NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1060 สำมะเลเทเมา

บทที่ 1060 สำมะเลเทเมา

“เฮ้ เรื่องนี้ไม่มีอะไรหรอกน่า ถึงจะยังไงหลายปีที่ฉันอยู่ที่เมืองจินซานมานี้ ก็พอจะมีหน้ามีตาอยู่บ้าง ฉันเลี้ยงเอง ทุกคนเที่ยวตามสบาย!”

คำพูดของเฮียเว่ยทำให้ทุกคนร้องโห่ขึ้นมา และโจวหมิงก็ได้พูดอีกครั้ง: “สถานที่แบบนี้เดิมที่เฮียเว่ยก็ได้ลงทุนไปด้วยใช่ไหมล่ะ? มันคงไม่ง่ายอย่างแค่มีหน้ามีตาหรอก”

ถึงจะยังไงภูมิหลังตระกูลของโจวหมิงก็ดีกว่าคนอื่น ๆ อยู่มาก พอจะรู้อะไรอยู่ไม่น้อย

ส่วนคนอื่น ๆ เมื่อได้ฟังคำพูดของโจวหมิงต่างก็ตกตะลึงขึ้นมาอีกครั้ง

เพราะถึงยังไงสถานที่แบบที่ละลายทรัพย์นั้น มีผลกำไรที่น่ากลัวมากเลยทีเดียว เรียกได้ว่าเป็นกระเป๋าเงินที่สามารถสร้างเงินได้อัตโนมัติ

ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือ คนที่ไปมาที่นี่ต่างเป็นคนใหญ่คนโต เฮียเว่ยที่เป็นหนึ่งในนักลงทุน คิดจะรู้จักกับบุคคลเหล่านั้นก็ง่ายขึ้นมามากเลยทีเดียว

สถานที่แบบนี้ เป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมในการสร้างเครือข่ายความสัมพันธ์

ทุกคนต่างก็ชื่นชมยกยอเฮียเว่ยกันอย่างต่อเนื่อง

“ธุรกิจเล็ก ๆ นี่ของผมไม่คู่ควรให้พูดถึงเลย ทำให้คุณหลี่ต้องรู้สึกขบขันแล้วนะ” เฮียเว่ยกลับกล่าวด้วยรอยยิ้ม

และคำพูดถ่อมตัวเช่นนี้ของเฮียเว่ย ยิ่งทำให้หลี่ฝางที่ยืนเงียบอยู่ด้านข้างนั้นดูลึกลับเข้าไปอีก

โจวหมิงและพวก ยิ่งอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับตัวตนที่แท้จริงของหลี่ฝางเข้าไปใหญ่

หลี่ฝางมองความอยากรู้อยากเห็นของทุกคนออก กังวลว่าพวกเขาจะเอ่ยโพล่งขึ้นมา จึงชิงกล่าวขึ้นมาก่อน: “เข้าไปดูกันเถอะ อย่ายืนอยู่ที่นี่เลย”

กล่าวจบตัวเองก็ได้เดิน นำเข้าไปก่อน และทันทีที่เฮียเว่ยเห็นดังนั้น ก็รีบตามไปทันที

ทันทีที่ทุกคนเดินเข้ามาในตึกก็พบว่า ข้างในก็ค่อนข้างจะเรียบง่าย ไม่มีอะไรเลยสักอย่าง

ในตอนนี้ข้างในมีชายชราคนหนึ่งนั่งอยู่ ถึงแม้จะนั่งอยู่บนเก้าอี้ราวกับได้นอนหลับไป แต่วินาทีที่พวกหลี่ฝางเดินเข้ามาเขาก็ได้มองไปที่ประตูทันที

“มาจากไหนกัน?” ชายชราเอ่ยถามเบา ๆ

“เป็นฉันเอง เฮียเว่ย” เฮียเว่ยกล่าวพลางหัวเราะเอิ๊กอ๊าก

ชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ถึงแม้จะดูหน้าตาอัปลักษณ์ แต่ความจริงแล้วเขาเป็นผู้แข็งแกร่งในแดนสุดกำลังภายนอก ไม่ใช่คนที่เขาจะหาเรื่องได้ตามอำเภอใจ

มองดูพวกเฮียเว่ยอยู่สักพัก ชายชราก็พยักหน้า และไม่ได้พูดอะไรอีก แปลว่าไม่มีปัญหาอะไรแล้ว

เฮียเว่ยยิ้มให้กับชายชราเพื่อแสดงความเป็นมิตร และเปิดประตูลับที่อยู่ตรงกำแพงออก แล้วกล่าวกับหลี่ฝาง: “คุณหลี่ เชิญครับ”

หลี่ฝางก้าวเท้าเดินเข้าไป คนอื่น ๆ ก็รีบเดินตามมาอย่างติด ๆ ไม่นาน พวกเขาก็ได้เดินมาถึงสถานที่ที่พวกเขาคิดไม่ถึง

บ่อสุราและป่าเนื้อที่ว่า มันไม่มากเกินไปเลยสักนิดที่จะใช้มาอธิบายที่นี่ เหล้าไวน์ล้ำค่าและมีชื่อเสียงเลื่องลือทุกชนิดสามารถพบเห็นได้ทั่วไป สาวสวยนุ่งน้อยห่มน้อยเดินขวักไขว่ไปมาจนตาลาย มากจนลานตาไปหมด

รายการความบันเทิงต่าง ๆ มองเห็นได้ไม่หมดในพริบตาเดียว คนที่แต่งตัวไม่ธรรมดาพวกนั้น มีบางคนที่คุ้นหน้าคุ้นตา ต่างก็เป็นคนใหญ่คนโตของเมืองจินซาน มีบางคนที่ถึงแม้ทุกคนจะไม่รู้จัก แต่ดูจากการแต่งตัวแล้ว ก็รู้เลยว่าจะต้องร่ำรวยมหาศาล

เมื่อเทียบกันแล้ว พวกโจวหมิวราวกับไก่ในฝูงนกกระเรียนไม่มีผิด ค่อนข้างจะแสลงตายิ่งนัก

“ฮ่า ๆ ๆ ……” เฮียเว่ยหัวเราะเสียงดัง กำลังที่จะพูดอะไรบางอย่างกับทุกคนที่กำลังตะลึงอยู่ แต่กลับยังไม่ได้เอ่ยออกมา เพียงแค่กล่าวขึ้นมาว่า: “คุณหลี่ เป็นยังไงบ้างครับ?”

เพราะเขาดูออกว่าหลี่ฝางไม่ได้มีความรู้สึกอะไรมากมายต่อที่นี่เลย

หลี่ฝางพยักหน้า และไม่ได้กล่าวอะไร

ส่วนพวกโจวหมิง ตอนนี้ได้เริ่มมีความรู้สึกสมองเบลอไปเล็กน้อยแล้ว

พวกเขาสงสัยแม้กระทั่งว่าตัวเองได้ฝันไปหรือเปล่า ไม่อย่างนั้น พวกเขาจะมาที่ที่หรูหราแบบนี้ได้อย่างไร?

“ไม่เป็นไร ทุกคนสนุกได้อย่างเต็มที่ ไม่ต้องเก็บกดเอาไว้” เฮียเว่ยหัวเราะเอิ๊กอ๊ากพลางกล่าว: “บอกตามตรง ตอนที่ฉันมาที่นี่ครั้งแรก ก็ตื่นเต้นจนเข่าสั่นแทบจะไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหนแล้ว”

คำพูดของเฮียเว่ย ทำให้ทุกคนผ่อนคลายลงไปมาก

หลี่ฝางเองก็พยักหน้า ค่อนข้างจะพอใจกับคำพูดของเฮียเว่ย

“คืนนี้สนุกให้เต็มที่ อย่างเล่นอะไรแค่แจ้งชื่อฉันไปก็พอ!” เฮียเว่ยหัวเราะเสียงดังพลางกล่าว: “จะต้องเที่ยวกันให้สนุก ไม่งั้นก็เท่ากลับว่าตบหน้าฉันแล้ว”

หลี่ฝางเองก็เอ่ยขึ้น: “ไปสนุกกันเถอะ”

ทันทีทันใด ทุกคนต่างร้องโห่ไชโยขึ้นมา

และเฮียเว่ยไม่ได้ทำเพียงแค่นั้น เขายังเรียกสาว ๆ มาเป็นแถว ให้พวกโจวหมิงเลือกคนละคน ทำให้พวกเขามีท่าทางดีอกดีใจขึ้นมากว่าเดิม

หลี่ฝางส่ายหัว และไม่ได้พูดมากอะไร

ยังไงซะที่นี่ก็เป็นแบบนี้ ในเมื่อมาแล้ว ก็ให้พวกเขาเที่ยวอย่างสนุกเถอะ

ไม่นาน คนพวกนั้นก็ได้แยกย้ายกันไป เหลือเพียงหลี่ฝางและเฮียเว่ยสองคน

เฮียเว่ยเห็นหลี่ฝางยืนอยู่กับที่ไม่ขยับ ก็เลยเป็นฝ่ายเข้าหาและกล่าวด้วยรอยยิ้ม: “คุณหลี่ครับ ผมพาคุณเดินเล่นรอบ ๆ ดีไหม? หรือว่าจะเรียกพวกสาว ๆ มาเล่นด้วยกัน?”

หลี่ฝางส่ายหน้า พลางกล่าว: “ไปเดินเล่นก่อนเถอะ”

เขาบอกว่าไปเดินเล่นก่อน นั่นก็หมายความว่าไปเดินเล่นก่อนจริง ๆ เดินเล่นไปรอบ ๆ อยู่อย่างนี้ เฮียเว่ยทำได้เพียงเดินตามอยู่ด้านหลังเขา และแนะนำรายการบันเทิงต่าง ๆ ให้หลี่ฝางฟัง

เดินอยู่ราวห้าหกนาที ทั้งสองคนก็ได้มาถึงโต๊ะพนัน

บรรยากาศของที่นี่นั้นคึกคักเป็นพิเศษ เหล่าเศรษฐีทุกคนล้วนตื่นเต้นเพลิดเพลินกับการใช้เงินฟุ่มเฟือยอยู่ที่นี่

และหลี่ฝางในเวลานี้ ก็คิดที่จะเล่นสนุกอยู่ที่นี่ขึ้นมา

“คุณหลี่ครับ เล่นอยู่ที่นี่สักพักไหม?”

เฮียเว่ยผู้เฉลียวฉลาด จะอ่านความคิดของหลี่ฝางไม่ออกได้ยังไง

“เล่นอยู่ที่นี่สักพักแล้วกัน” หลี่ฝางกล่าว

เฮียเว่ยพลันรู้สึกดีใจขึ้นมา และรีบเรียกบริกรคนหนึ่งเข้ามาทันที แล้วกล่าว: “ไปเอาชิปมาสิบล้าน”

เห็นได้ชัดว่าบริกรคนนั้นรู้จักเฮียเว่ย ได้ยินดังนั้นแล้วก็รีบหันหลังเดินไปเอาเหรียญชิปมาทันที

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท