NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1159 การเฝ้าดูของหลี่ฝาง

บทที่ 1159 การเฝ้าดูของหลี่ฝาง

ในวันงานเลี้ยง ในห้องโถงของโรงแรมหกดาวเต็มไปด้วยผู้คน

ทุกคนต่างคอยหาโอกาสเข้าหาหลี่ฝางเพื่อเกาะสร้างความสัมพันธ์บางอย่าง

ถึงยังไงเรื่องในครั้งนี้ วุ่นวายจนยิ่งใหญ่มากจริงๆ

หลายปีที่ผ่านมา ตระกูลชั้นสูงก็เหมือนภูเขาลูกใหญ่ทั้งลูก คอยกดทับตระกูลอื่นๆ มาตลอด ไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปสักนิด

แต่ตอนนี้ ตระกูลชนชั้นสูงอย่างตระกูลเจิ้งนี้ ภายในระยะเวลาอันสั้นไม่กี่วัน ก็ตกลงมาจากแท่นบูชา เปลี่ยนผู้ครองใหม่ กลายเป็นตระกูลหลี่

นี่เป็นเคสแรก เป็นเรื่องแปลกที่ตระกูลชนชั้นสูงถูกแทนที่!

และเพราะดังนั้น ผู้มีอิทธิพลทั้งในและนอกประเทศก็ต่างให้ความสนใจเรื่องนี้กันสุดๆ นอกจากนี้ก็ทำให้พวกตระกูลชนชั้นสูงพวกนั้นเกิดความระมัดระวังตัวกันทันที

ที่ผ่านมาพวกคนในตระกูลชนชั้นสูงเพราะว่าตระกูลมีอิทธิพลจึงได้พอใจและถูกความเย่อหยิ่งครอบงำ ก็ค่อยๆ เริ่มมีความเปลี่ยนแปลงบางอย่าง

ส่วนศึกที่ภูเขาจิ่วเจศึกนั้น ก็ให้คนชนชั้นบนได้รู้ว่า สุดยอดพลังการต่อสู้ของจอมยุทธ นั้นมันน่ากลัวขนาดไหน ให้ความสำคัญของระดับจอมยุทธ ก็ดีขึ้นอย่างไม่รู้ตัว

ดังนี้งานเลี้ยงครั้งนี้ ถึงได้ดึงดูดผู้คนมามากมาย

แต่ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่คนมากมายจะสามารถเข้าร่วมงานเลี้ยงได้ ภายใต้การควบคุมของหลิวฮุย อย่างน้อยก็คัดรายชื่อคนมีมาลงทะเบียนไว้ไปเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ เหลือแค่สามสิบเปอร์เซ็นต์ แต่ก็ยังคงเป็นจำนวนที่เยอะสุดๆ

คนพวกนี้ ฐานะแต่ละคนไม่ธรรมดาเลย

เป็นถึงเจ้าของสมาคมนักธุรกิจหมิงเจ๋ จางหมิงเจ๋ก็ยังโชคดีที่ได้ร่วมงานนี้

ถึงแม้ว่าไม่กี่ปีที่ผ่านมาเขาเพิ่งจะมีหน้ามีตาขึ้นมา เส้นสนกลในยังไม่ลึกพอ แต่ก็แข็งแกร่งจริงๆ ดังนั้นถึงได้ผ่านการเชิญชวนมา

จางหมิงเจ๋ก็ไม่ใช้โอกาสนี้ให้สิ้นเปลือง จึงได้พาภรรยาและลูกๆ มา

นอกจากนี้ ยังมีชายหนุ่มที่ลูกสาวบอกว่ายังไงก็จะพามาให้ได้อีกคน

เมื่อเห็นลูกสาวกับชายหนุ่มคนนั้นกอดจูบกันอยู่ที่ไร้ผู้คนข้างงานเลี้ยง จางหมิงเจ๋ก็อดไม่ได้ที่จะพูดอย่างโมโห: “ชิงหยุน รักษาภาพลักษณ์ด้วย!อย่ามาสร้างเรื่องที่นี่!”

ถึงแม้ว่าอิทธิพลของตระกูลจางจะต่ำที่สุดในที่นี้ แต่ความงามของลูกสาวทั้งสองของเขา นั้นกลับดังไปทั่วเมืองตง

ที่จริงที่เขาพาลูกสาวทั้งสองคนมา ก็อยากจะลองดูว่าจะสามารถดึงดูดความสนใจจากคุณหลี่ได้หรือไม่

แต่คิดไม่ถึง ว่าลูกสาวของตนมีจะเอาพ่อหนุ่มคนจนที่ไม่มีค่าอะไรเลยมาเป็นแฟน แถมยังจะให้พาเขามางานเลี้ยงให้ได้

จางหมิงเจ๋ที่เปลี่ยนความคิดของลูกสาวไม่ได้ เลยตัดสินใจใช้งานเลี้ยงครั้งนี้เพื่อเกลี้ยกล่อมชายแปลกหน้านี้ให้ถอยไปซะ ให้เขารู้ถึงความลำบากและถอยไป

“งานเลี้ยงครั้งนี้ มีอะไรกัน” จางชิงหยุนยู่ปากอย่างไม่สนใจ แล้วดึงผู้ชายคนนั้นพลางพูด: “ไปเถอะ ชิวหรู พวกเราไปคุยกันตรงนั้นเถอะ”

คนคนนี้ก็คือคนที่ขายผู้หญิงเพื่อความรุ่งโรจน์ของตัวเองในงานวันเกิดของเกาจื่อซิน และถูกหลี่ฝางสั่งสอนและถีบส่ง ชิวหรูนั่นเอง

ชิวหรูได้รับการปฏิบัติอย่างเย็นชาจากจางหมิงเจ๋ ก็ยังคงทักทายด้วยรอยยิ้ม และถูกจางชิงหยุนลากตัวไป แต่แค่สายตานั้นเย็นชา

เขาใช้โอกาสที่เกิดจากความบังเอิญรู้จักกับเธอ และใช้วิธีการขายต่างๆ ดึงความสนใจของจางชิงหยุน และก็ค่อยๆ ทำให้จางชิงหยุนรู้สึกดีกับเขาขึ้นมาจริงๆ

ในตอนนั้นบริษัทของเขาก็โดนทำให้ล้มละลายโดยเกาจื่อหมิงเพราะว่าไปทำให้หลี่ฝางโกรธเข้า ด้วยความหมดหนทาง จึงกระโดดเข้าใส่จางชิงหยุน

ที่เขาคิดไว้ ก็คือเอาจางชิงหยุนมาให้ได้ เหมือนเรื่องเป็นเช่นนั้นแล้ว ก็ค่อยๆ ยึดทรัพย์สินตระกูลจางมาทีละขั้นๆ

ถึงตอนนั้น เขาจะต้องแก้แค้นเกาจื่อหมิงกับหลี่ฝางอย่างสาสม เอาคำดูถูกที่เขาได้รับคืนกลับไปให้พวกเขาพันเท่า!

ในที่สุด งานเลี้ยงก็เริ่มอย่างเป็นทางการ ตัวเอกของงานเลี้ยงที่ทุกคนรอยคอยก็ปรากฏตัวขึ้น

วันนี้หลี่ฝางก็ยังคงแต่งตัวธรรมดา การแต่งตัวแบบนี้ ถ้าหากเป็นคนอื่น โอกาสที่จะได้เข้าใกล้ห้องโถงงานเลี้ยงนี้ยังไม่มีเลย

แต่วันนี้หลี่ฝางไม่ได้ตั้งใจจะซ่อนพลังของตัวเอง ความกดดันที่ยิ่งใหญ่ราวกับทะเลหนักเท่ากับภูเขาไท่ ทำให้คนที่อยู่ในงานเห็นเขาแว๊บแรกก็รู้สึกอึดอัดในใจ จนกระทั่งเหงื่อตก

แม้ว่าคนที่อยู่ในงานจะเป็นคนที่มีฐานะยิ่งใหญ่ เห็นความแปรปรวนจนชิน ก็ยังคงเป็นเช่นนั้น

ยิ่งไม่ต้องพูดถึง พวกผู้น้อยที่ถูกพามาเปิดหูเปิดตา

ส่วนชิวหรูในกลุ่มคน หลังจากได้เห็นหลี่ฝาง ก็รู้สึกได้ถึงความสิ้นหวัง

เขาก็ได้ยินมานานแล้ว ว่างานเลี้ยงครั้งนี้ถูกจัดขึ้นโดยคุณหลี่ผู้สูงศักดิ์ท่านนึง ว่ากันว่า คุณหลี่คนนี้มีอิทธิพลมหาศาลพอที่จะควบคุมเมืองตงทั้งเมือง

ก่อนจะมา ในใจของเขาก็ยังคงหวังว่าจะโชคดี ได้รับความพึงพอใจจากคุณหลี่ท่านนี้

แต่ก็คิดไม่ถึง ตัวเอกในงานเลี้ยงครั้งนี้ คุณหลี่ท่านนั้น ก็คือหลี่ฝาง?

ความแค้นนี้ ยังจะชำระได้มั้ยนะ?

หลังจากที่หลี่ฝางเดินเข้ามา ทุกคนในกลุ่มผู้คนก็ต่างพากันคำนับหลี่ฝางด้วยความเคารพ

ส่วนพวกผู้น้อยที่ไม่รู้ความ ก็ถูกพวกผู้ใหญ่ของตนกดหัวให้โค้งคำนับ

ต่อหน้าหลี่ฝาง พวกเขาไม่กล้าที่จะไม่เคารพเลยสักนิด

และวินาทีที่คนในงานคำนับกันหมด มีแค่ชิวหรูคนเดียว ที่ยังคงอึ้งอยู่ตรงนั้น

เพราะความเลินเล่อของจางหมิงเจ๋ จึงละเลยเขา ทำให้เขาเป็นคนแปลกประหลาดอยู่เพียงคนเดียว

ทันใดนั้น ชายหนุ่มที่รนหาที่ตายคนนี้ ก็กลายเป็นจุดสนใจอีกจุดนึงของคนทั้งหมด

ในตอนนั้นในใจของจางหมิงเจ๋ก็ลนลานสุดๆ และชี้ไปทางชิวหรูหลายครั้ง ให้เขาก้มหัวลง

แต่แค่ชิวหรูในตอนนั้นไม่เห็นการกระทำของจางหมิงเจ๋เลย ยังคงอึ้งละมองไปทางหลี่ฝางอย่างโง่ๆ

หลี่ฝางก็ยังแปลกใจเล็กน้อยว่าทำไมคนคนนี้ถึงได้ทำอะไรแตกต่างจากคนอื่น แถมยังรู้สึกหน้าคุ้นๆ ด้วย คิดอยู่สองวินาที เขาก็นึกขึ้นได้ว่าชิวหรูนั้นเป็นใคร

แต่ว่า เขาก็ไม่ได้ใส่ใจ เพราะว่าสำหรับเขาแล้ว คนอย่างชิวหรู ก็เหมือนมด ไม่มีค่าพอให้พูดถึง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท