แต่ว่านั้นเป็นความสัมพันธ์ของเฟ่ยเหวินเย่า เขาไม่อาจปีนป่าย นอกจากนี่ที่ข้างกายของเขาก็ได้มีมิตรภาพอยู่แล้ว
เพียงแค่ผูกไมตรีกับหลี่ฝางได้ เช่นนั้นก็ถือว่าเขามีทุกอย่างแล้ว
ทันทีทันใด ท่าทีที่เขาปฏิบัติต่อหลี่ฝางนั้นยิ่งดีขึ้นไปอีก
“คุณหลี่ครับ พวกเราออกไปเล่นกันต่อ?”
“ไม่ต้องแล้ว อีกเดี๋ยวจะมีคนมารับฉัน พวกเรารออยู่ที่นี่สักพักเถอะ”
“มีคนมารับ?” หัวใจของเฮียเว่ยเต้นเสียงดัง “ตึกตัก” อีกครั้ง เขาอยากจะถามว่าเป็นใคร แต่ก็กลัวว่าจะทำให้หลี่ฝางไม่พอใจ ไม่ต้องพูดเลยว่าในใจเขานั้นสับสนวุ่นวายมากเพียงใด
ในตอนนี้เอง โทรศัพท์ของหลี่ฝางก็ได้ดังขึ้น
เขาหยิบออกมาดูทันที กลับพบว่าเป็นเบอร์แปลก
ณ เวลานี้ ที่ห้องโถงด้านล่าง กำลังเดินไปที่ประตูด้วยท่าทางรีบร้อน
“ใช่เลขาฯหลิวจริง ๆ เหรอ? นายไม่ได้ดูผิดใช่ไหม?” เฟ่ยเหวินเย่าหันไปถามลูกน้องที่ไปหาเขาเมื่อสักครู่คนนั้น
“ผมดูไม่ผิดแน่ เฮียครับ เฮียยังจำตอนที่ผมพาเฮียไปเยี่ยมเยือนโจวซูได้ไหม ผมจำเลขาฯหลิวได้อย่างแม่นยำตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว”
ดวงตาทั้งสองข้างของเฟ่ยเหวินเย่าเปล่งประกายขึ้นมาทันที
เลขาฯหลิวคนนี้ ได้ยินมาว่าเป็นคนของผู้อาวุโส เฟ่ยเหวินเย่าไปเยี่ยมเยือนโจวซูในครั้งนั้น คิดไม่ถึงว่าจะได้พบกับคนใหญ่คนโตคนนี้ที่บ้านของโจวซูโดยบังเอิญ
คนที่มีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับผู้อาวุโสอย่างเลขาฯหลิว นั้นเป็นคนที่เฟ่ยเหวินเย่าจะต้องประจบประแจงอย่างไม่ต้องสงสัย
อย่าว่าแต่เฟ่ยเหวินเย่าเลย ถึงขั้นมีบางคน แม้แต่หนทางที่จะประจบประแจงยังไม่มีเลย
คนที่มีชื่อเสียงแบบนี้อย่างเฮียแเฟ่ย ฟัง ๆ ดูแล้วเหมือนจะร้ายกาจ แต่สำหรับบุคคลที่อยู่ระดับเบื้องบนแล้ว กลับไม่นับอะไรเลยด้วยซ้ำ แม้กระทั่งค่อนข้างรังเกียจพวกเขา ไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตาเลยด้วยซ้ำ
และเฟ่ยเหวินเย่าในเวลานี้ได้คว้าโอกาสเอาไว้ได้ ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามจะต้องคว้าโอกาสนี้เอาไว้ให้อยู่หมัด
ขอเพียงแค่ครั้งนี้ทำสำเร็จ หากต้องการปีนป่ายขึ้นไปข้างบนในวันกน้า ก็จะง่ายขึ้นอีกเยอะ
แต่ทว่าในตอนนั้นเอง ความคิดของเขาก็ได้ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงทะเลาะกันของลูกค้ากลุ่มหนึ่ง
“จ่ายค่าเสียหายมา! แกชนจนนาฬิกาของฉันพัง วันนี้ไม่จ่ายมาหนึ่งล้านก็อย่าหวังว่าจะไปไหนได้เลย!”
“ถุย นาฬิกาบ้าบออะไรของแกราคาหนึ่งล้าน? นอกจากนี้ฉันไม่ได้ทำนาฬิกาแกพังสักหน่อย!”
อารมณ์ของเฟ่ยเหวินเย่าค่อนข้างจะหงุดหงิด ตอนนี้เรื่องที่สำคัญที่สุดคือได้พบกับเลขาฯหลิว เขาไม่อยากจะเสียเวลาเพราะเรื่องอื่นหรอกนะ
ดังนั้นเขาจึงสั่งการกับที่อยู่ด้านข้าง: “ปรมาจารย์อู๋ ทางนั้นรบกวนคุณหน่อยนะ”
“ไม่เป็นไร”
ชายหน้าตาเคร่งขรึมตอบอย่างห้วน ๆ แล้วหันหลังเดินไปทางนั้น
เฟ่ยเหวินเย่าไม่รีรอ สั่งให้ลูกน้องเปิดทาง แล้วตัวเองก็รีบเดินผ่านไป ในที่สุดก็ได้พบกับเลขาฯหลิวอยู่ในห้องลูกค้าวีไอพี
“เลขาฯหลิว ฮ่า ๆ ๆ คุณมาที่นี่ทำไมไม่บอกผมสักคำล่ะครับ ผมจะได้เตรียมการให้ดี เพื่อต้อนรับ!”
เฟ่ยเหวินเย่ายื่นมือออกมาด้วยท่าทางเคารพนอบน้อม ทักทายกับเลขาฯหลิว
“ฮ่า ๆ ผมมาหาคนน่ะ ไม่รบกวนคุณเฟ่ยหรอก”
เลขาฯหลิวกล่าวอย่างเรียบ ๆ
ถ้าไม่ใช่เพราะผู้อาวุโสเป็นคนบอกเอง เขาจะมาในสถานที่แบบนี้ พบกับคนต่ำต้อยอย่างเฟ่ยเหวินเย่าได้ยังไง
“ใครกันนะที่ทำให้เลขาฯหลิวต้องมาหาด้วยตัวเอง?” เฟ่ยเหวินเย่ารู้สึกประหลาดใจขึ้นมาทันที พลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม: “ผมสามารถช่วยถามให้เลขาฯหลิวได้”
“คุณหลี่ หลี่ฝาง คุณเฟ่ยน่าจะรู้จักใช่ไหม?” ฟัง ๆ ดูแล้วเหมือนจะเป็นประโยคคำถาม น้ำเสียงของเลขาฯหลิวกลับเหมือนจะมั่นใจ แฝงไปด้วยความรู้สึกห้ามไม่ได้สนอดปากสอดคำ
ติดตามอยู่ที่ข้างกายของผู้อาวุโสมาเป็นเวลานาน เป็นธรรมดาที่เลขาฯหลิวจะได้เรียนรู้อะไรมาบ้าง
“คุณ คุณหลี่?” เฟ่ยเหวินเย่าตะลึงงันไปเล็กน้อย
เขาคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าหลี่ฝางจะมีความสัมพันธ์กับเลขาฯหลิว สัญชาตญาณบอกกับเขาว่าดูเหมือนเขาจะพลาดอะไรบางอย่างไป
นึกถึงท่าทางเพิกเฉยต่อหลี่ฝางของตัวเองเมื่อสักครู่ เฟ่ยเหวินเย่าอดไม่ได้ที่จะร้องคร่ำครวญในใจอย่างลับ ๆ
เขาคิดไม่ถึงเลยจริง ๆ นักสู้อย่างหลี่ฝาง ต่อให้เป็นปรมาจารย์กำลังภายใน ทำไมถึงได้มีฐานะสูงส่งขนาดนี้?
ถ้าไม่อย่างนั้นล่ะก็ เมื่อสักครู่ต่อให้เขาต้องสูญเสียมากมายเพียงใด ก็จะต้องสร้างไมตรีกับหลี่ฝางให้ได้ แบบนั้นไม่แน่ว่าอาจจะสามารถพูดคุยกับเลขาฯหลิวได้แล้วในตอนนี้
แน่นอน นั่นเป็นเพราะว่าคนที่มีความสัมพันธ์กับหลี่ฝางจริง ๆ นั้นเป็นใคร ไม่อย่างนั้นเฟ่ยเหวินเย่าคงต้องทุบออกกระทืบเท้า เสียใจภายหลังอย่างหาที่สุดไม่ได้
แต่เรื่องที่ผ่านไปแล้วนั้นมันไม่อาจแก้ไขได้ ดังนั้นเฟ่ยเหวินเย่าจึงทำได้เพียงพาเลขาฯหลิวไปหาหลี่ฝางที่ห้องรับรอง
และในตอนที่เลขาฯหลิวพบกับหลี่ฝางนั่นเอง ท่าทางของเขาก็ได้ทำให้เฟ่ยเหวินเย่าตะลึงตาค้างขึ้นมาอีกครั้ง
“ต้องขออภัยมากจริง ๆ คุณหลี่ ทำให้คุณต้องเสียเวลาแล้ว”
ท่าทีที่เลขาฯหลิวมีต่อหลี่ฝางในตอนนี้ เคารพนอบน้อมกว่าท่าทีที่เฟ่ยเหวินเย่ามีต่อเลขาฯหลิวเมื่อสักครู่อีก ถึงขั้นที่พูดได้ว่าโค้งตัวด้วยซ้ำ
ท่าทางเคารพนอบน้อมเช่นนี้ ทำให้เฟ่ยเหวินเย่ายืนเอ๋อไปเลยทีเดียว
“ไม่เป็นไร เดิมทีผมควรรีบไปด้วยตัวเอง” หลี่ฝางกล่าวด้วยรอยยิ้ม: “ต้องรบกวนคุณวิ่งมาที่นี่”
“ฮ่า ๆ ๆ ……คุณหลี่ เดิมทีโจวซูว่าจะมารับคุณด้วยตัวเอง แต่ขาของเขายังไม่หายดี ผมก็เลยรับงานนี้ มาช้าไปเล็กน้อย ต้องขอโทษจริง ๆ นะครับ”
เผชิญหน้ากับหลี่ฝาง เลขาฯหลิวไม่กล้ามีท่าทียิ่งยโสเลยแม้แต่นิดเดียว
เพราะถึงยังไง เขาก็ทราบฐานะของหลี่ฝางเป็นอย่างดี
สามารถอยู่ในสายตาของผู้อาวุโสได้ แถมอายุยังน้อยแบบนี้ ทั้งยังเป็นปรมาจารย์กำลังภายใน เงื่อนไขเหล่านี้รวมอยู่ด้วยกัน เขาจะไม่ให้ความสำคัญได้ยังไง
ส่วนเฟ่ยเหวินเย่าที่ฟังบทสนทนาระหว่างสองคนอยู่ด้านข้าง ในใจของเขาก็ต้องตกตะลึงมากขึ้นไปเรื่อย ๆ
เดิมทีเขาคิดว่าเลขาฯหลิวมาหาหลี่ฝาง ก็แค่เพราะเหตุผลส่วนตัว แต่ตอนนี้เขาสามารถมั่นใจได้ว่า คนที่หลี่ฝางรู้จักนั้นเกินกว่าเลขาฯหลิวอย่างแน่นอน หรือเกินกว่าแม้กระทั่งโจวซู ไม่อย่างนั้นละก็ไม่มีทางที่เลขาฯหลิวจะบวกว่าโจวซูจะมารับหลี่ฝางด้วยตัวเอง