NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1113 ตระกูลซูไม่มีสิทธิ์มาขู่ฉัน

บทที่ 1113 ตระกูลซูไม่มีสิทธิ์มาขู่ฉัน

“ซูจื้อเย่เป็นลูกชายของภรรยาคนแรกตระกูลซูเลยนะ!เป็นหลานที่คุณท่านซูชอบมากที่สุดเลยนะ!” ลุงหลิวพูดเสียงทุ้มต่ำ “นายท่านซูเป็นปรมาจารย์กำลังภายในนะ!”

“แล้วทำไมเหรอ?” หลี่ฝางหัวเราะพรวด

ลุงหลิวเงยหน้าขึ้นอย่างไม่อยากจะเชื่อ เหมือนกับตกใจที่หลี่ฝางไม่สนใจปรมาจารย์กำลังภายในเลย ในใจก็ไม่รู้ว่าหลี่ฝางนั้นกำลังทำเป็นแข็งแกร่งหรือ……มีฝีมือมากกว่าที่เขาคิด

“ทำไมคุณต้องบังคับข่มขู่คนแบบนี้ด้วย?เห็นแก่ตระกูลซูสักหน่อย แล้วปล่อยเรื่องนี้ไป ดีไหม?”

หนานเจียงตระกูลซู มีอิทธิพลมากขึ้นเรื่อยๆ มีเพียงไม่กี่คนที่ไม่ไว้หน้าตระกูลซู และก็มีคนน้อยคนที่กล้าไม่ไว้หน้าตระกูลซู

แต่น่าเสียดาย ที่หลี่ฝางนั้นเป็นคนส่วนน้อย

“ก็แค่ตระกูลซูเล็กๆ ทำไมฉันต้องไว้หน้าด้วย?”

เพียงประโยคสั้นๆ นั้น ทำให้ในใจของลุงหลิว ก็ใจสั่นกะทันหันขึ้นมา

ตำแหน่งของตระกูลซูนั้น คนที่กล้าไม่ไว้หน้า มีน้อยคนมาก

แน่นอน ว่าถ้าไม่สืบลึกไปถึงรากคงจะไม่รู้ว่าตระกูลซูนั้นนับอยู่ในพวกรนหาที่ตาย

แต่หลี่ฝางนั้นไม่ใช่ทั้งสองอย่าง ดังนั้นลุงหลิวเลยยิ่งกังวลเข้าไปใหญ่

คนแบบนี้ ถ้าไม่ได้เก่งเกินไป จนมีฝีมือของปรมาจารย์แห่งยุทธภพ ก็ต้องเป็นตระกูลใหญ่ เช่นคนชนชั้นสูงสุดในประเทศ หรือไม่ก็ต้องเป็นทั้งสองอย่างที่กล่าวไป นั่นมันยิ่งน่ากลัวเข้าไปใหญ่

ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน ถ้าไปมีเรื่องด้านล่ะก็ ก็คือการหาเรื่องให้ตระกูลซูวุ่นวาย

ในตอนนั้น ลุงหลิวเริ่มกังวลขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว

ในตอนนั้นเอง เสียงของหลี่ฝางก็ดังเข้าไปข้างหูของลุงหลิวอีกครั้ง

“ฉันจะให้โอกาสพวกคุณครั้งหนึ่งก็ได้ คุกเข่าลงขอโทษผู้หญิงของฉัน แล้วก็สัญญาว่าต่อจากนี้จะไม่เข้าใกล้เธออีก แล้วเรื่องนี้ก็ถือว่าหายกัน”

“คุณฝันไปเถอะ!” ซูจื้อเย่ตะโกนใส่หลี่ฝาง

ให้เขาคุกเข่าลงขอโทษงั้นเหรอ?แม้แต่พ่อแม่เขาก็ยังไม่ต้องคิดว่าเขาจะทำเลย!

ถ้าต้องให้เขาคุกเข่าลง ให้เขาไปตายยังดีเสียกว่า

ขนาดซูจื้อเย่ที่เกรี้ยวกราดอยู่ซึ่งลุงหลิวรู้แล้วว่าตัวเองกำลังเผชิญปัญหาใหญ่ตั้งแต่ตอนที่ซูจื้อเย่เริ่มเปิดปากขึ้นมาแล้วและแน่นอน เมื่อเห็นท่าทีของซูจื้อเย่ที่โกรธจนหน้าบูดเบี้ยว ลุงหลิวก็ถอนหายใจ เพราะรู้ว่าเรื่องนี้มันไม่ง่ายแล้วล่ะ

“ดูเหมือนพวกคุณจะเลือกแล้วนะ” หลี่ฝางหัวเราะเสียงเย็น พลางมีความอาฆาต ที่ปล่อยออกมาจนปกคลุมไปหมด

ทันใดนั้นเอง โลกที่อยู่ตรงหน้าของซูจื้อเย่กับลุงหลิวเปลี่ยนไปหมด รอบๆ นั้นเต็มไปด้วยกองศพและกลิ่นคลุ้งของเลือด เนื้อหนังมังสา ความหฤโหด ราวกับว่านี่คือนรก เมื่อได้เห็นก็รู้สึกน่ากลัวเป็นอย่างมาก

มีเสียง “ตุ่บ” ดังขึ้น ซูจื้อเย่คุกเข่าลงกับพื้นทันที เขาเป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง จึงรับแรงกดดันนี้เอาไว้ไม่ไหว

สีหน้าของลุงหลิวดูไม่ได้เป็นอย่างมาก แต่หลี่ฝางอยากให้ซูจื้อเย่คุกเข่าลงเท่านั้น ดังนั้นเมื่อเห็นซูจื้อเย่คุกเข่าลง หลี่ฝางก็เลิกปล่อยความอาฆาตนั้นออกมา

ถึงแม้ลุงหลิวจะตัวสั่นไปทั่วไป สีหน้าดูไม่ได้ แต่กลับยังยืนอยู่ตรงนั้นเหมือนเดิม ส่วนซูจื้อเย่ เหมือนกับคนที่ป่วยขึ้นมา ตัวเลยสั่นเป็นอย่างมาก

เมื่อได้เห็นฉากนี้ คนที่อยู่รอบๆ นั้นก็หัวขาวโพลนเต็มไปหมด

“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมฉันรู้สึกอัศจรรย์ใจนักนะ?”

“คนเหล่านี้ยอมคุกเข่าลงง่ายแบบนี้เลยเหรอ?หัวหน้าหลี่ของพวกเราเป็นใครกันแน่นะ?”

“ฉันว่านะ ตัวตนของหัวหน้าหลี่จะไม่ธรรมดาแน่ๆ ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นลูกหลานมหาเศรษฐี แต่เพื่อจีบประธานหยางของพวกเราเลยมาเป็นหัวหน้ารักษาความปลอดภัยที่นี่”

พวกเขามองไม่เห็นบรรยากาศเลย เพราะความอาฆาตของหลี่ฝางนั้นมันไม่ได้กระทบถึงพวกเขา ดังนั้นในสายตาของคนพวกนี้ คือการเห็นว่ามีการพูดอะไรเล็กน้อย อีกฝ่ายก็คุกเข่าให้หลี่ฝางเสียแล้ว

หลี่ฝางในตอนนี้บรรลุเป้าหมายแล้ว ขณะที่คนรอบๆ สติลอยไป ก็โบกมือให้คนเหล่านี้แยกย้าย จากนั้นตัวเองเลยพาหยางฉงออกไป

ส่วนซูจื้อเย่ คุกเข่าลงและไม่ยอมลุกขึ้นมา จนหลี่ฝางจากไป แล้วคนที่มามุงดูก็จากไปเพราะไม่สนใจแล้ว เขาก็ยังคุกเข่าเหม่ออยู่ตรงนั้น ดวงตาไม่มีแวว เหมือนกับซอมบี้มีชีวิตเลยล่ะ

ลุงหลิวถอนหายใจยาวๆ แต่ไม่ได้พูดอะไร ก่อนจะพยุงซูจื้อเย่ขึ้นมาเบาๆ

เขารู้ว่าอีกฝ่ายได้รับแรงกระทบมากเกินไป ถึงตัวเองจะโน้มน้าวอย่างไร ก็ไม่มีประโยชน์

……

ตกดึก ในห้องเล็กๆ ห้องนั้นของหยางฉง หลังจากที่หลี่ฝางกับหยางฉงอืดอาด ก่อนจะคุยกันเล็กน้อย จากนั้นหลี่ฝางก็พูดขึ้น “นอนเถอะ ดึกแล้ว”

หยางฉงพยักหน้า แต่กลับพูดขึ้นอย่างลังเล “พี่หลี่ฝาง มีเรื่องหนึ่ง ไม่รู้……”

“เรื่องอะไร?คุณพูดมาตรงๆ เถอะ” หลี่ฝางเห็นท่าทีของหยางฉง ก็อดไม่ได้ที่จะถาม

“คือแบบนี้……” หยางฉงลังเลเล็กน้อย สุดท้ายก็เปิดปากพูดขึ้น “พ่อฉันอยากให้คุณไปที่บ้านของฉันสักหน่อย ที่คฤหาสน์ของตระกูลหยาง……”

“พ่อคุณงั้นเหรอ?” หลี่ฝางคิดเล็กน้อยก่อนจะยิ้มแล้วพูดขึ้น “จริงสิ ฉันเองก็ควรไปบ้านคุณสักหน่อย จะมีคนอยู่เยอะไหม?”

“ไม่ ไม่ใช่แบบนั้น……” หยางฉงรีบพูดขึ้น “คือ……ฉันคิดว่าน้ำเสียงของพ่อฉันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เหมือนกับปู่จะเป็นคนเสนอ แถมเขายังเร่งอีกด้วย……”

“คุณกำลังกังวลเรื่องสุขภาพของปู่ของคุณเหรอ?” หลี่ฝางกอดหยางฉงเบาๆ ก่อนจะพูดเสียงทุ้ม “ไม่ต้องกังวล พรุ่งนี้เราจะไปเยี่ยม ไม่เป็นไรนะ……”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท