NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1064 เสียใจภายหลัง

บทที่ 1064 เสียใจภายหลัง

แต่ว่านั้นเป็นความสัมพันธ์ของเฟ่ยเหวินเย่า เขาไม่อาจปีนป่าย นอกจากนี่ที่ข้างกายของเขาก็ได้มีมิตรภาพอยู่แล้ว

เพียงแค่ผูกไมตรีกับหลี่ฝางได้ เช่นนั้นก็ถือว่าเขามีทุกอย่างแล้ว

ทันทีทันใด ท่าทีที่เขาปฏิบัติต่อหลี่ฝางนั้นยิ่งดีขึ้นไปอีก

“คุณหลี่ครับ พวกเราออกไปเล่นกันต่อ?”

“ไม่ต้องแล้ว อีกเดี๋ยวจะมีคนมารับฉัน พวกเรารออยู่ที่นี่สักพักเถอะ”

“มีคนมารับ?” หัวใจของเฮียเว่ยเต้นเสียงดัง “ตึกตัก” อีกครั้ง เขาอยากจะถามว่าเป็นใคร แต่ก็กลัวว่าจะทำให้หลี่ฝางไม่พอใจ ไม่ต้องพูดเลยว่าในใจเขานั้นสับสนวุ่นวายมากเพียงใด

ในตอนนี้เอง โทรศัพท์ของหลี่ฝางก็ได้ดังขึ้น

เขาหยิบออกมาดูทันที กลับพบว่าเป็นเบอร์แปลก

ณ เวลานี้ ที่ห้องโถงด้านล่าง กำลังเดินไปที่ประตูด้วยท่าทางรีบร้อน

“ใช่เลขาฯหลิวจริง ๆ เหรอ? นายไม่ได้ดูผิดใช่ไหม?” เฟ่ยเหวินเย่าหันไปถามลูกน้องที่ไปหาเขาเมื่อสักครู่คนนั้น

“ผมดูไม่ผิดแน่ เฮียครับ เฮียยังจำตอนที่ผมพาเฮียไปเยี่ยมเยือนโจวซูได้ไหม ผมจำเลขาฯหลิวได้อย่างแม่นยำตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว”

ดวงตาทั้งสองข้างของเฟ่ยเหวินเย่าเปล่งประกายขึ้นมาทันที

เลขาฯหลิวคนนี้ ได้ยินมาว่าเป็นคนของผู้อาวุโส เฟ่ยเหวินเย่าไปเยี่ยมเยือนโจวซูในครั้งนั้น คิดไม่ถึงว่าจะได้พบกับคนใหญ่คนโตคนนี้ที่บ้านของโจวซูโดยบังเอิญ

คนที่มีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับผู้อาวุโสอย่างเลขาฯหลิว นั้นเป็นคนที่เฟ่ยเหวินเย่าจะต้องประจบประแจงอย่างไม่ต้องสงสัย

อย่าว่าแต่เฟ่ยเหวินเย่าเลย ถึงขั้นมีบางคน แม้แต่หนทางที่จะประจบประแจงยังไม่มีเลย

คนที่มีชื่อเสียงแบบนี้อย่างเฮียแเฟ่ย ฟัง ๆ ดูแล้วเหมือนจะร้ายกาจ แต่สำหรับบุคคลที่อยู่ระดับเบื้องบนแล้ว กลับไม่นับอะไรเลยด้วยซ้ำ แม้กระทั่งค่อนข้างรังเกียจพวกเขา ไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตาเลยด้วยซ้ำ

และเฟ่ยเหวินเย่าในเวลานี้ได้คว้าโอกาสเอาไว้ได้ ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามจะต้องคว้าโอกาสนี้เอาไว้ให้อยู่หมัด

ขอเพียงแค่ครั้งนี้ทำสำเร็จ หากต้องการปีนป่ายขึ้นไปข้างบนในวันกน้า ก็จะง่ายขึ้นอีกเยอะ

แต่ทว่าในตอนนั้นเอง ความคิดของเขาก็ได้ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงทะเลาะกันของลูกค้ากลุ่มหนึ่ง

“จ่ายค่าเสียหายมา! แกชนจนนาฬิกาของฉันพัง วันนี้ไม่จ่ายมาหนึ่งล้านก็อย่าหวังว่าจะไปไหนได้เลย!”

“ถุย นาฬิกาบ้าบออะไรของแกราคาหนึ่งล้าน? นอกจากนี้ฉันไม่ได้ทำนาฬิกาแกพังสักหน่อย!”

อารมณ์ของเฟ่ยเหวินเย่าค่อนข้างจะหงุดหงิด ตอนนี้เรื่องที่สำคัญที่สุดคือได้พบกับเลขาฯหลิว เขาไม่อยากจะเสียเวลาเพราะเรื่องอื่นหรอกนะ

ดังนั้นเขาจึงสั่งการกับที่อยู่ด้านข้าง: “ปรมาจารย์อู๋ ทางนั้นรบกวนคุณหน่อยนะ”

“ไม่เป็นไร”

ชายหน้าตาเคร่งขรึมตอบอย่างห้วน ๆ แล้วหันหลังเดินไปทางนั้น

เฟ่ยเหวินเย่าไม่รีรอ สั่งให้ลูกน้องเปิดทาง แล้วตัวเองก็รีบเดินผ่านไป ในที่สุดก็ได้พบกับเลขาฯหลิวอยู่ในห้องลูกค้าวีไอพี

“เลขาฯหลิว ฮ่า ๆ ๆ คุณมาที่นี่ทำไมไม่บอกผมสักคำล่ะครับ ผมจะได้เตรียมการให้ดี เพื่อต้อนรับ!”

เฟ่ยเหวินเย่ายื่นมือออกมาด้วยท่าทางเคารพนอบน้อม ทักทายกับเลขาฯหลิว

“ฮ่า ๆ ผมมาหาคนน่ะ ไม่รบกวนคุณเฟ่ยหรอก”

เลขาฯหลิวกล่าวอย่างเรียบ ๆ

ถ้าไม่ใช่เพราะผู้อาวุโสเป็นคนบอกเอง เขาจะมาในสถานที่แบบนี้ พบกับคนต่ำต้อยอย่างเฟ่ยเหวินเย่าได้ยังไง

“ใครกันนะที่ทำให้เลขาฯหลิวต้องมาหาด้วยตัวเอง?” เฟ่ยเหวินเย่ารู้สึกประหลาดใจขึ้นมาทันที พลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม: “ผมสามารถช่วยถามให้เลขาฯหลิวได้”

“คุณหลี่ หลี่ฝาง คุณเฟ่ยน่าจะรู้จักใช่ไหม?” ฟัง ๆ ดูแล้วเหมือนจะเป็นประโยคคำถาม น้ำเสียงของเลขาฯหลิวกลับเหมือนจะมั่นใจ แฝงไปด้วยความรู้สึกห้ามไม่ได้สนอดปากสอดคำ

ติดตามอยู่ที่ข้างกายของผู้อาวุโสมาเป็นเวลานาน เป็นธรรมดาที่เลขาฯหลิวจะได้เรียนรู้อะไรมาบ้าง

“คุณ คุณหลี่?” เฟ่ยเหวินเย่าตะลึงงันไปเล็กน้อย

เขาคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าหลี่ฝางจะมีความสัมพันธ์กับเลขาฯหลิว สัญชาตญาณบอกกับเขาว่าดูเหมือนเขาจะพลาดอะไรบางอย่างไป

นึกถึงท่าทางเพิกเฉยต่อหลี่ฝางของตัวเองเมื่อสักครู่ เฟ่ยเหวินเย่าอดไม่ได้ที่จะร้องคร่ำครวญในใจอย่างลับ ๆ

เขาคิดไม่ถึงเลยจริง ๆ นักสู้อย่างหลี่ฝาง ต่อให้เป็นปรมาจารย์กำลังภายใน ทำไมถึงได้มีฐานะสูงส่งขนาดนี้?

ถ้าไม่อย่างนั้นล่ะก็ เมื่อสักครู่ต่อให้เขาต้องสูญเสียมากมายเพียงใด ก็จะต้องสร้างไมตรีกับหลี่ฝางให้ได้ แบบนั้นไม่แน่ว่าอาจจะสามารถพูดคุยกับเลขาฯหลิวได้แล้วในตอนนี้

แน่นอน นั่นเป็นเพราะว่าคนที่มีความสัมพันธ์กับหลี่ฝางจริง ๆ นั้นเป็นใคร ไม่อย่างนั้นเฟ่ยเหวินเย่าคงต้องทุบออกกระทืบเท้า เสียใจภายหลังอย่างหาที่สุดไม่ได้

แต่เรื่องที่ผ่านไปแล้วนั้นมันไม่อาจแก้ไขได้ ดังนั้นเฟ่ยเหวินเย่าจึงทำได้เพียงพาเลขาฯหลิวไปหาหลี่ฝางที่ห้องรับรอง

และในตอนที่เลขาฯหลิวพบกับหลี่ฝางนั่นเอง ท่าทางของเขาก็ได้ทำให้เฟ่ยเหวินเย่าตะลึงตาค้างขึ้นมาอีกครั้ง

“ต้องขออภัยมากจริง ๆ คุณหลี่ ทำให้คุณต้องเสียเวลาแล้ว”

ท่าทีที่เลขาฯหลิวมีต่อหลี่ฝางในตอนนี้ เคารพนอบน้อมกว่าท่าทีที่เฟ่ยเหวินเย่ามีต่อเลขาฯหลิวเมื่อสักครู่อีก ถึงขั้นที่พูดได้ว่าโค้งตัวด้วยซ้ำ

ท่าทางเคารพนอบน้อมเช่นนี้ ทำให้เฟ่ยเหวินเย่ายืนเอ๋อไปเลยทีเดียว

“ไม่เป็นไร เดิมทีผมควรรีบไปด้วยตัวเอง” หลี่ฝางกล่าวด้วยรอยยิ้ม: “ต้องรบกวนคุณวิ่งมาที่นี่”

“ฮ่า ๆ ๆ ……คุณหลี่ เดิมทีโจวซูว่าจะมารับคุณด้วยตัวเอง แต่ขาของเขายังไม่หายดี ผมก็เลยรับงานนี้ มาช้าไปเล็กน้อย ต้องขอโทษจริง ๆ นะครับ”

เผชิญหน้ากับหลี่ฝาง เลขาฯหลิวไม่กล้ามีท่าทียิ่งยโสเลยแม้แต่นิดเดียว

เพราะถึงยังไง เขาก็ทราบฐานะของหลี่ฝางเป็นอย่างดี

สามารถอยู่ในสายตาของผู้อาวุโสได้ แถมอายุยังน้อยแบบนี้ ทั้งยังเป็นปรมาจารย์กำลังภายใน เงื่อนไขเหล่านี้รวมอยู่ด้วยกัน เขาจะไม่ให้ความสำคัญได้ยังไง

ส่วนเฟ่ยเหวินเย่าที่ฟังบทสนทนาระหว่างสองคนอยู่ด้านข้าง ในใจของเขาก็ต้องตกตะลึงมากขึ้นไปเรื่อย ๆ

เดิมทีเขาคิดว่าเลขาฯหลิวมาหาหลี่ฝาง ก็แค่เพราะเหตุผลส่วนตัว แต่ตอนนี้เขาสามารถมั่นใจได้ว่า คนที่หลี่ฝางรู้จักนั้นเกินกว่าเลขาฯหลิวอย่างแน่นอน หรือเกินกว่าแม้กระทั่งโจวซู ไม่อย่างนั้นละก็ไม่มีทางที่เลขาฯหลิวจะบวกว่าโจวซูจะมารับหลี่ฝางด้วยตัวเอง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท