NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1059 ขอขมา

บทที่ 1059 ขอขมา

หัวหน้า คุณเป็นลูกหลานคนรวยระดับซูเปอร์ที่ซ่อนตัวอยู่หรือเปล่า? หรือว่าจะเป็นคนของสุดยอดตระกูลใหญ่?”

โจวหมิงเดินเข้ามาแล้วเอ่ยถามด้วยใบหน้าทะเล้น

ส่วนคนอื่น ๆ ต่างก็มองมาทางนี้ ในสายตาซ่อนความสงสัยเอาไว้ไม่อยู่

เพราะเรื่องเมื่อวานนั้น มันพิลึกพิลั่นมากเกินไป เมื่อคืนนั้นเพราะพวกเขายังไม่หายจากอาการตกใจจึงไม่ได้ถาม แต่หลังจากผ่านการหมักหมมมาหนึ่งคืนเต็ม ๆ ในที่สุดคนพวกนี้ก็อดไม่ได้แล้ว

“เฮ้อ! ก็ได้ ไม่เสแสร้งแล้ว ฉันจะบอกความจริงก็ได้……”

หลี่ฝางถอนหายใจยาว ๆ และกล่าวอย่างเอ้อระเหย: “ความจริงแล้วฉันเป็นยอดฝีมือคนหนึ่ง แบบที่สามารถสู้คนเป็นร้อยได้ด้วยตัวคนเดียว”

หลี่ฝางพยายามพูดให้เล็กที่สุด เพื่อไม่ให้คนพวกนี้รับไม่ได้ถ้าพูดโอเวอร์ ถึงแม้เขาจะคิดว่าไม่มีปัญหาอะไรถ้าเขาจะสู้กับคนเป็นพันด้วยตัวคนเดียว

คิดไม่ถึงว่าหลังจากที่ได้ยินคำพูดของหลี่ฝางแล้ว ทุกคนจะหัวเราะเอิ๊กอ๊ากขึ้นมา

“หัวหน้า คุณแต่งได้ไม่น่าเชื่อถือสักนิดเลย”

“นั่นน่ะสิ หัวหน้า ต่อให้คุณไม่อยากบอกความจริงกับพวกเรา แต่คำพูดแบบนี้มันไม่มีแรงในการโน้มน้าวเลยสักนิด”

“อย่าล้อเล่นอีกเลย หัวหน้าหลี่ ยิปมันยังแค่หนึ่งต่อสิบ หนึ่งต่อร้อยมันจะเกินความจริงไปมากไปแล้ว

……

หลี่ฝางยักไหล่เล็กน้อย ฉันพูดความจริง พวกนายจะไม่เชื่อก็เรื่องของพวกนาย

วันนี้ก็ได้ผ่านไปอย่างสงบอีกครั้ง แต่ทว่าในตอนที่ใกล้จะเลิกงานนั่นเอง สายโทรเข้าจากเฮียเว่ย ทำให้วันนี้ไม่สงบอีกต่อไป

“นายทำอะไร?”

หลังจากที่รับสายของฝ่ายตรงข้าม หลี่ฝางก็แปลกใจเล็กน้อย

“คุณหลี่ คุณอย่าเข้าใจผิดนะครับ เพราะเห็นว่าน้องชายของผมล่วงเกินคุณไงล่ะ ก็เลยอยากจะเชิญคุณออกมาเที่ยว อยากจะขอขมาคุณสักหน่อย”

เหมือนว่าจะฟังความไม่พอใจของหลี่ฝางออก เฮียเว่ยกล่าวด้วยความหวาดผวาเล็กน้อย

“ก็ได้ ไปเที่ยวที่ไหนล่ะ?”

หลี่ฝางคิด ๆ ดูแล้วถึงยังไงก็ไม่มีอะไรทำ ก็เลยรับปากไป

“ผมได้เตรียมรถไว้ให้คุณเรียบร้อยแล้ว พวกเราออกเดินทางได้ทุกเมื่อ” เฮียเว่ยเอ่ยอย่างร้อนรน

“อ้อใช่แล้ว คุณหลี่ครับ เรียกเพื่อนของคุณไปเที่ยวด้วยกันก็ได้นะครับ”

หลี่ฝางคิด ๆ ดูก็รู้สึกว่าไปกันเป็นกลุ่มดีกว่าผู้ชายสองคนไปด้วยกันจริง ๆ เลยพยักหน้าตอบตกลงไป

“ได้ ฉันจะชวนพวกเขาไปด้วย”

“งั้นผมจะรอคุณที่ข้างนอกนะครับ”

หลังจากที่หลี่ฝางได้บอกเรื่องนี้กับทุกคน ทันทีทันใด ทั่วทั้งห้องพนักงานรักษาความปลอดภัยก็อลหม่านขึ้นมา ทุกคนต่างล้อมรอบเข้ามาด้วยท่าทางตื่นเต้นดีใจ

หานจื้อเย่และคนอื่น ๆ อีกสองคนก็ได้หน้าบูดบึ้งขึ้นมา เพราะว่าคืนนี้พวกเขาต้องเข้าเวร ไม่สามารถไปด้วยได้

“ฉันอยากกร้องไห้จังเลย พี่น้องทุกคน ใครยินดีที่จะเปลี่ยนเวรกับฉันบ้าง? สามวันแลกหนึ่งวัน”

“อย่าว่าแต่สามวันเลย ต่อให้นายแลกด้วยหนึ่งอาทิตย์พวกเราก็ไม่เปลี่ยนหรอก”

หลี่เหวยเดินเข้ามาด้วยใบหน้ายิ้มแป้น ตบเข้าไปที่ไหล่ของหานจื้อเย่เบา ๆ พลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม: “เพื่อน สู้ ๆ ปกป้องทรัพย์สินของบริษัทให้ดี นายเก่งอยู่แล้ว!”

“โถ่……” พี่น้องชะตาเดียวกันทั้งสามคนต่างมองตากัน ล้วนมองเห็นความเจ็บปวดจาง ๆ ที่อยู่ในสายตาของอีกฝ่าย……

ไม่นาน ทุกคนก็ได้แต่งตัวอีกครั้ง และเดินออกไปจากบริษัทด้วยอารมณ์ตื่นเต้นดีใจ

ทันทีที่เดินออกมาจากประตูใหญ่ ก็พบว่าที่ด้านนอกตึกบริษัทมีรถเบนซ์สีดำจอดเรียงรายอยู่เป็นแถว ภาพเหตุการณ์เช่นนั้น ทำให้พวกหลี่เหวยมองจนเอ๋อแดกไปเลยทีเดียว

รถเบนซ์ระดับพรีเมียมที่จอดเรียงกันอยู่เป็นแถวนี่ อย่างน้อยก็สิบล้านหยวนขึ้นไป

“เย็xเข้ นี่มันจะสุดยอดเกินไปแล้ว!”

“หัวหน้าหลี่คุณยังจะมาบอกอีกว่าคุณไม่ใช่คุณชายตระกูลใหญ่!”

“หัวหน้าหลี่สุดยอดไปเลย!”

ส่วนเฮียเว่ยในเวลานี้กำลังยืนรออยู่ที่ด้านหน้าของรถคันแรก เมื่อเห็นหลี่ฝางเดินออกมา เขาก็รีบเดินเข้าไปรับพลางกล่าวอย่างนอบน้อม: “คุณหลี่ เชิญขึ้นรถครับ”

หลี่ฝางพยักหน้า และขึ้นไปนั่งบนรถตามที่เฮียเว่ยได้เปิดประตูให้

เฮียเว่ยไม่กล้านั่งที่ด้านข้างของหลี่ฝาง หลังจากที่ปิดประตูรถให้หลี่ฝางอย่างนอบน้อมแล้ว ตัวเองก็ขึ้นไปนั่งที่ที่นั่งข้างคนขับ

ไม่นานรถก็ได้ขับเคลื่อนออกไป ขับเรียงกันเป็นแถวไปตามถนน

ไม่นาน รถก็ได้ขับออกไปจากตัวเมือง สุดท้ายรถก็ได้จอดลงที่ด้านหน้าอาคารที่ดูแล้วแสนจะธรรมดาแห่งหนึ่ง

ทุกคนมองดูตึกเล็ก ๆ ที่แสนจะธรรมดาแห่งนี้ ก็พลันรู้สึกประหลาดใจขึ้นมาทันที เพราะถึงยังไงก็เป็นเฮียเว่ยเป็นคนเลี้ยง ทำไมถึงได้พาพวกเขามาสถานที่แบบนี้ล่ะ?

กลับเป็นลูกหลานตระกูลคนมีเงินอย่างโจวหมิงที่รู้จักที่นี่ เขากล่าวอย่างตกใจ: “นี่ก็คือสถานที่ละลายทรัพย์ในตำนานไงล่ะ!”

“ถูกต้อง รู้ดีไม่เบานี่” เฮียเว่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม: “ดูแล้วที่บ้านของน้องชายคนนี้ก็ไม่ธรรมดา”

โจวหมิงรีบกล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม: “ที่ไหนกันครับ ครอบครัวของผมแค่ทำธุรกิจเล็ก ๆ เอง เมื่อเทียบกับเฮียเว่ยแล้วไม่คู่ควรที่จะเอ่ยถึงเลยสักนิด”

เฮียเว่ยหัวเราะขึ้นมาเสียงดัง เดิมทีเขายังคิดที่จะโอ้อวดต่อหน้าหลี่ฝางสักหน่อย คิดไม่ถึงว่าหลี่ฝางไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ใด ๆ เลยสักนิด ในตอนนี้โจวหมิงได้ยกประเด็นนี้ขึ้นมา เขาถึงได้มีโอกาสเอ่ยแนะนำ

“แหล่งรวมพวกเศรษฐีที่มีชื่อเสียงของเมืองจินซาน สถานที่ละลายทรัพย์ ขอแค่มีเงิน ก็สามารถเพลิดเพลินกับบริการราวกับได้ขึ้นสวรรค์ได้ที่นี่!”

เดิมทีเฮียเว่ยหวังว่าการแนะนำเช่นนี้ของตัวเองสามารถทำให้หลี่ฝางรู้สึกประทับใจขึ้นมา

แต่น่าเสียดาย หลี่ฝางยังคงมีสีหน้าสงบนิ่ง ราวกับว่าได้เห็นเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องปกติไปแล้ว ทำให้เฮียเว่ยไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเขาประทับใจหรือไม่

ถึงแม้หลี่ฝางไม่ได้มีปฏิกิริยาใด ๆ แต่ในเวลานี้พวกหลี่เหวยได้เริ่มตื่นเต้นขึ้นมาแล้ว

ตอนนี้พวกเขาแทบทนรอไม่ไหวที่จะเข้าไปสนุกสนานเพลิดเพลินที่ข้างในแล้ว ทั่วทั้งสมองเต็มไปภาพกินเหล้าฟังดนตรีเคล้านารี สำมะเลเทเมา

รวมทั้งโจวหมิงเองก็มีท่าทีตื่นเต้นดีใจพลางกล่าว: “สถานที่แห่งนี้ ไม่ใช่ว่าแค่มีเงินก็สามารถเข้ามาได้หรอกนะ ยังต้องมีฐานะตำแหน่งที่แน่นอนด้วยถึงจะได้ ไม่อย่างนั้น คุณแค่มีเงินก็อย่างหวังเลยว่าจะเข้าไปดูได้”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท