“ได้เลย หยางฉง เรื่องนี้คุณทำเกินไปแล้ว!” หลิวเห้าปอโกรธจนสติแตก “งั้นฉันจะรอดูว่าตระกูลคุณจะฝ่าวิกฤติมรสุมครั้งนี้ไปได้ยังไง! ถึงเวลาคุณก็อย่าร้องไห้มาขอร้องฉันอีกก็แล้วกัน!”
ทิ้งคำพูดนี้ไว้อย่างดุดัน หลิวเห้าปอหันหลังกลับแล้วเดินจากไป
ในขณะที่ก่อนจากไปนั้น เขาก็ทำตาถลนใส่หลี่ฝางแล้วพูดเสียงเบาว่า “ไอ้เด็กเวร ต่อไปแกระวังตัวหน่อยก็แล้วกัน อย่าเดินไปกลางถนนแล้วโดนคนตื้บแบบไม่รู้สาเหตุล่ะ!”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้แล้วก็รู้สึกเหมือนกำลังถูกข่มขู่ ถึงแม้หลี่ฝางจะสูญเสียความทรงจำไปแล้วก็ตาม แต่อารมณ์ความโกรธก็ยังมีอยู่ จะให้คนแบบนี้มาข่มขู่ได้อย่างไรกัน?
ทันใดนั้น ในตัวของหลี่ฝางก็ปลดปล่อยรังสีพิฆาตออกมา พุ่งตรงเข้าไปหาหลิวเห้าปอ
ชั่วพริบตาเดียว หลิวเห้าปอรู้สึกแต่เพียงว่าโลกทั้งใบมืดมิดไปหมด ความรู้สึกหวาดกลัวต่อความตายก็เกิดขึ้นมาในใจทันที
เสียงดัง“ตุ๊บ” ขาทั้งสองข้างของหลิวเห้าปอก็อ่อนแรงทันที จากนั้นก็คุกเข่าลงไปกับพื้น
มองดูหลิวเห้าปอคุกเข่าลงกะทันหันเช่นนั้น ทุกคนต่างก็ตื่นตกใจ ไม่เข้าใจเลยว่าหลิวเห้าปอจะมาเล่นไม้ไหนกันแน่
ทำไมคำพูดเมื่อกี้ยังเป็นคำข่มขู่อยู่เลย แล้วตอนนี้ทำไมกลับคุกเข่าลงไปเสียแล้วล่ะ? หรือว่าเป็นเพราะว่าสำนึกผิด รู้ว่าตัวเองพูดผิดแล้วเช่นนั้นเหรอ?
หลี่ฝางก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาก็เพียงแต่รู้สึกโกรธ จึงจ้องตาเขม็งใส่หลิวเห้าปอเท่านั้นเอง ไม่รู้เลยว่าการที่ตัวเองจ้องมองเพียงแค่นั้นถึงกับมีพลังมหาศาลขนาดนั้นได้
“หลิวเห้าปอคุณประสาทแล้วหรือไง? คุณคิดว่าทำอย่างนี้ฉันก็จะยอมสยบให้คุณแล้วเหรอ?” หยางฉงเห็นหลิวเห้าปอคุกเข่าลงรู้สึกมึนงงไปหมด แต่ว่าเธอก็ไม่อยากจะอยู่ตอแยกับเขาอีกต่อไป พอพูดจบก็รีบพาสองคนนั้นเดินจากไป
เธอรู้ดีว่า หลังจากวันนี้เป็นต้นไป ตระกูลหลิวเดิมทีเป็นพันธมิตรกับตระกูลหยางอาจจะต้องกลายเป็นศัตรูไปแล้ว แต่เธอก็ไม่เสียใจที่ทำเช่นนั้น เพราะว่าสำหรับเธอแล้ว ความมุ่งมั่นในการตัดสินใจเลือกเส้นทางชีวิตของตัวเองเป็นเรื่องที่สำคัญยิ่งกว่า
เพียงแต่ว่าข้อเสียที่เกิดขึ้นในวันนี้ ก็คือทำให้หลี่ฝางเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
หยางฉงพูดกับหลี่ฝางว่า “ขอโทษนะ วันนี้ทำให้คุณต้องลำบากใจแล้ว แต่ว่าคุณเชื่อฉันเถอะ ไม่มีใครทำร้ายคุณได้หรอก”
“ฮ่าๆๆ วางใจเถอะ ฉันไม่อ่อนแออย่างที่คุณคิดหรอก สามารถที่จะปกป้องตัวเองได้อย่างดี” หลี่ฝางพูดด้วยรอยยิ้ม “พวกเราเป็นเพื่อนกันแล้ว ฉันก็ย่อมต้องช่วยเหลือคุณ คุณก็อย่าเก็บมาใส่ใจเลย”
“พูดได้ยอดเยี่ยม!” หวางซีเหยาพูดอย่างชื่นชมอยู่ข้างๆว่า “พี่หลี่ นี่แหละถึงจะนับว่าเป็นพี่น้องที่แสนดี!”
“นังตัวดี…..” หยางฉงเม้มปากยิ้ม จากนั้นก็พูดกับหลี่ฝางว่า “ตอนนี้คุณจะตามฉันไปดูที่ทำงานหรือเปล่า? จะได้ไปทำความคุ้นเคยกับสิ่งแวดล้อมในบริษัทไว้บ้าง”
“เออ คนขับรถยังต้องไปบริษัทด้วยเหรอ?” หลี่ฝางเอามือลูบศีรษะ “ฉันยังคิดว่าฉันแค่ต้องไปรู้จักกับเส้นทางไว้ก็พอแล้ว”
“งั้นไม่ไปก็ได้นะ นี่ไม่เป็นไรอยู่แล้ว” หยางฉงพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ฉันให้เหยาเหยาพาคุณไปดูสถานที่ที่พักคุณก็แล้วกัน คุณเข้าไปเก็บกวาดทางนั้นก่อน เมื่ออยู่เป็นหลักแหล่งแล้วค่อยว่าทีหลัง”
พูดพลางหยางฉงก็หยิบกุญแจดอกหนึ่งให้กับหวางซีเหยา จากนั้นก็หันหลังจากไป
“เป็นกุญแจที่นั่นเชียวเหรอ?” หวางซีเหยาป้องปากเบาๆแล้วพูดว่า “ที่นั่นเป็นฐานลับเฉพาะของเจ๊ใหญ่ฉันเลยนะ มีไม่กี่คนที่รู้จักหรอก!”
“อ๋อเหรอ? หลี่ฝางเมื่อได้ยินแล้วรู้สึกลังเลเล็กน้อย “งั้นถ้าฉันไปอยู่จะเหมาะหรือเปล่า? หรือไม่ฉันจะไปเช่าโรงแรมข้างนอกอยู่ก็ได้นะ”
“ไม่เป็นไร เจ๊ใหญ่ให้คุณอยู่คุณก็อยู่ไปก็แล้วกัน” หวางซีเหยาหัวเราะเฮๆแล้วผลักหลี่ฝางเข้าไปในรถ “ถ้าคุณขืนไม่เข้าไปอยู่ละก็ กลับจะทำให้เจ๊ใหญ่ฉันไม่สบายใจได้นะ!”
พูดจบ เธอก็ขับรถพาหลี่ฝางจากไป
หลังจากที่สองคนนั้นจากไปแล้ว ผ่านไปสักครู่หนึ่ง หลิวเห้าปอเดินออกมาจากร้านอาหารด้วยสีหน้าขาวซีด หน้าตาเคร่งขรึม ดวงตาทั้งคู่ส่องประกายความดุดัน
“เออดี! ดี ดี หยางฉง ยังมีไอ้เด็กเวรที่สมควรตายนั่น พวกแกคอยดูฉันก็แล้วกัน……”
……
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ ภายใต้การแนะนำของหวางซีเหยา หลี่ฝางก็ได้ซื้อของใช้ในชีวิตประจำวันเป็นจำนวนมาก แน่นอนที่หวางซีเหยาต้องเป็นคนจ่ายเงินให้ทั้งหมด
หลี่ฝางยืนอยู่ข้างๆถึงแม้ว่าจะมีความรู้สึกเคอะเขินบ้าง แต่ว่าตอนนี้จนปัญญาไม่มีเงินจริงๆ จึงได้แต่บอกกับหวางซีเหยาว่าเงินพวกนี้ให้หักจากเงินเดือนของตัวเองก็แล้วกัน
หวางซีเหยาก็ไม่ปฏิเสธ เพียงแต่พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
หลังจากซื้อข้าวของเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองคนก็มาถึงอพาร์ทเมนท์เล็กๆที่มีหนึ่งห้องนอนหนึ่งห้องรับแขก
ที่นี่ก็คือ“ฐานลับเฉพาะ”ของหยางฉง เนื้อที่เพียงแค่ราว 60 ตารางเมตร มีห้องนอนใหญ่มากหนึ่งห้อง ถึงแม้พื้นที่ไม่ใหญ่มากนัก แต่ภายในให้ความรู้สึกที่แสนอบอุ่น
“เหยาเหยา วันนี้คุณก็เหนื่อยแล้วสินะ งั้นก็รีบกลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ วันหลังฉันค่อยเลี้ยงคุณกินข้าวนะ”
หลังจากนั่งลงบนโซฟาพักผ่อนสักครู่หนึ่ง หลี่ฝางก็พูดกับหวางซีเหยา
“ได้เลยได้เลย งั้นคุณก็พักผ่อนให้สบายนะ เงินพวกนี้เก็บไว้กินข้าวด้วย” หวางซีเหยาก็เอาธนบัตรสีแดงหลายใบออกมาจากกระเป๋าแล้ววางลงบนโต๊ะ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้หลี่ฝางรู้สึกเคอะเขิน เธอจึงพูดเสริมขึ้นว่า “รอให้เงินเดือนคุณออกก่อนแล้วค่อยคืนให้ฉันก็แล้วกัน”
“ขอบคุณมาก” ถึงแม้หลี่ฝางจะรู้สึกตะขิดตะขวงใจบ้าง แต่ก็เกรงใจไม่อยากปฏิเสธ คนอื่นเป็นหญิงสาวยังพูดเช่นนี้เลย ถ้าเขายังปฏิเสธอีกก็ยิ่งดูหยุมหยิมเหมือนยายแก่ไปแล้ว
หลังจากเหยาเหยากลับไปแล้ว หลี่ฝางก็นั่งบนโซฟาพักผ่อนสักครู่หนึ่ง ในสมองก็ลองพยายามหวนนึกถึงอดีตของตัวเอง
แต่เสียดายที่ว่า เขาไม่สามารถนึกอะไรออกมาได้เลย เรื่องในอดีตของตัวเองเหมือนไม่มีความทรงจำหลงเหลืออยู่แล้ว
ถอนหายใจอย่างจนใจ หลี่ฝางเห็นว่าฟ้าเริ่มมืดแล้ว จึงเตรียมตัวทำกับข้าวมื้อเย็น
เพิ่งจะทำกับข้าวได้สองอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ได้ยินเสียงเคาะประตูจากข้างนอก หลี่ฝางเปิดประตูก็เห็นหยางฉงยืนอยู่ข้างนอก
“ฉันแวะมาดูคุณหน่อย กินข้าวหรือยังล่ะ?” หยางฉงถึงแม้พยายามที่จะทำหน้ายิ้มแย้ม แต่ใบหน้าที่อิดโรยก็ไม่อาจจะกลบเกลื่อนเอาไว้ได้