NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1149 คนสนิท

บทที่ 1149 คนสนิท

ในห้องโรงแรมห้าดาวแห่งหนึ่ง หลี่ฝางถอนหายใจยาว ดวงตาเบิกกว้าง

การทะลุแดนครึ่งเทพนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

เมื่อประสบเหตุถูกจู่โจมกะทันหัน ก็ฟื้นความจำแถมยังบีบบังคับให้ทะลุแดนบวกกับการเดินทางหลายวัน ตอนนี้เขาอ่อนล้าอย่างมาก

และในเวลาสามวันก็เพียงพอแล้วกับการฟื้นฟูแรงและพลังให้กลับไปอยู่จุดสูงสุด

ทำการประลองกับถังโจว เขาทำได้อยู่แล้ว

ตอนนี้หลิวฮุยเองก็อยู่ในห้อง เขาต้องการยับยั้ง หลี่ฝางปริปากแต่กลับพูดไม่ออกมา

“หลี่ฝาง……”

เมื่อทบทวนอยู่หลายหน ในที่สุดหลิวฮุยก็เปิดปาก “เจิ้งเหวินซิงได้ตายไปแล้ว ศึกอีกสามวันให้หลังช่างมันเถอะ สู้กันจนตายไปข้างเลย ไม่คุ้มค่า”

หลี่ฝางสบถอย่างไม่พอใจ “ความสามารถของถังโจวนั้น ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผม”

“ฉันได้ข่าวว่าถังโจวมีความสามารถทางด้านเคล็ดลับวิชาฮวงจุ้ย และใช้ปราณชีพจรมังกร เขาเลือกภูเขาจิ่วเจคงไม่ได้เลือกไปอย่างนั้น” หลิวฮุยกล่าวพร้อมส่ายหน้า

แค่เจิ้งเหวินซิงตายแล้วก็ตายไปสิ มันไม่ใช่เรื่องเลยแม้แค่น้อย

แต่ถ้าหากหลี่ฝางสู้กับถังโจวขึ้นมา คงเป็นปัญหาใหญ่แน่

ไม่พูดถึงการต่อสู้ของพวกเขาจะทำให้เกิดการเรื่องใหญ่มากแค่ไหน หากทั้งคู่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตายขึ้นมา ต้องเกิดความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่แน่

เมืองตงที่มีคนทุกประเภทรวมกันอยู่ เพราะมีถังโจวอยู่ถึงได้ระงับพวกที่อยากก่อเรื่องลงมาบ้าง

ส่วนทางด้านหลี่ฝาง ไม่มีด้านไหนที่ล่วงเกินได้เลย!

“ใช้ชีพจรมังกร……” หลี่ฝางพยักหน้า เพื่อแสดงว่าเขารู้แล้ว แต่กลับไม่สามารถทำให้เขาหวั่นใจได้

เป็นครึ่งเทพต่อให้ถังโจวเคลื่อนชีพจรมังกรของทั้งภูเขาจิ่วเจ หลี่ฝางก็ไม่หวั่น

เมื่อเห็นว่าหลี่ฝางไม่หวาดหวั่นแม้แต่น้อย หลิวฮุยจึงกล่าวเสริม “ถังโจวถูกนายฆ่าแล้ว นายก็คงจะหายโกรธแล้ว แล้วทำไม……”

“หายโกรธงั้นเหรอ?” หลี่ฝางหัวเราะออกมา “หลิวฮุย นายคิดว่าเรื่องนี้เพียงแค่ผมหายโกรธเท่านั้นเหรอ?”

เขากล่าว พลางเดินออกไปด้านนอก

“เจิ้งชิงไม่หยุดแค่นี้แน่ ในเมื่อถังโจวท้ารบแล้ว ผมก็ไม่มีทางที่จะผิดคำง่ายๆ และผม……ก็แค่เจิ้งเหวินซิงตายคนเดียว ไม่เพียงพอหรอกนะที่จะดับไฟโทสะของผม”

หลิวฮุยถอนหายใจ ก่อนจะรีบไล่ตามไป

ในสามวันนี้ เขาไม่อยากจะให้หลี่ฝางก่อเรื่องขึ้นอีกหรอกนะ

……

ร้านมั่นคง เป็นโรงแรมที่ขึ้นชื่อที่สุดในเรื่องอาหารทะเลของเมืองตง เจ้าของมีชื่อว่าซุนจื้อเหวิน

ซุนจื้อเหวินมีอุตสาหกรรมใหญ่สองที่คือโรงแรมแห่งนี้ อีกหนึ่งแห่งคือการเดินเรือ เวลาและแรงกายส่วนใหญ่ของจุนจื้อเหวินทุ่มเทให้กับการเดินเรือ

เพราะงั้นในโรงแรมแห่งนี้

เพราะงั้นโรงแรมแห่งนี้ โดยส่วนใหญ่มีลูกสาวของโตอย่างซุนเฟยดูแลอยู่ ซุนจื้อเหวินน้อยนักที่จะเข้ามาข้องเกี่ยว

ทว่า วันนี้ซุนจื้อเหวินกลับพาชายหนุ่มที่ดูสูงศักดิ์สูงเข้ามาที่โรงแรม

“คุณชายเจิ้งเชิญนั่ง ผมจะไปเรียกเฟยเฟยมา”

ซูนจื้อเหวินกล่าวอย่างเอาอกเอาใจ ผู้ที่ถูกเรียกว่าคุณชายเจิ้งเองก็ไม่เกรงใจแม้แต่น้อย พลันเดินไปนั่งลงที่โซฟาห้องโถง ก่อนจะกวาดตามองไปรอบโรงแรม เพื่อสังเกตการณ์ เพียงแต่ในสายตาแฝงไปด้วยความไม่พอใจอยู่เป็นระยะ

ซุนจื้อเหวินเรียกซุนเฟยเข้ามาข้างใน ไม่นานก็หันไปประจบคุณชายเจิ้ง “เฟยเฟย ท่านนี้คือ……”

“คุณชายน้อยของตระกูลเจิ้ง ชื่อเจิ้งเหวินจุ้น” ซุนเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้มเสียก่อน

ซุนจื้อเหวินนิ่งไปเล็กน้อย พลันกล่าว “เฟยเฟย แกรู้จักคุณชายเจิ้งด้วยเหรอ?”

“ฮ่าๆ ผมเคยเจอเฟยเฟยในงานเลี้ยงของเพื่อนมาก่อน” คุณชายเจิ้งเป็นฝ่ายปริปากด้วยรอยยิ้มก่อน

พื้นฐานครอบครัวของเขาไม่เลวเลย หล่อเหลา ดูดี อายุน้อย มากเงินทอง กิริยางามสง่า มันง่ายดายนักที่จะคว้าหัวใจของเหล่าสาวๆ เอาไว้

“ฉันกับนาย เราสนิทกันมากเหรอ?” เฟยเฟยไม่ปกปิดความรังเกียจที่เขามีต่อคุณชายเจิ้งแม้แต่น้อย

คุณชายเจิ้งคนนี้เป็นถึงน้องชายของเจิ้งเหวินซิง เจิ้งเหวินจุ้นเมื่อเทียบกับเจิ้งเหวินซิงแล้ว เขาไม่เอาไหนยิ่งกว่า

เจิ้งเหวินซิงอย่างไรซะก็พอมีความสามารถจริงๆ อยู่บ้าง เจิ้งเหวินจุ้นเป็นพวกที่วันๆ เอาแต่ดื่มกินเที่ยวเล่นทั้งเมืองตง ไม่มีใครที่ไม่รู้จักเจิ้งเหวินจุ้นผู้ที่มีชื่อเสียงฉาวโฉ่

เพียงแค่อายุยี่สิบต้นๆ ผู้หญิงข้างกายราวกับสายน้ำ แต่กลับไม่เคยให้การดูแลที่เหมาะสมแม้แต่คนเดียว ท้ายที่สุดต่างก็มีจุดจบที่น่าอนาถ ชื่อเสียงเหม็นหึ่งไปทั่ว

“ปกติฉันสอน แกพูดจาอย่างไร!” ซุนจื้อเหวินเอ็ดซุนเฟย

เขาไม่อยากทำให้คุณชายเจิ้งโกรธ

เกินคาด คุณชายเจิ้งไม่ได้โกรธ หลังซุนจื้อเหวินเอ็ดซุนเฟย แล้วกล่าวเสริม “เฟยเฟย พอดีช่วงนี้ฉันไม่ยุ่ง ฉันจะดูแลโรงแรมเอง แกออกไปเดินเล่นกับคุณชายเจิ้ง”

“ว่าอะไรนะ ท่านพ่อให้หนูไปเดินเล่นกับไอ้เศษเดนนี่เนี่ยนะ?” ซุนเฟยกล่าวอย่างโมโห

“แก หุบปาก!” ซุนจื้อเหวินโมโหอย่างหนัก “แกกล้าพูดแบบนี้ได้อย่างไร ไอ้ลูกไม่รักดี!”

ก่อนหน้านี้ของที่ส่งทางเรือจากประเทศเหล่าไปเกาะสตาร์ พวกเขาพบกับโจรเข้า จนแทบจะสังเวยชีวิตเข้าไปแล้ว

แต่โจรถูกนักรบมากฝีมือที่ผ่านมาจัดการ แต่สินค้าในเรือของพวกเขา เพราะการสู้รบเลยทำให้ดาดฟ้าเรือพัง น้ำก็เข้าจนสินค้าพังเสียหาย

มันเสียหายหลายสิบล้าน ทำให้ซุนจื้อเหวินเป็นอุปสรรคขึ้นมา

คู่แข่งของซุนจื้อเหวินถือโอกาสนี้ลงมือ ทำให้ซุนจื้อเหวินข้ามเส้นจนล้มละลาย

และการปรากฏตัวของคุณชายใหญ่โตอย่างเจิ้งเหวินจุ้น ซุนจื้อเหวินเลยคว้าโอกาสเอาไว้ทันที พลางเสนอลูกสาวคนโตของตน เพื่อหวังให้เจิ้งเหวินจุ้นยื่นมือเข้าช่วยเหลือวิกฤติ

ทว่า เหล่านี้ก็เพราะเจิ้งเหวินจุ้นชอบลูกสาวคนโตของเขา หากเป็นลูกสาวคนเล็กละก็ เขาคงต้องไตร่ตรองสักหน่อย

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท