“แกจะทำอะไรแฟนฉัน? หืม? นี่แก รนหาที่ตายใช่ไหม?” หลี่ฝางกล่าวอย่างไม่เกรงอกเกรงใจ
ภาษาญี่ปุ่นของเขาค่อนข้างคล่องแคล่ว หรือแม้แต่มีสำเนียงของคนพื้นที่เล็กน้อย ไม่มีใครดูออกว่าเขานั้นเพิ่งฝึกเรียนมา
ริโกะที่ไหวตัวได้เข้าใจในความหมายของเขาทันที พลันโผเข้าอ้อมกอดของหลี่ฝางไม่ปล่อย
“โยตะ นายรีบไปเถอะนะ! ฝีมือการต่อสู้ของแฟนฉันเก่งมากเลยนะ!”
ริโกะเพื่อให้โยตะเกรงกลัว จึงกล่าวหลอกล่อเขา
“เก่งมากเลยเหรอ? จะเก่งสักแค่ไหนกันเชียว! ฉันอยากจะลองสักตั้ง!”
โยตะเผยใบหน้าเยาะเย้ย เห็นได้ชัดว่าเกิดความสงสัยต่อสถานะของหลี่ฝางที่ปรากฏตัวขึ้นกะทันหัน
เมื่อได้ยินอย่างนั้น สายตาของริโกะเผยความหวาดหวั่นแวบผ่านเล็กน้อย เพราะเธอพูดไปเรื่อยจริงๆ นั่นแหละ
และเมื่อเห็นความหวาดวิตก โยตะเกิดความเชื่อมั่นมากกว่าเก่า
แต่สำหรับหลี่ฝางนั้นช่างเป็นเรื่องที่ง่ายดายต่อไป ในเมื่อโยตะคนนี้สร้างโอกาสที่ดีขนาดนี้ให้แก่เขา ถ้างั้นตอนจัดการเขาตนก็จะเบามือหน่อยแล้วกัน
“นี่แก หากแกไปตอนนี้ ก็จะไม่เจ็บตัว ไม่อย่างนั้น อีกเดี๋ยวแกคงต้องคลานกลับไป”
หลี่ฝางหัวเราะอย่างเหยียดหยามพร้อมกับยกหมัดขึ้นพลางพูดยั่วยุ
โอกาสที่ดีขนาดนี้ หากอีกฝ่ายจากไปแบบง่ายๆ คงเสียดายแย่
หากไม่แสดงฝีมือสักหน่อย จะทำให้ริโกะ โคมุระจดจำเขาได้อย่างไรกันล่ะ?
เป็นไปตามคาด เมื่อได้ยินประโยคของเขา บุคคลที่มีนามว่าโยตะเกิดโมโหขึ้นมาทันที
“คอยดูแล้วกันฉันจะสั่งสอนแกให้หลาบจำ!”
จบประโยค เขาส่งสายตาให้กับพรรคพวกที่อยู่ข้างๆ พร้อมพุ่งเข้าไปที่หลี่ฝางอย่างพร้อมเพรียงกัน
เผชิญหน้ากับกำปั้นของชายสองคน หลี่ฝางนิ่งไม่ไหวติง ราวกับว่าตกใจสุดขีด
ทันใดนั้น ทำให้ริโกะและเพื่อนกรีดร้องออกมาเสียงดัง
ริโกะหลับตาปี๋ คิดในใจอย่างเจ็บปวด ชายที่มีความสุภาพบุรุษคนนี้ กำลังจะถูกทำร้าย
หากแต่ต่อมา เสียงร้องอย่างอนาถสองสายดังขึ้นข้างหูเธอ
“สองสาย? ทำไมถึงได้มีเสียงร้องของสองคนได้?” ความคิดดังกล่าวแวบผ่านเข้าในใจของริโกะ พลันลืมตาขึ้น
ทันใดนั้น เธอก็ได้พบกับใบหน้าที่มีรอยยิ้มสดใสของหลี่ฝางส่งยิ้มให้กับเธอ และชายสองคนอย่างโยตะที่นอนอยู่กับพื้นพร้อมเสียงร้องโอดโอย
ใบหน้าที่อบอุ่นหล่อเหลาของหลี่ฝาง รวมไปถึงออร่าของเรา หัวใจของริโกะเต้นระรัวด้วยความเร็วสูงอย่างไม่เอาไหน
“คุณ คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” ริโกะดึงสติกลับมาจากภวังค์ กล่าวถามอย่างห่วงใย
“อืม ไม่เป็นอะไรมากหรอก” หลี่ฝางแสร้งยกแขนขึ้นเพื่อให้เห็นบาดแผลอันสุดแสนจะเล็กน้อยของเขา
รอยแผลนี้เขาตั้งใจทำให้ถลอกเอง ไม่เช่นนั้นจะหาข้ออ้างใกล้ชิดหญิงสาวได้อย่างไร?
“ให้ตาย! คุณบาดเจ็บ!” ริโกะรีบมุ่งเข้าไปจับแขนของหลี่ฝางเอาไว้ พร้อมพลิกกายของเขาไปมา พบว่าเขาไม่ได้รับบาดเจ็บที่บริเวณอื่นอีก จึงลอบถอนหายใจ “คุณต้องทำแผล ไม่เช่นนั้นบาดแผลจะติดเชื้อได้!”
เพื่อนของริโกะที่ยืนอยู่อีกด้าน กุมตัวคนที่ร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวดไม่หยุด ที่ไม่สามารถแม้แต่คลานลุกขึ้นอย่างโยตะและพวกพ้อง พลันกระตุกมุมปากอย่างอดไม่ได้
เมื่อสักครู่เธอเห็นอย่างชัดเจน หลี่ฝางปล่อยหมัดใส่ทั้งคู่ ปล่อยหมัดคู่พร้อมกัน เล่นงานทั้งคู่อย่างอนาถ
เพราะแผลถลอกเล็กน้อยจากเหตุการณ์เช่นนี้ จำเป็นที่จะต้องจริงจังขนาดนั้นเลยเหรอ?
ยังไงซะ ทั้งสองคนนั้นถูกเล่นงานจนกระอักเลือดเชียวนะ
“ไอ้สารเลวสองคนนี้ หาเรื่องใส่ตัวเอง!” เมื่อได้ยินคำกล่าวของเพื่อนร่วมชั้น ริโกะก่นด่าระลอกหนึ่ง จากนั้นจึงไม่สนใจชายสองคนที่นอนกองกับพื้นอีก
“ไม่งั้นคุณกลับบ้านกับฉันไหม ฉันจะทำแผลให้”
ริโกะจับแขนของหลี่ฝางเอาไว้ไม่ยอมปล่อย พลันกล่าวเสียงแผ่ว
ห๊ะ ง่ายดายขนาดนั้นเลยเหรอ?
หลี่ฝางไม่คิดเลยว่าจะคืบหน้าเร็วขนาดนี้ เขาเองก็ไม่มีอะไรที่จะต้องลังเล จึงพยักหน้ากล่าว “ได้”
เพราะงั้นริโกะจึงบอกลาเพื่อนร่วมชั้น ลากแขนของหลี่ฝางมุ่งไปที่บ้านของตน
“ใช่สิ คุณ ยังไม่ได้แนะนำตัวเองเลย” ระหว่างทาง ริโกะกล่าวถามอย่างเกรงอกเกรงใจ
“อืม ผม……ผมชื่ออาสึกะ” หลี่ฝางไตร่ตรอง ก่อนที่จะนึกชื่อหนึ่งขึ้นมาได้
เมื่อสักครู่แทบจะไม่ระวังพูดชื่อนามแฝงของตนเมื่อก่อนออกมาแล้ว อยู่ที่นี่ใช้ชื่อภาษาจีนคงไม่ได้
“ฉันชื่อริโกะ โคมุระ” ริโกะเองก็แนะนำตัวเอง
“ฮ่าฮ่า ผมยังรู้อีกด้วยว่าคุณมีพี่สาวสองคน คนโตมีชื่อว่ามิเอะ โคมุระ คนรองมีชื่อว่าเอโกะ โคมุระ” หลี่ฝางหัวเราะในใจ
แน่นอน ว่าคำพูดเหล่านี้ไม่มีทางพูดออกมาได้
ระหว่างทางหลังจากนั้น หลี่ฝางใช้ความคิดอย่างหนัก ใช้แผนการหลากหลายเพื่อที่จะได้คุยกับริโกะ ทำให้ริโกะรู้สึกใกล้ชิดกับเขาอย่างรวดเร็ว
ไม่นาน ทั้งคู่ก็มาถึงหน้าคฤหาสน์แห่งหนึ่ง ริโกะกล่าวกับหลี่ฝาง “คุณอาสึกะ ที่นี่เป็นบ้านของฉัน”
ริโกะที่กล่าวจบประโยค สีหน้าของเธอเหยเกขึ้นมาเล็กน้อย ความร่าเริงสดใสมลายหายไปในทันที
เพราะเธอไม่รู้สึกถึงความสุขเลยแม้แต่น้อยที่บ้านหลังนี้ ตั้งแต่ต้นจนจบมีเพียงแค่ความเศร้าโศกและเจ็บปวด
“เราเข้าไปกันเถอะ” เมื่อนึกขึ้นได้ว่าข้างกายเขายังมีหลี่ฝาง ริโกะจึงเก็บอาการ ฝืนยิ้มออกมา ลากหลี่ฝางเดินเข้าไปด้านใน
หลังจากที่เดินเข้าไป หลี่ฝางก็พบกับการตกแต่งภายในที่หรูหรา สมแล้วที่เป็นบ้านของรัฐมนตรี
และในขณะเดียวกันกับที่หลี่ฝางชื่นชมภาพทัศน์ ก็ไม่วายที่จะฟังเสียงคนรอบข้างไปด้วย หากแต่ได้ยินเสียงฝีเท้าของคนอื่นดังขึ้น