แค่ต้องแรงผลักดันเพียงเล็กน้อยท่านั้นเอง

ยอดฝีมือแดนเต๋าสองคน เป็นธรรมดาที่จะสามารถใช้กำลังภายในเป็นแรงผลักดันได้ แต่ถ้าหากเป็นคนธรรมดาที่ไม่สามารถควบคุมกำลังภายในได้ งั้นก็คงเป็นเหมือนกับอยู่ในอวกาศที่ต้องลอยเวิ้งว้างอย่างควบคุมไม่ได้

และถ้าหากเป็นขั้นที่สามารถใช้กำลังภายในผลักดันให้ตัวเองก้าวไปข้างหน้าได้ อย่างน้อยก็ต้องบำเพ็ญถึงขั้นแดนเต๋า

ที่นี่ เป็นดินแดนที่มีเพียงขั้นแดนเต๋าหรือสูงกว่านั้นถึงจะก้าวเท้าเข้ามาได้

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท