NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1138 แกแบกรับไม่ไหว

บทที่ 1138 แกแบกรับไม่ไหว

“แกพูดอะไรของแก?” อูเฉิงเย่ระเบิดเสียงหัวเราะเสียงดังลั่นอย่างอดไม่ได้ “หลี่ฝาง แกบ้าไปแล้วหรืออย่างไร? ถึงได้กล้าพูดว่าจะไล่หัวหน้าหรุ่ยออก!”

หัวหน้าหรุ่ยและตู้เซิงหรงสองคนก็พากันส่งเสียงหัวเราะเสียงดัง ทั้งสามหัวเราะจนตัวโยน ราวกับว่าจะหัวเราะจนกว่าหนังท้องจะแตกไปข้าง!

“หลี่ฝาง ฉันไม่สนใจว่าแกแกล้งโง่หรือโง่จริงกันแน่ แกสู้เก่งมากจริงๆ นั่นแหละ แต่แล้วอย่างไร? พอแกเข้าไป ฉันจะคอยดูว่าแกยังจะสู้ใครได้ไหม! อย่าห่วงไปเลย ถึงเวลานั้นฉันจะพาเจียงถิงไปเยี่ยมแกเอง ฮ่าๆ ……”

หลี่ฝางจ้องมองอูเฉิงเย่ด้วยความสงสารเล็กน้อย กล่าวอย่างเรียบเฉย “อันที่จริงผมคิดจะใช้สันติวิธีในการจัดการกับแก ใครจะไปรู้ว่าพวกแกไม่ไขว่คว้าโอกาส ถ้างั้นผมคงต้องอัดพวกแกสักหมัดก่อน เพื่อระบายอารมณ์”

“แกคิดจะทำอะไร!” อูเฉิงเย่สีหน้าเปลี่ยน

ในเวลานี้เอง ประตูห้องทำงานถูกผลักออกอีกครั้ง คนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาด้วยสีหน้าคร่ำเครียดอีกครั้ง

คนที่อยู่ระหว่างกลางของคนเหล่านั้นคือหยางจื้อเฉิง ที่จู่ๆมาอยู่ข้างหยางจื้อเฉิงคือผู้อำนวยการหลิวเมื่อคืนนี้

ส่วนคนที่สวมชุดกาวน์สีขาว ต่างก็เป็นหมอที่มีระดับสูงของโรงพยาบาลนี้ เพียงแต่บัดนี้สีหน้าของพวกเขาต่างก็บูดบึ้ง จ้องเขม็งหัวหน้าหรุ่ยอย่างไม่เป็นมิตร

ถูกคนใหญ่คนโตของโรงพยาบาลเพ่งมอง หัวหน้าหรุ่ยหัวใจกระตุกวูบ รีบยิ้มประจบเดินขึ้นหน้า “ผู้อำนวยการ หัวหน้าหยาง หัวหน้าจาง หัวหน้าอู๋ พวกท่านมาได้อย่างไร?”

หยางจื้อเฉิงที่ยืนอยู่ตรงกลางคนกลุ่มนี้ เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนที่เขาจะรู้จักได้

แต่ต่อให้เขาใช้เท้าหัวแม่โป้งคิด ก็รู้ว่าบุคคลนี้ต้องมีสถานะที่สูงศักดิ์

แต่เขาไม่รู้จัก เป็นเลขาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขอย่างตู้เซิงหรงเขารู้จักหยางจื้อเฉิงดี ทันใดนั้น หัวใจอันเงียบเชียบเกิดลางสังหรณ์ที่ไม่ดีขึ้นอย่างแรงกล้า

หลังจากที่หัวหน้าหรุ่ยทักทายกับทุกคนเสร็จสิ้น พวกเขาเหล่านั้นกลับไม่แม้ชายตามองหัวหน้าหรุ่ย ต่างคนต่างฝืนยิ้มไปทางหลี่ฝาง

หลี่ฝางกลับหยิบโทรศัพท์ขึ้นด้วยรอยยิ้มเจือจาง พลางตัดสายของหยางจื้อเฉิงที่กดโทรออกตั้งแต่เมื่อสักครู่นี้ กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ตอนนี้คงไม่ต้องให้ผมพูดอะไรแล้วใช่ไหม?”

แท้ที่จริงแล้ว ตอนที่หลี่ฝางเข้าใกล้ห้องทำงานของเจียงถิง หลังเขาได้ยินเสียงการขัดแย้งดังออกมาจากด้านใน เขาก็ต่อสายหาหยางจื้อเฉิงในทันที ก่อนเดินเข้ามา

พอดีกับที่ตอนนี้ผู้อำนวยการหลิวและคนอื่นๆ ขึ้นไปเยี่ยมเยียนคุณท่านหยางเซี่ยวหู่ ได้ยินประโยคอันร้ายกาจของทางนี้ อย่างพร้อมเพรียงกันชัดเจน

“คุณหลี่ ต้องให้ท่านมาเจอเรื่องบัดสีแบบนี้แล้ว” ผู้อำนวยการหลิวกล่าวด้วยรอยยิ้มขมขื่น “คุณวางใจเถอะ เรื่องนี้ผมจะให้คำอธิบายที่ดีกับคุณอย่างแน่นอน”

เมื่อเห็นทีท่าเกรงอกเกรงใจของผู้อำนวยการหลิวที่มีต่อหลี่ฝาง สกุลหรุ่ยถึงกับตัวแข็งทื่อในทันที

หยางจื้อเฉิงเองก็สบถอย่างไม่พอใจ “ก็แค่เลขาเล็กๆ คนหนึ่งยังกล้าอวดดี สมควรได้รับการตรวจสอบ!”

ประโยคของหยางจื้อเฉิง ทำให้อูเฉิงเย่ตกตะลึง เกิดกระวนกระวายใจขึ้นมา

แม้เขาจะไม่รู้จักหยางจื้อเฉิง แต่การปรากฏตัวเอิกเกริกแบบนี้ ก็รู้แล้วว่าหยางจื้อเฉิงไม่ใช่คนธรรมดาแน่

แถมเมื่อสักครู่ได้ยินประโยคของหยางจื้อเฉิง ตัดความเป็นไปได้ที่เขาจะขี้โม้ออก ถ้างั้นสถานะของเขาไม่สูงศักดิ์กว่าท่านพ่ออย่างนั้นเหรอ?

อย่างไรก็ตามหยางจื้อเฉิงและผู้อำนวยการหลิวต่างก็เกรงอกเกรงใจหลี่ฝาง หรือจะพูดว่านอบน้อมยำเกรง ถ้างั้น……หลี่ฝางมีสถานะอย่างไรกันแน่?

ตอนนี้เจียงถิงเองก็ประหลาดใจไม่น้อย หลี่ฝางเพื่อนคนนี้ที่เธอเพิ่งจะรู้จักได้ไม่นาน ตกลงเป็นใครกันแน่

หลี่ฝางยิ้มอ่อน กล่าว “อาหยาง ถ้างั้นทางนี้ฝากคุณจัดการด้วยนะครับ”

“ไม่มีปัญหา” หลี่ฝางพยักหน้า พอจะสบายใจขึ้นมาบ้าง

ทั้งหมดนี้เพราะหลี่ฝางไว้หน้าเขา ไม่เช่นนั้น หากหลี่ฝางเกิดโมโหลงมือจัดการด้วยตนเอง เรื่องนี้คงได้เป็นเรื่องใหญ่แน่

“เลขาฯ ตู้” หยางจื้อเฉิงเหลือบไปทางตู้เซิงหรง

ตู้เซิงหรงที่ตกใจมากตั้งแต่แรก เมื่อได้ยินเสียงเรียกจากหยางจื้อเฉิง ดึงสติตนเองกลับมาได้ในทันที พลันเดินขึ้นหน้าด้วยความนอบน้อมกล่าวเสียงแผ่ว “ผู้อำนวยการหยาง!”

คำเรียกขานนั้น ทำให้อูเฉิงเย่และหัวหน้าหรุ่ยตกใจอึ้ง

พวกเขาไม่คิดเลย ว่าชายวัยกลางคนตรงหน้าคือผู้อำนวยการหยางที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งใหม่เมื่อไม่นานมานี้

หยางจื้อเฉิงไม่แยแสความตกใจของทั้งคู่ เพียงกล่าวอย่างเรียบเฉย “เลขาฯ ตู้ แกกลับไปบอกเหล่าอูด้วย ให้เขาเตรียมตัวรับการตรวจสอบ”

ประโยคที่เรียบเฉย ได้บ่งบอกถึงการกระทำของเขาอย่างชัดเจน

ทันใดนั้น เหมือนว่าตู้เซิงหรงจะคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ รีบคลานลุกขึ้นมุ่งไปทางหยางจื้อเฉิงตะโกนลั่น “ผู้อำนวยการหยาง ทุกอย่างนี้เป็นฝีมือของผมคนเดียว ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับหัวหน้าอู หัวหน้าอู ทั้งหมดนี้ผม……”

หากเขาแบกรับเรื่องทั้งหมดนี้เอาไว้ อูเฉิงเย่ต้องเห็นแก่ความซื่อสัตย์นี้ ดีต่อครอบครัวของเขาแน่

“แกมีสิทธิ์ออกเสียงด้วยเหรอ?” หยางจื้อเฉิงตัดประโยคของตู้เซิงหรง หัวเราะเย็นชา “พวกทำร้ายคนอื่นอย่างพวกแก หนีไม่รอดแม้แต่คนเดียว!”

ทันใดนั้น อูเฉิงเย่และตู้เซิงหรงล้มพับลงกับพื้น

ทั้งคู่จบเห่แน่

หัวหน้าหรุ่ยที่อยู่อีกด้านใบหน้าขาวซีด เขารู้ดี สิ่งที่รอเขาอยู่นอกจากถูกไล่ออก ไม่มีทางเลือกที่สองแล้ว

ไม่ เขาต้องเผชิญกับการตรวจสอบหลังจากนั้นอีก ไม่แน่ อาจจะถึงกับขึ้นศาล……

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท