NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1044 หลิวฮุยมาหาถึงที่

บทที่ 1044 หลิวฮุยมาหาถึงที่

“คุณหนูหยาง ในที่สุดฉันก็หาคุณจนพบ!” ทันใดนั้นก็มีเสียงดังแว่วมาจากข้างนอก จากนั้นก็มีผู้ชายคนหนึ่งท่าทางดูสง่าเรียบร้อย อายุราว30กว่าเดินเข้ามา

หยางฉงคิดอยู่สักครู่ก็นึกขึ้นได้ว่าผู้ชายคนนี้มาหาตัวเอง จึงรีบถามว่า “คุณคือ……”

“ฉันชื่อต้ายหมิง เป็นเลขาของโจวซู ” ผู้ชายคนนั้นยิ้มแล้วพูดว่า“โจวซูอยากจะขอเชิญท่านและน้องชายที่ช่วยเหลือโจวซูคนนั้นไปพบหน่อย”

หลี่ฝางได้ยินก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “ท่านพี่โจหายดีแล้วเหรอ?”

เขาคิดไม่ถึงว่าชายวัยกลางคนคนนั้นที่เขาช่วยไว้ตอนเช้านี้ พอตกกลางคืนฝ่ายตรงข้ามก็หาตัวเองพบแล้ว

“น้องชาย คุณใช่ไหมที่ช่วยโจวซูเอาไว้? ฮ่าๆๆ โจวซูตอนนี้หายดีแล้ว รีบตามฉันมาเถอะ โจวซูรอคุณอยู่นะ!”

ต้ายหมิงพูดพลางเดินเข้ามาหา

หลี่ฝางพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ตอนนี้ฉันคิดอยากจะไปแต่ก็ไปไม่ได้แล้ว ยังมีเรื่องยุ่งยากรออยู่เลย!”

ต้ายหมิงมองดูบริเวณรอบๆที่วุ่นวายเลอะเทอะไปหมด ขมวดคิ้วแล้วถามว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ?”

ในไม่ช้า หัวหน้าคณะตำรวจก็เดินเข้ามาเล่ารายละเอียดสถานการณ์ให้ฟัง

หลังจากต้ายหมิงรู้ที่มาที่ไปของเรื่องแล้ว จึงจุงมือหัวหน้าคณะตำรวจคนนั้นแล้วพูดกระซิบอะไรสักอย่างหนึ่ง

จากนั้นหัวหน้าคณะตำรวจเดินกลับมาแล้วพูดว่า “ในเมื่อพวกคุณเตรียมที่จะไกล่เกลี่ยกันเองได้แล้ว งั้นก็จัดการกันเองก็แล้วกันนะ!”

พวกตำรวจก็จากไปอย่างรวดเร็ว

“คุณหลี่ หมดเรื่องแล้ว พวกเราไปกันเถอะ” ต้ายหมิงพูดด้วยรอยยิ้ม

หลี่ฝางก็ยิ้มเล็กน้อย แล้วส่งสัญญาณให้หยางฉง

“ฉันไปด้วย!” หยางฉงดีใจที่โผวิ่งเข้ามา กอดแขนของหลี่ฝางไว้ แล้วเดินไปพร้อมกับหลี่ฝาง

ผู้คนที่เหลืออยู่ในงานเลี้ยงต่างก็มองหน้ากัน แล้วหันไปมองพ่อหยางเป็นครั้งคราว

พวกเขารู้ว่า ตระกูลหยาง กำลังจะโชคดีแล้ว!

พวกหลี่ฝางสามคนก็มาถึงโรงพยาบาลประจำเมือง ต้ายหมิงก็เดินนำทาง ทั้งสามคนก็มาถึงห้องผู้ป่วยห้องหนึ่ง

เมื่อเข้าไปในห้องผู้ป่วยแล้ว ก็เห็นโจวซูที่ตัวเองเคยช่วยไว้เมื่อเช้านี้กำลังส่งยิ้มให้ตัวเองแล้วพูดว่า “เจ้าน้องชาย คิดไม่ถึงล่ะสิฉันจะหาก็คุณเจอได้เร็วขนาดนี้?”

หลี่ฝางก็หัวเราะขึ้นมา “พี่ชายช่างร้ายกาจจริงๆ แล้วร่างกายตอนนี้เป็นยังไงบ้างล่ะ?”

“โชคดีที่มีคุณอยู่ ไม่เช่นนั้นแล้ว ขาของฉันนี่คงพิการไปแล้วล่ะ” โจวซูพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ตอนนี้กลับไม่ค่อยมีปัญหาอะไรมากแล้ว นอนพักฟื้นสักพักก็หายดีแล้วล่ะ”

โจวซูในเวลานี้ไม่ได้วางฟอร์มอะไรเลย ดูไปแล้วก็เหมือนรุ่นคุณลุงธรรมดาทั่วไปคนหนึ่งเท่านั้น

หลี่ฝางพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ผมก็แค่เดินผ่านไปพอดี คงจะไม่ช่วยก็ไม่ได้แล้วสิ?”

“เจ้าหนูน้อย ฉันชอบนิสัยคุณแบบนี้” โจวซูยิ้มแล้วพูดว่า “ตอนนี้คุณบอกฉันได้แล้วยังว่าคุณชื่ออะไร?”

“หลี่ฝาง” ชื่อนี้หลี่ฝางก็เพิ่งจะรู้เมื่อครู่นี้เอง ก็ไม่ปิดบังที่จะบอกโจวซู อีกแล้ว

“ชื่อนี้ไม่เลวเลยนะ” โจวซูพูดด้วยรอยยิ้ม

หลี่ฝางมองดูโจวซูไม่ได้คิดมากเพราะชื่อนี้ของเขา ในใจก็ค่อยโล่งอก

ทั้งสองคนคุยกันไปนานพอสมควร หลี่ฝางก็ได้รู้เรื่องของโจวซูไม่น้อยเลย และพูดเรื่องของหยางฉงไม่น้อยเช่นกัน แต่สำหรับเรื่องของตัวเองนั้นเขากลับไม่รู้เรื่อง จึงไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี

หลี่ฝางไม่พูด โจวซูก็ไม่ได้ถาม เขาเพียงแต่ยอมรับรู้ว่าหลี่ฝางช่วยเขาไว้ นิสัยไม่เลว เรื่องอย่างอื่นๆ ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องไปถามอีกแล้ว

พูดคุยกันไปอีกสักครู่หนึ่ง หยางฉงก็ค่อยๆกระซิบเตือนหลี่ฝาง หลี่ฝางรับรู้แล้วว่าเวลาก็ใกล้ค่ำแล้ว จึงขอตัวอำลาโจวซู

โจวซูก็ไม่ได้ลั่งพวกเขาไว้ เพียงแต่บอกว่าวันหลังให้มาเยี่ยมเขาอีก หลี่ฝางก็ย่อมตอบตกลง จากนั้นก็พาหยางฉงจากไป

ระหว่างทางนั้น หลี่ฝางพูดกับหยางฉงว่า “คุณรู้เรื่องเกี่ยวกับอดีตของฉันหรือเปล่า? ช่วยเล่าให้ฉันฟังหน่อยสิ”

“ฉัน…..ฉันก็เพิ่งจะรู้เมื่อกี้นี้เอง รู้มาก็ไม่มาก……” ถึงแม้หยางฉงพูดเช่นนี้ก็ตาม แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธหลี่ฝาง จึงเล่าเรื่องเท่าที่ตัวเองพอรู้นิดหน่อยให้หลี่ฝางฟัง

คนหนึ่งพูดอีกคนหนึ่งฟ้งเป็นเช่นนี้ พูดคุยกันตลอดทาง จนกลับมาถึงบ้าน หยางฉงก็เกือบจะเล่าจบพอดี

สภาพจิตใจของหลี่ฝางรู้สึกสับสนมาก ในอดีตของเขาช่างมีสีสันอะไรเช่นนี้ ส่วนความทรงจำของเขาก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะกลับคืนมาได้

หนึ่งคืนผ่านไป

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ขณะที่หลี่ฝางทำกับข้าวเสร็จแล้ว พอดีหยางฉงก็ตาสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาแล้วเดินออกมาจากห้องนอน

“รีบมากินข้าวเร็ว” หลี่ฝางพูด

“วันนี้ฉันไม่ไปบริษัทแล้วนะ” ใบหน้าของหยางฉงเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ผ่อนคลาย “อีกเดี๋ยวจะไปเดินช็อปปิ้งกัน!”

“คุณไม่ไปจริงเหรอ?” หลี่ฝางนึกถึงเมื่อคืนที่หยางฉงทะเลาะกับพ่อของเธอจึงพูดประชดเช่นนั้น

“บอกว่าไม่ไปก็ไม่ไปสิ ฉันถูกบริษัทไล่ออกแล้ว!” ดูราวกับว่าได้ยกภูเขาออกจากอก หยางฉงรู้สึกเต็มไปด้วยความสดชื่นและคึกคักไปทั้งตัว

ขณะที่หลี่ฝางกำลังดีใจไปกับหยางฉงอยู่ ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูจากข้างนอก

หลี่ฝางยิ้มให้หยางฉงแล้วพูดว่า “คุณไปล้างหน้าแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะ เดี๋ยวฉันไปดูว่าใครมา”

พอเปิดประตูออกมา หลิวฮุยที่อยู่ข้างนอกประตูเห็นสภาพหลี่ฝางที่แต่งตัวอยู่กับบ้านเช่นนี้ ก็รู้สึกมึนตึ๊บไปเลย

“หลี่ฝาง แกเปลี่ยนอาชีพแล้วเหรอ? เป็นคุณชายระดับเศรษฐีไม่เอากลับมาเป็นแม่บ้านที่นี่เหรอ?” หลิวฮุยอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาแล้วพูดแซวขึ้นมา

“แกเป็นใครกันเนี่ยะ” หลี่ฝางถามด้วยสีหน้าไม่พอใจ

“ไม่พูดเล่นแล้วก็ได้ ฮาๆ หลี่ฝาง ทำไมแกมาซ่อนตัวอยู่ที่นี่ล่ะ?”

มองดูท่าทางของหลิวฮุยที่บอกว่าไม่ล้อเล่นแล้วก็ยังหัวเราะเสียงดังอีก หลี่ฝางแทบจะอดไม่ได้ที่จะเข้าไปกระทืบเขาสักที

“แกเป็นใครกันแน่? แล้วมาทำอะไรกัน?”

เสียงหัวเราะของหลิวฮุยก็หยุดลงทันควัน

“ฉันคือหลิวฮุย ผู้จัดการของต้าเซี่ยหลงเช่วไง แกจำฉันไม่ได้แล้วเหรอ?”

“เข้ามาก่อนสิ” หลี่ฝางสังเกตดูหลิวฮุยอย่างละเอียด แน่ใจแล้วว่าเขาไม่ประสงค์ร้าย จึงให้เขาเข้ามาข้างใน

หลิวฮุยงงเป็นไก่ตาแตก เดินตามหลังหลี่ฝางเข้าไปในห้อง เมื่อเห็นสภาพภายในห้องครั้งแรกถึงกับอึ้งไปเลย

เห็นสาวงามคนหนึ่งที่ใส่ชุดนอนนั่งอยู่บนโต๊ะอาหาร ดูเหมือนกำลังจะแอบกินอาหาร เมื่อถูกหลี่ฝางมาเห็นเข้า ก็รีบนั่งตัวตรงเรียบร้อย แล้วมองดูหลี่ฝางด้วยสีหน้าไร้เดียงสา

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท