“ไปกันเถอะ อย่าเสียเวลาอีกเลย” หลี่ฝางกล่าว
เขาไม่อยากให้ผู้อาวุโสต้องรอเขานานหรอกนะ
เลขาฯหลิวเองก็รู้สึกถึงปัญหานี้ขึ้นมา จึงพยักหน้าติดต่อกัน ไม่กล้าที่จะยืดเวลาอีกแล้ว และเดินนำทางหลี่ฝางออกไปด้วยตัวเอง
เฟ่ยเหวินเย่าที่อยู่ด้านข้างรู้สึกเสียใจภายหลังมากขึ้นเรื่อย ๆ และเดินตามหลังมาอย่างติด ๆ ไม่อยากปล่อยโอกาสในการประจบประแจงครั้งนี้ไป
ส่วนเฮียเว่ยที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความงุนงง เขาไม่รู้แม้กระทั่งว่าเลขาฯหลิวนั้นเป็นใคร แต่ดูจากอากัปกิริยาของเฟ่ยเหวินเย่าแล้วก็รู้ว่าจะต้องเป็นคนใหญ่คนโตแน่ แน่นอนว่าเขาจะไม่ยอมปล่อยไป จึงเดินตามด้านหลังไปเหมือนกัน
ไม่นาน พวกเขาก็มาถึงห้องโถง กลับพบว่าตรงนั้นยังถกเถียงกันอยู่เหมือนเดิม นอกจากนี้คนที่มามุงดูยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
ทำให้พวกเขาถูกขวางจนผ่านไปไม่ได้ ทำให้หลี่หรี่ตาลงไปทันที
เฟ่ยเหวินเย่าเห็นท่าทางของหลี่ฝางก็รู้สึกว่าแย่แล้วจึงจะโกนเข้าไปข้างในทันที: “หลบไปให้หมด! เกิดอะไรขึ้นที่นี่!”
เขาตลวดไป พลางมองหาว่าปรมาจารย์อู๋อยู่ที่ไหน เพราะถึงยังไง ก่อนหน้านี้เขาก็ได้ให้ปรมาจารย์อู๋มาจัดการเรื่องนี้แล้ว
ในตอนนั้นเอง หลี่ฝางก็เดินขึ้นมาข้างหน้าอย่างเงียบ ๆ ยกฝูงชนออกและเดินเข้าไป
พวกคนที่อยู่ด้านหลังต่างตะลึงงัน และรีบเดินตามเข้าไปทันที
หลังจากที่พวกเขาเดินเข้าไปก็เห็นภาพสถานการณ์ตรงนั้น เฮียเว่ยที่ติดตามอยู่ด้านหลังกระซิบเสียงเบา: “คุณหลี่เหรอ นั่นไม่ใช่เพื่อนของคุณหรอกเหรอครับ?”
ที่แท้ มีคนสองกลุ่มกำลังเผชิญหน้ากันอยู่ตรงนั้น อีกฝ่ายนั้นมีเพียงแค่คนเดียว นั่นก็คือหลี่เหวย
ส่วนอีกฝั่ง เป็นผู้ชายแต่งตัวหรูหราสองคน บรรยากาศของทั้งสองฝั่งตึงเครียดมาก
และนิ่งหรงหรงได้ยืนอยู่ตรงกลางระหว่างพวกเขา ดูเหมือนต้องการจะหยุดทั้งสองฝ่ายไม่ให้โต้เถียงกันต่อไป
ปรมาจารย์อู๋ที่อยู่ด้านข้างใบหน้าจนปัญญา เหมือนกับว่าไม่รู้จะแก้ไขปัญหานี้ยังไงดีแล้ว
“แกไอ้กระจอก ถ้ายังไม่ยอมชดใช้ค่าเสียหาย ฉันจะไม่เกรงใจแล้วนะ!”
“แกเลิกใส่ความคนอื่นได้แล้ว แกเป็นคนทำนาฬิกาของตัวเองพังเองแท้ ๆ!”
การโต้เถียงของทั้งสองฝ่ายนั้นดุเดือดขึ้นมาเรื่อย ๆ ในที่สุด ผู้ชายที่แต่งตัวหรูหราคนนั้นก็คว่าเข้าไปที่เสื้อของหลี่เหวย และตวาดเหมือนกับโกรธเคืองเป็นอย่างมาก
“มึงชักจะพูดมากไปแล้วนะ! ไอ้ยาจกเอ๊ย!”
เสียงตะโกนดังกึกก้อง เขายกแขนขึ้นมา และเตรียมที่จะฟาดลงไปบนใบหน้าของหลี่เหวย
หลี่เหวยจะยอมให้คนทำร้ายง่าย ๆ ได้ยังไงกัน? ผู้ชายแต่งตัวหรูหราคนนั้นพึ่งจะยกมือขึ้นมา เขาก็ยกมือคว้าจับเข้าที่ข้อมือของชายคนนั้นโดยสัญชาตญาณ ในขณะเดียวกันนั้นหมัดหนึ่งก็ได้ต่อยเข้าไปที่จมูกของชายคนนั้น
เสียงดัง “ตึง” ชายคนนั้นถูกต่อยจนลงไปกองบนพื้น เลือดกำเดาไหลออกมา และเอามือกุมจมูกพลางร้องโอดโอยขึ้นมาทันที
ในตอนนี้ ผู้คนที่มุงดูอยู่รอบ ๆ ต่างก็วิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมา
“ไอ้หมอนั่นโง่จริง ๆ เลย กล้าต่อยแม้กระทั่งคุณชายโล่แห่งบริษัทกวางหุย ดูท่าทางหมอนั่นเหมือนไม่น่าจะมีอิทธิพลอะไรนะ”
“หึ ๆ มีเรื่องสนุกให้ดูแล้ว คุณชายโล่คนนั้นไม่ใช่คนดีมีน้ำใจอะไรหรอกนะ แถมยังโหดเหี้ยมอำมหิต มักก่อเรื่องให้กับครอบครัวอยู่บ่อยครั้ง!”
“ดูหมอนั่นก็ไม่น่าจะใช่คนมีเงินอะไร ครั้งนี้คงต้องแย่แน่เลย”
“จุ๊ ๆ ๆ น่าสงสารจริง ๆ”
……
ไม่นาน เฟ่ยเหวินเย่าก็เข้าใจพอประมาณแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นตรงนี้ นอกจากนี้เขายังได้ยินที่เฮียเว่ยกล่าวเมื่อสักครู่ และเข้าใจขึ้นมาทันทีว่าทำไมจู่ ๆ หลี่ฝางก็เดินเข้ามา
เขาดวงตาเป็นประกาย พลันพบว่านี่เป็นโอกาสดีอย่างหนึ่ง โอกาสในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับหลี่ฝาง
ทันทีทันใด เขาถึงขึ้นแอบตื่นเต้นดีใจอยู่ในใจอยู่อย่างลับ ๆ
และในตอนนี้ผู้คนที่มึงดูอยู่รอบ ๆ ก็เห็นแล้วว่ากลุ่มคนที่บุกเข้ามาอย่างกะทันหันนั้นเป็นใคร ไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น คนที่อยู่ตรงนั้นไม่มีใครที่จะไม่รู้จักเฟ่ยเหวินเย่า ทุกคนต่างหุบปากไปทันที ไม่กล้าที่จะส่งเสียงดัง
แต่ทุกคนกลับสงสัยอยู่ในใจอย่างลับ ๆ เพราะจากตำแหน่งและท่าทางของคนกลุ่มนี้ พวกเขาสามารถดูออกว่าในนั้นชายหนุ่มอายุน้อยที่ดูไม่คุ้นหูคุ้นตาอย่างหลี่ฝางกลับยืนอยู่ในตำแหน่งที่สูงที่สุด ต่างก็อดไม่ได้ที่จะคาดเดาฐานะของหลี่ฝางขึ้นมา
ในเวลานี้คุณชายโล่คนนั้นมือกุมจมูกคลานขึ้นมาจากพื้น
“ดีนี่ มึงกล้าต่อยกูเหรอ?”
คุณชายโล่ใช้มือเช็ดเลือดออก รับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดบนใบหน้า สีหน้าเปลี่ยนเป็นดุร้ายขึ้นมา
เขาในฐานะคุณชายใหญ่แห่งบริษัทกวางหุย เคยถูกคนต่อยที่ไหนกัน?
“ฉันแค่ตอบโต้กลับ! เป็นแกที่ลงมือต่อยฉันก่อน!” ถึงแม้หลี่เหวยจะรู้ว่าตัวเองได้สร้างปัญหาเข้าให้แล้ว แต่ก็ยังฝืนทนไม่ยอมก้มหัว
ส่วนคุณชายโล่ก็ได้หันไปมองปรมาจารย์อู๋ที่อยู่ด้านข้างด้วยสายตาน่าสะพรึงกลัว แล้วกล่าวเสียงต่ำ: “ปรมาจารย์อู๋ เรื่องนี้พวกคุณคงไม่ดูอยู่เฉย ๆ หรอกใช่ไหม?”
ปรมาจารย์อู๋ถอนหายใจ เข้ารู้ว่า ตัวเองจะดูโดยไม่ทำอะไรไม่ได้แล้ว
ถ้าหากเขายังยืนดูอยู่ข้าง ๆ โดยไม่ทำอะไร เกรงว่าคุณชายโล่ที่คับแค้นใจอาจจัดการกับไอ้หนุ่มที่อยู่ตรงข้ามแล้วนำไปถ่วงน้ำ
สถานที่ละลายทรัพย์ของพวกแกบอกว่าไม่ยุ่งด้วยไม่ใช่เหรอ? งั้นฉันจะทำอะไรพวกแกก็อย่ามายุ่งสิ!
เคยได้ยินเกี่ยวกับการกระทำอันกำเริบเสิบสานของพวกลูกหลานคนร่ำคนรวยอย่างคุณชายโล่มาบ้าง เป็นธรรมดาที่ปรมาจารย์อู๋จะไม่กล้าเมินเฉย
ดังนั้นปรมาจารย์อู๋จึงหันไปเอ่ยกับหลี่เหวย: “นายรีบโขลกหัวขอโทษคุณชายโล่เร็ว”
ในสายตาของเขาแล้ว ถ้าหากในตอนนี้หลี่เหวยแสดงออกอย่างเคารพนอบน้อม ไม่แน่ว่าคุณชายโล่อาจจะเห็นแก่หน้าสถานที่ละลายทรัพย์แห่งนี้แล้วปล่อยหลี่เหวยไป
ถ้าไม่อย่างนั้น ต่อให้คุณชายโล่ไม่กล้าลงมือที่สถานที่ละลายทรัพย์แห่งนี้ หลังจากออกไปแล้ว ชายหนุ่มคนนี้ก็ต้องเผชิญหน้ากับการเอาคืนอย่างบ้าคลั่ง
เพราะถึงยังไง ชายหนุ่มคนนี้ก็ไม่มีพลังอำนาจ จะเอาอะไรไปต่อกรกับคุณชายโล่ล่ะ?
“ถืออะไร!” หลี่เหวยกลับไม่สามารถเข้าใจความหวังดีของปรมาจารย์อู๋ได้ เขาตะโกนขึ้นมาอย่างโมโห
เรื่องนี้เดิมทีก็เป็นอีกฝ่ายที่ใส่ร้ายเขา แล้วทำไมเขาต้องขอโทษด้วย