NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1129 พ่อลูกทะเลาะกัน

บทที่ 1129 พ่อลูกทะเลาะกัน

ก็เพราะชื่อของหลี่ฝาง ทำให้ระยะนี้พูดได้ว่าเขาทำอะไรก็ราบรื่นไปหมด

แม้แต่การแย่งชิงด้านธุรกิจกับหลี่เฉินคุณพ่อของซูจื้อเย่เมื่อหลายวันก่อน คิดไม่ถึงว่ายังทำให้เขาสามารถแย่งชิงธุรกิจมาได้อย่างง่ายดาย

จะต้องรู้ว่า ถ้าพูดถึงความสามารถ เขาไม่มีคุณสมบัติพอแม้แต่จะถือรองเท้าให้หลี่เฉินด้วยซ้ำ ตามปกติแล้ว เขาไม่มีทางที่จะคว้าธุรกิจนั้นมาได้

ทั้งหมดนี้ เป็นเพราะเหตุผลเดียว นั่นก็คือหลี่ฝาง

เมื่อนึกถึงตรงนี้ หยางเทียนลี่กำลังจะทักทายหลี่ฝาง กลับถูกสายตาของหลี่ฝางขัดขวางเอาไว้ จึงได้แต่เพียงหุบปากไปอย่างหวาดกลัว ไม่ต้องพูดถึงความทุกข์ทรมานในหัวใจเลย

ฟางจื้อคุณพ่อของฟางหยู่ถงและหลี่เฉินคุณพ่อของซูจื้อเย่ กลับมีท่าทีที่ไม่พอใจ

กลับเป็นสวู่ยู่ผู้หญิงเพียงหนึ่งเดียว ที่ไม่ได้แสดงท่าทางใด ๆ เลย เพียงแค่มองสถานการณ์อยู่อย่างเงียบ ๆ

ในเวลานี้ เจ้าพ่อคนนั้นได้กล่าวด้วยรอยยิ้มที่มีเลศนัย: “มือนี้ของพี่ฟาง น่าสนใจดีนะ”

“แค่ก ๆ เป็นพวกเด็ก ๆ เขาเล่นกัน อย่าไปใส่ใจอะไรเลย” ฟางจื้อกล่าวไป พลางมองไปที่ฟางหยู่ถงด้วยความไม่พอใจเป็นอย่างมาก

ฟางหยู่ถงไม่ได้สังเกตเห็นสายตาคุณพ่อของตัวเอง แต่หลี่ฝางกลับสังเกตเห็นแล้ว และรู้สึกน่าหัวเราะขึ้นมาทันที ฟางจื้อคนนี้เหมือนกับว่าจะไม่รู้จักเขาด้วยซ้ำ ทำไมถึงได้มีความโกรธแค้นตัวเองมากขนาดนี้ล่ะ?

ผ่านไม่สักพัก งานเลี้ยงตอนเย็นก็ได้เริ่มขึ้น ในเวลานี้ ฟางหยู่ถงกลับได้รับข้อความหนึ่งฉบับ กล่าวขอโทษหลี่ฝางเสร็จแล้วก็ได้จากไปทันที

เพราะว่าฟางจื้อคุณพ่อของเธอต้องการพบเธอเพียงลำพัง

และภายในห้องหนังสือของฟางจื้อ ฟางจื้อมองฟางหยู่ถงด้วยท่าทางทอดถอนใจ พลางกล่าว: “หยู่ถง ลูกทำเรื่องแบบนี้ได้ยังไงกัน?”

“หนูทำอะไรเหรอคะ?” ฟางหยู่ถงกล่าวอย่างไม่ยอมก้มหัวเล็กน้อย

“ลูกว่า ทำไมวันนี้ลูกถึงได้พาไอ้กระจอกนั่นมาด้วย?” ฟางจิ้อกล่าวด้วยความโมโหที่ไม่ได้ดั่งใจเล็กน้อย

“ทำไมหนูถึงจะพาเขามาไม่ได้ล่ะ?” ฟางหยู่ถงกล่าว: “คุณย่าเป็นคนบอกให้หนูพาเขามาด้วย นอกจากนี้ เขายังเป็นแฟนของหนูด้วย!”

“รปภ. เล็ก ๆ คนหนึ่ง มีคุณสมบัติอะไรมาเกาะตระกูลฟาง!” ฟางจื้อโมโหขึ้นมา ฝ่ามือข้างหนึ่งตบลงไปบนโต๊ะอย่างแรง ทำให้ฟางหยู่ถงตกใจขึ้นมา

ที่แท้แล้วซูจื้อเย่ได้แอบบบอกเรื่องนี้กับฟางจื้อเป็นการส่วนตัว ถึงได้ทำให้ฟางจื้อรังเกียจหลี่ฝางเช่นนี้

“รปภ. แล้วทำไมคะ!” ฟางหยู่ถงเถียงอย่างไม่ยิมไปหนึ่งประโยค จากนั้นกล่าวต่อ: “นอดจากนี้แล้วหลี่ฝางยังมีฝีมือแข็งแกร่ง! จะต้องเป็นยอดฝีมือที่ซ่อนตัวตนแน่! ไม่แน่ว่า รปภ. อาจจะเป็นเพียงวิธีที่เขาใช้ปิดบังตัวตนที่แท้จริงของตัวเองก็ได้!”

“หึ ฝีมือแข็งแกร่ง จะแข็งแกร่งสักเท่าไหร่กัน?” ฟางจื้อยังคงไม่หายโมโห: “ตอนนี้ฝีมือของเขาอยู่ในระดับไหน? กำลังภายนอกช่วงหลัง? แดนสุดกำลังภายนอก?”

ถึงยังไงหลี่ฝางก็อายุยังน้อยแบบนั้น แม่แน่ว่ากำลังภายนอกช่วงหลัง ก็ยังถือว่าชมมากเกินไปแล้ว

ฟางหยู่ถงเองก็ยากที่จะเอ่ยปากไปชั่วขณะ เพราะเธอเองก็ไม่รู้ว่าหลี่ฝางแข็งแกร่งเพียงใด

“เฮ้อ หยู่ถง ลูกดูลูกสิ เลือกใครไม่เลือก กลับไปเลือกไอ้กระจอกนั่น?” ฟางจื้อดูกลัดกลุ้มใจเป็นอย่างมาก: “คนแรกก็ลู่เผิงเฟย เป็นถึงคุณชายของตระกูลอันดับต้น ๆ ลูกบอกว่าไม่เหมาะสม พ่อแม่เองก็สนับสนุนลูก เพราะถึงยังไงซะตระกูลของเราก็ยังไม่ถึงขั้นที่ต้องขายลูกสาวเพื่อสร้างความสัมพันธ์กับตระกูลลู่ ต่อมาก็มีซูจื้อเย่ ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ มีความรู้สึกลึกซึ้งต่อลูกมาตลอด แต่ลูกก็ปฏิเสธไป!”

ฟางจื้อยิ่งกล่าวยิ่งโมโห: “ลูกชายของลุงเหอของลูกก็ไม่เลว เดิมทีพ่อได้คุยกับเขาไว้ซะดิบดี ลูกคิดว่าวันนี้ลุงเหอของลูกมาเพราะใครกันแน่?”

“ลุงเหอของลูกในวันนี้เป็นถึงเจ้าพ่อ ในอนาคตอาจจะยึดครองได้อย่างมั่นคงก็เป็นไปได้ สามารถมาที่ตระกูลฟางของพวกเราสักครั้ง ก็ไม่ใช่มาแทนลูกชายของตัวเองหรอกเหรอ? แต่ลูกกลับพาหลี่ฝางขึ้นไปอวยพรคุณย่าโดยตรง ลูกจะให้พ่อเอาหน้าไปไว้ที่ไหน!”

“ลูกว่า ไอ้หลี่ฝางคนนั้นมันมีอะไร? มันมีเงินเหรอ? มันมีอำนาจอิทธิพลไหม? มันมีความสามารถพอให้ลูกตั้งหลักตั้งตัวได้ไหม?”

ฟางหยู่ถงเองก็ยิ่งโมโหขึ้นมาเหมือนกัน อดไม่ได้ที่จะตะคอกกับคุณพ่อของตัวเอง: “แล้วยังไงล่ะคะ! หนูไม่ชอบพวกเขา ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ!”

“ชอบมันจะมีประโยชน์อะไร!” ฟางจื้อโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ: “ถ้าหากตอนไหนที่เธอไม่มีแม้แต่ข้าวจะกิน ฉันจะดูสิว่าเธอจะพูดเรื่องชอบพอกับฉันยังไง!”

ฟางหยู่ถงโมโหจนสั่นสะท้านไปทั้งตัว เธอไม่เข้าใจเลยว่า ทำไมคุณพ่อขจองตัวเองถึงไม่มีเหตุผลเอาซะเลย ชอบพอคนคนหนึ่งก็คบหาเป็นแฟนกัน ทำไมเขาถึงไม่เข้าใจเลยล่ะ?

แต่ทว่ามองดูลูกสาวของตัวเอง ถึงแม้ฟางจื้อจะโมโห ในใจกลับทอดถอนใจอยู่ไม่หยุด

ลูกสาวของตัวเองคนนี้ถูกตัวเองปกป้องดีเกินไปมาตั้งแต่เล็กจนโต ไม่เคยลิ้มลองรสชาติของความลำบาก จะรู้ว่าชีวิตของคนนั้นไม่ง่ายได้ยังไง?

ทุกคนต่างก็มีอุดมคติ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับความเป็นจริง จะมีสักกี่คนที่ไม่ยอมก้มหัว?

โดยเฉพาะสิ่งที่มองไม่เห็นอย่างความรู้สึก มีอยู่หลายครั้ง ที่อ่อนแอเป็นอย่างมากเมื่ออยู่ต่อหน้าความจริงที่โหดร้าย

และมีอยู่หลายครั้ง สิ่งที่ทำลายความรู้สึก ก็คือเรื่องเพียงเล็กน้อยในชีวิต

ทอดถอนใจอยู่สักพัก ฟางจื้อก็ยังคง ไม่ใจแข็งพอที่จะไปต่อว่าลูกสาวของตัวเอง จึงได้แต่เพียงกล่าวโน้มน้าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนลง: “หยู่ถง ครั้งนี้ฟังพ่อนะ หาคนที่มีฐานะเหมาะสมกัน นิสัยโอเค พ่อจะไม่ขัดขวางแน่ ไม่ว่าจะเป็นลู่เผิงเฟยหรือลูกชายของลุงเหอ หรือจะเป็นซูจื้อเย่ ต่างก็ได้ทั้งนั้น หรือจะเป็นลูกหลานรุ่นที่สามของตระกูลหยาง พ่อล้วนไม่ขัดขวางทั้งนั้น……”

แต่ทว่าฟางหยู่ถงไม่มีกะจิตกะใจจะฟังฟางจื้อพูดต่อไปเลยสักนัด เธอเดินออกไปทันที ปล่อยไว้เพียงฟางจื้อให้ฟังเสียงปิดประตูที่สั่นคลอนหูอย่างทอดถอนใจ

หลี่ฝางในเวลานี้ กำลังนั่งอยู่ที่มุมมุมหนึ่งที่ไม่สะดุดตาเพียงลำพัง รอฟางหยู่ถงออกมา

สวู่เจินเจินและข่งจูได้ไปหาเพื่อนของพวกเธอแล้ว ลู่เผิงเฟยเดิมทีอย่างจะคุยกับหลี่ฝาง แต่หลี่ฝางมักรู้สึกว่าผู้ชายสองคนอยู่ด้วยกันมันแปลก ๆ ก็เลยไม่ให้เขาอยู่ที่นี่

ดังนั้นเขาจึงนั่งอยู่ตรงนี้เพียงคนเดียว

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท