เห็นคนพวกนั้นไม่มีท่าทางตอบสนองใด ๆ โจวหมิงก็กล่าวด้วยรอยยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง: “ผับแห่งนี่มีเพื่อนฉันเป็นคนดูแล ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่มันก็ไม่ดีกับทั้งสองฝ่าย นายไว้หน้าฉันหน่อย ได้ไหม?”
ที่ตรงข้ามของโจวหมิงถึงแม้จะมีเพียงสี่คน แต่ทว่าแต่ละคนต่างก็ไม่น่ามีเรื่องด้วย ดังนั้นจึงคิดที่จะอ้างชื่อของเพื่อนออกมา คิดจะใช้มันยุติเรื่องนี้ลง
แต่หลังจากที่ฝ่ายตรงข้ามได้ยิน กลับหัวเราะเยาะเย้ยขึ้นมา ชายหนุ่มอายุน้อยคนนั้นยิ่งหัวเราะเยาะพลางกล่าว: “เพื่อนแกคงไม่มีคุณสมบัติแม้แต่ถือรองเท้าให้ลูกพี่ของพวกเราด้วยซ้ำ แกยกมันออกมาขู่ใครเหรอ?”
“แกให้ฉันไว้หน้าแก? ไอ้หนุ่ม แกไม่ไปลองถามดูว่าฉันพี่หุยเป็นใคร แกกล้าให้ฉันไว้หน้าแกเหรอ?”
โจวหมิงเห็นพี่หุยโสโอหังแบบนี้ ถึงแม้พอจะเคยได้ยินชื่อนี้อยู่บ้าง แต่คิดว่าคงไม่ได้มีชื่อเสียงอะไร เขาขมวดคิ้วด้วยความสงสัยเล็กน้อย จึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา โทรให้เพื่อนที่ดูแลผับแห่งนี้มาที่นี่หน่อย
จากนั้นไม่นาน ผู้ชายร่างกายแข็งแรงกำยำคนหนึ่งก็ได้เดินมาทางทั้งสองคน เดินไปก็พลางเอ็ดไป: “ใครรังแกเพื่อนฉัน ไสหัวออกมา!”
“พี่หยาง ผมอยู่ตรงนี้!” โจวหมิงโบกมือเรียกคนคนนั้น
“เสี่ยวโจว ใครรังแกนายเหรอ? บอกพี่มา! เดี๋ยวพี่จัดการให้!” พี่หยางคนนั้นกล่าวเหมือนจะเปิดเผยตรงไปตรงมา
“พวกเขาไงล่ะ!” โจวหมิงชี้ไปทางคนกลุ่มนั้นพลางกล่าว: “พี่หยาง พวกเขาไม่ไว้หน้าเลยสักนิด!”
“อ๋อ? ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าใครร้ายกาจขนาดนั้น กล้าแม้แต่ก่อเรื่องบนอาณาเขตของเฮียเว่ย!” พี่อย่างเดินเข้ามาด้วยความโมโหร้าย
เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ พวกหลี่เหวยต่างก็วางใจลงไปบ้าง
พวกเขาพอจะเคยได้ยินชื่อเสียงของพี่หยางมาบ้าง เขาได้ติดตามเฮียเว่ยที่ร้ายกาจที่สุดของที่นี่ ปกติแล้วตัวละครเล็ก ๆ ไม่มีแม้แต่คุณสมบัติที่จะพูดเมื่ออยู่ต่อหน้าของเขา
แต่ทว่าพวกเขากลับไม่เห็น หลังจากที่ได้ยินเสียงของพี่หยางแล้ว คนพวกนั้นไม่เพียงไม่กลัว แถมบนใบหน้ายังมีแววหยอกล้ออยู่อีกด้วย
“พี่หยาง? แกเจ๋งมากนี่ กล้ามาสั่งสอนฉันแล้วเหรอ?”
คนคนนั้นเดินเข้ามาอย่างช้า ๆ
เมื่อเห็นหน้าของคนคนนั้น สีหน้าของพี่หยางก็ซีดเซียวลงไปทันที
“พี่หุย เป็น เป็นพี่ได้ยังไง?” พี่หยางถามเสียงสั่น
“ทำไม ฉันมาที่นี่ไม่ได้เหรอ?” พี่หุยคนนั้นหัวเราะอย่างเย็นชา: “อ๋อ ใช่สิ แกพี่หยางเจ๋งมากสินะ แม้แต่ฉันแกยังไม่เห็นอยู่ในสายตา!”
เหงื่อเย็น ๆ ผุดขึ้นมาบนหน้าฝากของพี่หยาง เขากล่าวอย่างตะกุกตะกัก: “พี่ พี่หุย ผมผิดไปแล้ว พี่ พี่ยกโทษให้ผมเถอะนะ……”
“ยกโทษให้แก? แกเจ๋งมากไม่ใช่เหรอ? จะออกหน้าแทนน้องชายแกไม่ใช่เหรอ? แกออกหน้าสิ!” จู่ ๆ พี่หุยก็ตะคอกขึ้นมา กล่าวด้วยท่าทางดุร้าย
พี่หยางสั่นสะท้านไปทั้งตัว พลันหันกลับไปฟาดเข้าที่ใบหน้าของโจวหมิง
“ยังไม่รีบคุกเข่าลงขอโทษพี่หุยอีก!”
โจวหมิงโดนฝ่ามือนั้นฟาดจนหน้ามืดตามัว เขาเอามือกุมใบหน้าพลางกล่าวอย่างน้อยใจ: “พี่ พี่หยาง เป็นพวกเขาที่มาหาเรื่องก่อนชัด ๆ ……”
“แกแม่งปัญญาอ่อนหรือไง!” พี่หยางถีบเข้ามาอีกครั้งจนโจวหมิงล้มลง: “พี่หุยเป็นน้องชายแท้ ๆ ของเฮียเว่ย!”
“น้องชายแท้ ๆ ?”
วินาทีนั้น เมื่อได้ยินชื่อเฮียเว่ย ทุกคนก็เงียบไปทันที พวกโจวหมิง ต่างก็ตัวสั่นขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้
เฮียเว่ยคนนี้ มีอำนาจและชื่อเสียงเป็นวงกว้างในสถานที่แห่งนี้ ผู้คนในสังคมเดียวกันไม่มีใครกล้าที่จะไปมีเรื่องกับเขาเลย
อาศัยอะไรงั้นเหรอ? ก็อาศัยชื่อเสียงบารมีที่สร้างมานับสิบปียังไงล่ะ
พูดได้ว่า อยู่ที่นี่เฮียเว่ยพูดคำไหนคำนั้น ส่วนคนที่มีฐานะเป็นน้องชายแท้ ๆ ของเฮียเว่ย นั่นยิ่งไม่ต้องพูดถึงตำแหน่งเลย
ตอนนี้ไม่จำเป็นที่พี่หยางต้องพูดอะไรอีก โจวหมิงก็เอ่ยขอโทษขอโพยขึ้นมาทันที: “ต้องขอโทษด้วยนะครับพี่หุย ผมมีตาหามีแววไม่ พี่ได้โปรดปล่อยพวกผมไปเถอะนะ ผมจะมอบหนึ่งแสนหยวนเป็นค่าขอขมาทันที”
“แกรวยไม่เบาเลยนี่?” พี่หุยยักคิ้วพลางยิ้มกล่าวอย่างดูแคลน
พี่หยางที่อยู่ด้านข้างรีบเอ่ยขึ้นมา: “พี่หุย ครอบครัวเขาเปิดบริษัท ทุนหลายสิบล้าน พอจะมีเงินอยู่บ้าง เอาอย่างนี้ดีไหม……”
“แม่งเอ๊ย หลายสิบล้านจะนับอะไรได้!” ไม่รอให้พี่หยางกล่าวจบ ฝ่ามือของพี่หุยก็ได้ฟาดลงไปบนหน้าของพี่หยาง ตบจนเขาก้าวถอยหลังไปสองสามก้าว และไม่กล้าพูดอะไรอีก
“ให้น้องสาวคนนี้ไปกับฉัน แกค่อย……เอาเงินมาให้ฉันใช้เล่นอีกสักห้าล้านหยวน เรื่องนี้ก็ถือว่าผ่านไป” พี่หุยโบกมือไปมา และกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ
ถึงแม้เฮียเว่ยค่อนข้างจะร่ำรวย แต่ว่าเฮียเว่ยไม่ได้ให้เงินกับเขามากสักเท่าไหร่ เพราะเขารู้นิสัยน้องชายคนนี้ของเขาดี ถ้าให้เขามีเงินในมือมากไป เกรงว่าเขาจะสร้างปัญหามากมายที่ทำให้ตัวเองต้องปวดหัว
ดังนั้นเมื่อพี่หุยเห็นเนื้อก้อนโตอย่างโจวหมิงในตอนนี้ เป็นธรรมดาที่ต้องผลาญให้หนัก ๆ
สีหน้าของโจวหมิงซีดเซียวลงไปทันที
ก็จริงอยู่ที่ว่าพ่อของเขามีทรัพย์หลายสิบล้านแต่นั่นก็เป็นพวกทรัพย์สินของบริษัท อสังหาริมทรัพย์พวกนั้น ห้าล้านหยวน จะให้เขาไปหามาจากที่ไหน?
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าให้เขามอบจางเสว่ เขาไม่มีทางยอมแน่ ๆ
“ได้ ไม่เอามาใช่ไหม?” พี่หุยเห็นท่าทางของโจวหมิง ก็ยิ้มขึ้นมาอย่างเย็นชา
“เอาตัวสาวน้อยคนนี้และไอ้หนุ่มไม่รู้จักเป็นตายนั่นมา พวกเราไปกัน!”
ได้ยินคำสั่งของพี่หุย ลูกน้อยพวกนั้นก็ไปหิ้วเอาตัวของโจวหมิงและจางเสว่ทันที และเตรียมที่จะลากพาไปด้วย
“พวกนายหยุดนะ!” หานจื้อเย่ หลี่เหวยและพรรคพวกต่างรีบลุกขึ้นและตะโกนขึ้นมาเสียงดัง และจากนั้นก็ได้ถูกพี่หุยหันมาถลึงตาใส่ คนพวกนั้นเสียงหายไปทันที
เพราะยังไงซะพวกเขาก็เป็นเพียงคนธรรมดา เผชิญหน้ากับตัวละครอย่างเฮียเว่ย ต่อให้เป็นเพียงน้องชายของเขา พวกเขาก็กลัวเหมือนกัน