“ทำไมต้องไปสนใจญาติพี่น้องพวกนั้นด้วยล่ะ!” หยางฉงอดไม่ได้ที่จะตะโกนเสียงดังพูดออกมาว่า “สำหรับพ่อแล้ว ระหว่างญาติพี่น้องพวกนั้น หรือว่าฉันที่เป็นลูกสาวแท้ๆในไส้คนนี้ใครจะสำคัญกว่ากันแน่! พวกเขาคิดจะเอาฉันไปแลกกับผลประโยชน์ แล้วทำไมไม่เอาลูกสาวของตัวเองไปแลกบ้างล่ะ!”
เมื่อพูดถึงตรงนี้แล้ว น้ำตาของหยางฉงก็ไหลนองออกมา
“น้องเอ้ย……” หยางหุยเมื่อเห็นน้องสาวตัวเองร้องไห้แล้ว ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดี “แท้จริงแล้ว พ่อเองคงรู้สึกว่าหลิวเห้าปอไอ้หมอนั่นก็ไม่เลวนัก เมื่อแกได้อยู่กินกับเขาแล้ว อาจไม่แน่……”
“เขามีสิทธิ์อะไรมาคิดอย่างนี้ล่ะ! เรื่องของฉัน ฉันตัดสินใจเองได้ เขาคิดว่าฉันจะมีความสุขฉันก็ต้องมีความสุขอย่างงั้นเหรอ?”
“น้องฉง ฮ้าย! แก…….”
ในขณะที่หลี่ฝางมารับหยางฉงนั้น เห็นสีหน้าท่าทางของหยางฉงรู้สึกแย่ขึ้นกว่าเดิม ตอนเช้าเพิ่งจะผ่อนคลายไป ตอนนี้ก็แบกรับความกดดันที่หนักอึ้งอีกแล้ว
“จะกลับไปหรือเปล่าครับ?” หลี่ฝางถามขึ้นท่ามกลางความเงียบ
“คืนนี้คุณไปเป็นเพื่อนในงานเลี้ยงหน่อยสิ” หยางฉงนั่งพิงอยู่เบาะหลังรถพูดขึ้นด้วยสีหน้าอ่อนเพลีย
เมื่อเห็นสภาพท่าทางอ่านเพลียเช่นนี้ของหยางฉงแล้ว หลี่ฝางก็ไม่อาจจะปฏิเสธเธอได้
“ได้ งั้นฉันไปส่งคุณกลับไปก่อนก็แล้วกัน”
“อึม รบกวนคุณหน่อยนะ” หยางฉงก็ฝืนความรู้สึกให้คึกคักขึ้นมาบ้าง “ขอบคุณมาก คืนนี้ช่วยฉันกันคนที่น่ารำคาญพวกนั้นออกไปหน่อย”
ในไม่ช้า หลี่ฝางก็พาหยางฉงกลับไปที่อพาร์ทเม้นท์ แต่ไม่ได้ขึ้นไป นั่งรออยู่ในรถเพื่อให้หยางฉงไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วลงมา
เมื่อหยางฉงปรากฏตัวตรงหน้าหลี่ฝางอีกครั้งหนึ่ง ทำให้ดวงตาทั้งสองข้างของหลี่ฝางก็ลุกวาวแวบขึ้นมาทันที
หยางฉงใส่ชุดราตรีสีแดงสลับดำ ให้ความรู้สึกสวยงามสง่ามีเสน่ห์และสูงส่งอย่างวิเศษสุด บุคลิกท่าทางที่พิเศษเช่นนั้นทำให้ผู้คนเห็นแล้วอยากที่จะลืมเลือนได้
“รีบออกรถเร็ว!”
ถูกสายตาของหลี่ฝางจ้องมองจนรู้สึกเขินอาย หยางฉงอดไม่ได้ที่พูดขึ้นมา
หลี่ฝางหัวเราะเสียงดังลั่น แล้วรีบขับรถออกไป ในไม่ช้าก็มาถึงสถานที่จัดงานเลี้ยง เป็นโรงแรมหรูระดับห้าดาวแห่งหนึ่ง
ในไม่ช้าทั้งสองคนก็เดินเข้าไปในห้องโถงงานเลี้ยง
มองดูผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาบริเวณนั้น ล้วนแต่แต่งชุดเต็มยศเป็นทางการทั้งนั้น อย่างน้อยก็ต้องเป็นชุดเสื้อสูทที่เนี้ยบดูดี
หลี่ฝางมองดูชุดแต่งกายลำลองแบบสบายของตัวเอง รู้สึกเคอะเขินขึ้นมาทันที
ก่อนหน้านั้นหยางฉงก็จะให้เขาใส่ชุดเสื้อสูท แต่เขาเกี่ยงว่าใส่ชุดสูทแล้วไม่ถนัดจึงไม่ตกลง หยางฉงก็เลยไม่บังคับ
ตอนนี้มองไปแล้ว กลับเป็นจุดเด่นสะดุดตาไปแล้ว
หยางฉงสังเกตเห็นอาการเคอะเขินของหลี่ฝาง จึงเอามือป้องปากหัวเราะเบาๆแล้วพูดว่า “หลี่ฝาง ฉันจะไปทักทายเพื่อนทางโน้นหน่อย คุณไปหาที่นั่งก่อนก็แล้วกันนะ”
หลี่ฝางพยักหน้า เดินไปที่ปลอดคนแล้วหาที่นั่งหลบมุม
นั่งอยู่ที่นี่ถึงแม้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาเห็นแล้วก็ย่อมรู้สึกประหลาดใจ แต่อย่างน้อยก็ไม่ได้เป็นที่สะดุดตามากเท่าไรนัก
ในเวลานี้เอง ห่างออกไปไม่ไกลนักก็มีกลุ่มคนห้อมล้อมชาวต่างชาติคนหนึ่งไว้ ทันใดนั้นชาวต่างชาติคนนั้นก็ได้เห็นหลี่ฝางที่นั่งอยู่ที่นั่นอย่างสงบเงียบ
ชาวต่างชาติคนนี้ถึงกับอึ้งไปครู่หนึ่ง คิดว่าตัวเองมองคนผิดไป รีบจ้องมองอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง จากนั้นก็ยิ่งตกตะลึงไปชั่วขณะ
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ? คุณโฮ่เอ่อ?” กลุ่มคนที่อยู่รอบข้างพวกนั้นพบว่าชาวต่างชาติคนนี้มีอาการผิดปกติไป จึงมองตามสายตาเขาไป ก็เห็นหลี่ฝางที่แต่งกายผิดปกติไม่เหมือนคนอื่น ต่างก็ตกตะลึงเช่นกัน
“นี่มันเรื่องอะไรกันแน่! ยามรักษาความปลอดภัยที่นี่ทำไมถึงให้คนพวกนี้มั่วเข้ามาได้! ทันใดนั้นก็มีชายวัยกลางคนพูดขึ้นมาอย่างดุดัน
“เดี๋ยวฉันไปเรียกยามรักษาความปลอดภัยให้ไล่เขาไป” อีกคนหนึ่งก็รีบพูดอย่างนอบน้อมว่า “จะได้ไม่ต้องให้เขาอยู่ที่นี่ทำให้แขกพวกเราตกใจไปหมด”
“อย่าอย่าอย่า” โฮ่เอ่อรีบโบกมือ “ไม่ต้องสนใจเขาหรอก เขาก็ไม่ได้ทำอะไรเลย”
“คุณโฮ่เอ่อช่างเป็นคนที่ใจกว้างจริงๆ” คนกลุ่มนั้นก็พูดยกยอด้วยความนอบน้อม
ส่วนสายตาของโฮ่เอ่อแอบชำเลืองไปมองหลี่ฝางหลายครั้ง ขณะยืนคุยกับคนกลุ่มนั้นสักครู่หนึ่งก็หาข้ออ้างเพื่อที่จะเดินจากไป
“เขา เขาทำไมมาอยู่ที่นี่ได้……” ฝีเท้าก้าวย่างของเขาเร่งรีบขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
หลี่ฝางตอนนี้ไม่รู้เลยว่าตัวเองถูกคนอื่นจำหน้าได้แล้ว อีกทั้งไม่เพียงแต่มีแค่คนกลุ่มเดียวที่จับตามองเขาอยู่
ตอนนี้ หลิวเห้าปอที่อยู่ห่างไปไม่ไกลนักก็ได้มองเห็นหลี่ฝางแล้ว จึงบันดาลโทสะขึ้นมาทันที
“ไอ้บัดซบนี้ ถึงกับมาถึงที่นี่เชียว!” เขาพูดด้วยน้ำเสียงโกรธจัด
“คุณชายหลิวพูดถึงใครอยู่เหรอ?” กลุ่มคนพวกลูกคนรวยที่อยู่ข้างกายเขาก็รู้สึกแปลกใจ จึงหันหลังไปมอง ก็พบหลีฝางทันที
“นี่เป็นใครกันแน่ แต่งตัวแบบนี้ก็ยังกล้ามาที่นี่เหรอ?”
“ฮึ่อ เขาก็คือโล่กำบังคนนั้นไง!” หลิวเห้าปอขบเขี้ยวเคี้ยวฟันแล้วพูดว่า “ดูท่าแล้วหยางฉงจงใจที่จะพาเขามายั่วโมโหฉันแน่เลย!”
“คุณชายหลิว ฉันจะช่วยคุณไปสั่งสอนเจ้าหมอนั้นเอง” ลูกคนรวยที่อยู่ข้างตัวหลิวเห้าปอทำตากลอกไปมา แล้วหัวเราะออกมา
ผู้คนต่างก็รู้สึกว่ามีเรื่องดราม่าให้ดูแน่นอน จึงทยอยเดินตามคนนั้นไป
“น้องชายท่านนี้ ฉันรู้สึกว่าคุณหน้าคุ้นจังเลย!”
คนนั้นก็เดินมาตรงหน้าหลี่ฝางอย่างรวดเร็ว แล้วเอ่ยปากพูดว่า “ฉันชื่อจางยู่ ไม่ทราบว่าน้องชายท่านนี้มาจากตระกูลไหนกันเหรอ?”
หลี่ฝางเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นเป็นหน้าของหลิวเห้าปอ เมื่อเห็นดูสีหน้าที่ไม่ประสงค์ดีนั้นแล้ว ก็เข้าใจดีว่าคนที่อยู่ตรงหน้านั้นจะทำมาอะไร
“ตระกูลไหนก็ไม่ใช่ทั้งนั้น มาขับรถให้กับเจ้านาย” หลี่ฝางพูดตามตรง
“อะไรนะ? ขับรถเหรอ? งั้นแกก็เป็นแค่คนขับรถคนหนึ่งน่ะสิ?” จางยู่จงใจตะโกนพูดเสียงดังขึ้น “แกเป็นแค่คนขับรถเข้ามาได้ยังไงกัน? เจ้านายแกเป็นใคร ไม่ได้สอนมารยาทแกเหรอไง?”
หลี่ฝางพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “มีคนเขาเชิญฉันเข้ามา”
จางยู่ก็ทำเป็นแกล้งไม่ได้ยินคำพูดของหลี่ฝาง หันหลังกลับไปโบกมือเรียกยามรักษาความปลอดภัยเข้ามา
“ทำไมงานเลี้ยงระดับห้าดาวอย่างนี้พวกแกถึงกับปล่อยให้คนแบบนี้เข้ามาได้” จางยู่ด่าตะคอกใส่ยามรักษาความปลอดภัย “พวกแกไม่คำนึงถึงความปลอดภัยมั่งเลยเหรอ?”
ยามรักษาความปลอดภัยหน้าเสียทันที หยางฉงพาหลี่ฝางเข้ามา พวกเขาก็ไม่สามารถที่จะห้ามได้นี่นา!