“เฮ้ เรื่องนี้ไม่มีอะไรหรอกน่า ถึงจะยังไงหลายปีที่ฉันอยู่ที่เมืองจินซานมานี้ ก็พอจะมีหน้ามีตาอยู่บ้าง ฉันเลี้ยงเอง ทุกคนเที่ยวตามสบาย!”
คำพูดของเฮียเว่ยทำให้ทุกคนร้องโห่ขึ้นมา และโจวหมิงก็ได้พูดอีกครั้ง: “สถานที่แบบนี้เดิมที่เฮียเว่ยก็ได้ลงทุนไปด้วยใช่ไหมล่ะ? มันคงไม่ง่ายอย่างแค่มีหน้ามีตาหรอก”
ถึงจะยังไงภูมิหลังตระกูลของโจวหมิงก็ดีกว่าคนอื่น ๆ อยู่มาก พอจะรู้อะไรอยู่ไม่น้อย
ส่วนคนอื่น ๆ เมื่อได้ฟังคำพูดของโจวหมิงต่างก็ตกตะลึงขึ้นมาอีกครั้ง
เพราะถึงยังไงสถานที่แบบที่ละลายทรัพย์นั้น มีผลกำไรที่น่ากลัวมากเลยทีเดียว เรียกได้ว่าเป็นกระเป๋าเงินที่สามารถสร้างเงินได้อัตโนมัติ
ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือ คนที่ไปมาที่นี่ต่างเป็นคนใหญ่คนโต เฮียเว่ยที่เป็นหนึ่งในนักลงทุน คิดจะรู้จักกับบุคคลเหล่านั้นก็ง่ายขึ้นมามากเลยทีเดียว
สถานที่แบบนี้ เป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมในการสร้างเครือข่ายความสัมพันธ์
ทุกคนต่างก็ชื่นชมยกยอเฮียเว่ยกันอย่างต่อเนื่อง
“ธุรกิจเล็ก ๆ นี่ของผมไม่คู่ควรให้พูดถึงเลย ทำให้คุณหลี่ต้องรู้สึกขบขันแล้วนะ” เฮียเว่ยกลับกล่าวด้วยรอยยิ้ม
และคำพูดถ่อมตัวเช่นนี้ของเฮียเว่ย ยิ่งทำให้หลี่ฝางที่ยืนเงียบอยู่ด้านข้างนั้นดูลึกลับเข้าไปอีก
โจวหมิงและพวก ยิ่งอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับตัวตนที่แท้จริงของหลี่ฝางเข้าไปใหญ่
หลี่ฝางมองความอยากรู้อยากเห็นของทุกคนออก กังวลว่าพวกเขาจะเอ่ยโพล่งขึ้นมา จึงชิงกล่าวขึ้นมาก่อน: “เข้าไปดูกันเถอะ อย่ายืนอยู่ที่นี่เลย”
กล่าวจบตัวเองก็ได้เดิน นำเข้าไปก่อน และทันทีที่เฮียเว่ยเห็นดังนั้น ก็รีบตามไปทันที
ทันทีที่ทุกคนเดินเข้ามาในตึกก็พบว่า ข้างในก็ค่อนข้างจะเรียบง่าย ไม่มีอะไรเลยสักอย่าง
ในตอนนี้ข้างในมีชายชราคนหนึ่งนั่งอยู่ ถึงแม้จะนั่งอยู่บนเก้าอี้ราวกับได้นอนหลับไป แต่วินาทีที่พวกหลี่ฝางเดินเข้ามาเขาก็ได้มองไปที่ประตูทันที
“มาจากไหนกัน?” ชายชราเอ่ยถามเบา ๆ
“เป็นฉันเอง เฮียเว่ย” เฮียเว่ยกล่าวพลางหัวเราะเอิ๊กอ๊าก
ชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ถึงแม้จะดูหน้าตาอัปลักษณ์ แต่ความจริงแล้วเขาเป็นผู้แข็งแกร่งในแดนสุดกำลังภายนอก ไม่ใช่คนที่เขาจะหาเรื่องได้ตามอำเภอใจ
มองดูพวกเฮียเว่ยอยู่สักพัก ชายชราก็พยักหน้า และไม่ได้พูดอะไรอีก แปลว่าไม่มีปัญหาอะไรแล้ว
เฮียเว่ยยิ้มให้กับชายชราเพื่อแสดงความเป็นมิตร และเปิดประตูลับที่อยู่ตรงกำแพงออก แล้วกล่าวกับหลี่ฝาง: “คุณหลี่ เชิญครับ”
หลี่ฝางก้าวเท้าเดินเข้าไป คนอื่น ๆ ก็รีบเดินตามมาอย่างติด ๆ ไม่นาน พวกเขาก็ได้เดินมาถึงสถานที่ที่พวกเขาคิดไม่ถึง
บ่อสุราและป่าเนื้อที่ว่า มันไม่มากเกินไปเลยสักนิดที่จะใช้มาอธิบายที่นี่ เหล้าไวน์ล้ำค่าและมีชื่อเสียงเลื่องลือทุกชนิดสามารถพบเห็นได้ทั่วไป สาวสวยนุ่งน้อยห่มน้อยเดินขวักไขว่ไปมาจนตาลาย มากจนลานตาไปหมด
รายการความบันเทิงต่าง ๆ มองเห็นได้ไม่หมดในพริบตาเดียว คนที่แต่งตัวไม่ธรรมดาพวกนั้น มีบางคนที่คุ้นหน้าคุ้นตา ต่างก็เป็นคนใหญ่คนโตของเมืองจินซาน มีบางคนที่ถึงแม้ทุกคนจะไม่รู้จัก แต่ดูจากการแต่งตัวแล้ว ก็รู้เลยว่าจะต้องร่ำรวยมหาศาล
เมื่อเทียบกันแล้ว พวกโจวหมิวราวกับไก่ในฝูงนกกระเรียนไม่มีผิด ค่อนข้างจะแสลงตายิ่งนัก
“ฮ่า ๆ ๆ ……” เฮียเว่ยหัวเราะเสียงดัง กำลังที่จะพูดอะไรบางอย่างกับทุกคนที่กำลังตะลึงอยู่ แต่กลับยังไม่ได้เอ่ยออกมา เพียงแค่กล่าวขึ้นมาว่า: “คุณหลี่ เป็นยังไงบ้างครับ?”
เพราะเขาดูออกว่าหลี่ฝางไม่ได้มีความรู้สึกอะไรมากมายต่อที่นี่เลย
หลี่ฝางพยักหน้า และไม่ได้กล่าวอะไร
ส่วนพวกโจวหมิง ตอนนี้ได้เริ่มมีความรู้สึกสมองเบลอไปเล็กน้อยแล้ว
พวกเขาสงสัยแม้กระทั่งว่าตัวเองได้ฝันไปหรือเปล่า ไม่อย่างนั้น พวกเขาจะมาที่ที่หรูหราแบบนี้ได้อย่างไร?
“ไม่เป็นไร ทุกคนสนุกได้อย่างเต็มที่ ไม่ต้องเก็บกดเอาไว้” เฮียเว่ยหัวเราะเอิ๊กอ๊ากพลางกล่าว: “บอกตามตรง ตอนที่ฉันมาที่นี่ครั้งแรก ก็ตื่นเต้นจนเข่าสั่นแทบจะไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหนแล้ว”
คำพูดของเฮียเว่ย ทำให้ทุกคนผ่อนคลายลงไปมาก
หลี่ฝางเองก็พยักหน้า ค่อนข้างจะพอใจกับคำพูดของเฮียเว่ย
“คืนนี้สนุกให้เต็มที่ อย่างเล่นอะไรแค่แจ้งชื่อฉันไปก็พอ!” เฮียเว่ยหัวเราะเสียงดังพลางกล่าว: “จะต้องเที่ยวกันให้สนุก ไม่งั้นก็เท่ากลับว่าตบหน้าฉันแล้ว”
หลี่ฝางเองก็เอ่ยขึ้น: “ไปสนุกกันเถอะ”
ทันทีทันใด ทุกคนต่างร้องโห่ไชโยขึ้นมา
และเฮียเว่ยไม่ได้ทำเพียงแค่นั้น เขายังเรียกสาว ๆ มาเป็นแถว ให้พวกโจวหมิงเลือกคนละคน ทำให้พวกเขามีท่าทางดีอกดีใจขึ้นมากว่าเดิม
หลี่ฝางส่ายหัว และไม่ได้พูดมากอะไร
ยังไงซะที่นี่ก็เป็นแบบนี้ ในเมื่อมาแล้ว ก็ให้พวกเขาเที่ยวอย่างสนุกเถอะ
ไม่นาน คนพวกนั้นก็ได้แยกย้ายกันไป เหลือเพียงหลี่ฝางและเฮียเว่ยสองคน
เฮียเว่ยเห็นหลี่ฝางยืนอยู่กับที่ไม่ขยับ ก็เลยเป็นฝ่ายเข้าหาและกล่าวด้วยรอยยิ้ม: “คุณหลี่ครับ ผมพาคุณเดินเล่นรอบ ๆ ดีไหม? หรือว่าจะเรียกพวกสาว ๆ มาเล่นด้วยกัน?”
หลี่ฝางส่ายหน้า พลางกล่าว: “ไปเดินเล่นก่อนเถอะ”
เขาบอกว่าไปเดินเล่นก่อน นั่นก็หมายความว่าไปเดินเล่นก่อนจริง ๆ เดินเล่นไปรอบ ๆ อยู่อย่างนี้ เฮียเว่ยทำได้เพียงเดินตามอยู่ด้านหลังเขา และแนะนำรายการบันเทิงต่าง ๆ ให้หลี่ฝางฟัง
เดินอยู่ราวห้าหกนาที ทั้งสองคนก็ได้มาถึงโต๊ะพนัน
บรรยากาศของที่นี่นั้นคึกคักเป็นพิเศษ เหล่าเศรษฐีทุกคนล้วนตื่นเต้นเพลิดเพลินกับการใช้เงินฟุ่มเฟือยอยู่ที่นี่
และหลี่ฝางในเวลานี้ ก็คิดที่จะเล่นสนุกอยู่ที่นี่ขึ้นมา
“คุณหลี่ครับ เล่นอยู่ที่นี่สักพักไหม?”
เฮียเว่ยผู้เฉลียวฉลาด จะอ่านความคิดของหลี่ฝางไม่ออกได้ยังไง
“เล่นอยู่ที่นี่สักพักแล้วกัน” หลี่ฝางกล่าว
เฮียเว่ยพลันรู้สึกดีใจขึ้นมา และรีบเรียกบริกรคนหนึ่งเข้ามาทันที แล้วกล่าว: “ไปเอาชิปมาสิบล้าน”
เห็นได้ชัดว่าบริกรคนนั้นรู้จักเฮียเว่ย ได้ยินดังนั้นแล้วก็รีบหันหลังเดินไปเอาเหรียญชิปมาทันที