NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1162 หยางโล่จื้อ

บทที่ 1162 หยางโล่จื้อ

ณ ที่บางแห่งในเมืองตง ในตอนนั้นไท่ซางก็กอดซ้ายคนขวาคน สองสาวนัวเนียและกำลังป้อนผลไม้ให้เขา คนนึงกำลังนวดเขาเบาๆ ไท่ซางสีหน้าผ่อนคลาย สบายใจสุดๆ

ขณะนั้นตรงข้ามยังมีชายวัยกลางคนคนนึงพลางยืนคำนับ พลางยิ้มพูดด้วยสีหน้าประจบประแจงไท่ซาง: “ปรมาจารย์ไท่ซาง ไม่ทราบว่าท่านพอใจในการจัดการครั้งนี้มั้ยครับ?”

“ไม่เลวๆ” ไท่ซางพยักหน้า และเหลือบมองชายวัยกลางคน แล้วพูดพลางปัดมือ: “นายออกไปก่อน มีเรื่องอะไรค่อยมาเรียกฉัน”

ชายวัยกลางคนผู้นั้นก็ดีใจ และโค้งคำนับพลางพูดอีกครั้ง: “ขอบคุณมากครับปรมาจารย์ไท่ซาง……”

ยังไม่ทันพูดจบ จู่ๆ ก็มีชายหนุ่มคนนึงแทรกตัวเข้ามา และตะโกนด้วยความตกใจ: “พ่อ ไอ้เวรนั่นมันตีมาถึงแล้ว!”

“หึ รนหาที่ตาย!” ใบหน้าของชายวัยกลางคนโมโห เขารีบหันกลับมาพยักหน้าให้ไท่ซางพลางพูด: “ปรมาจารย์ไท่ซางครับ……”

“น่ารำคาญจริงๆ” ไท่ซางทำสีหน้าไม่อยากปล่อยสองสาว และขมวดคิ้วเดินออกไป

พ่อลูกสองคนด้านหลังสบตากัน ต่างทำหน้าพอใจ และเดินตามหลังไท่ซางออกไป

ไท่ซางพูด พลางเดินออกไปก่อน ด้านหลัง ชายวัยกลางคนนั้นดูมีความสุขเหลือเกิน และรีบตามออกไป

สำหรับปรมาจารย์ไท่ซางที่ไปเจออย่างบังเอิญ พวกเขานั้นมีความเชื่อใจอย่างแน่นอน

เมื่อสองวันก่อนพวกเขาเห็นกับตาตัวเองว่าปรมาจารย์ไท่ซางท่านนี้ สู้กับคนร่างใหญ่สิบกว่าคนจนล้มไปกองกับพื้นได้ด้วยตัวคนเดียว ที่ใช้ ก็มีแค่มือข้างเดียว แต่ละคนโดนตบไปทีเดียวเท่านั้น

ส่วนปรมาจารย์ไท่ซางที่เดินไปถึงด้านนอก กลับไม่ได้เห็นผู้คนมากมายมาล้อมไว้ เห็นเพียงแค่ชายผิวดำร่างสูงอย่างกับหอไอเฟล กำลังจ้องเขม็งมาที่นี่เท่านั้น

แค่คนคนเดียว ก็ทำให้กลุ่มรปภ.ที่เผชิญหน้ากับเขาไม่กล้าขยับเลย

เพราะว่ามีรปภ.ที่นอนกองอยู่กับพื้นเป็นบทเรียน

ชายร่างสูงนั้นแค่ต่อยคนละหมัด คนพวกนั้นก็ลุกไม่ขึ้นกันหมดเลย คนที่เหลือก็ไม่ได้โง่ ทำไมถึงต้องเข้าไปไฝว้กับเขาด้วย

“อย่ามาขวางทางฉัน ฉันไม่อยากต่อยพวกนายจนตาย!” ในที่สุดชายร่างสูงนั่นก็หมดความอดทน แสยะยิ้มอย่างโหดเหี้ยม และพุ่งเข้าไปตรงประตูใหญ่

แต่แค่เมื่อเขาพุ่งเข้ามาถึงหน้าประตู ก็เห็นชายผิวดำร่างบางเดินออกมาจากประตู และถีบเข้าไปที่ท้องของชายร่างสูง

เสียงดังปัง ทำเอาชายร่างสูงนั้นถูกถีบจนกระเด็นปลิวออกไป และไปกระแทกกับผนังที่ไกลออกไปหลายสิบเมตรอย่างแรง จนทั้งร่างประทับแนบกับกำแพง หลังจากกระอักเลือดออกมาก็เงียบไป

ส่วนชายร่างบางนั้นก็คือปรมาจารย์ไท่ซาง ทำสีหน้าไม่พอใจสุดๆ พลางพูดด่า: “เสียเวลากูจริงๆ เลยวุ้ย!”

ไท่ซางเหลือมองพ่อลูกคู่นั้นอย่างไม่พอใจสุดๆ และพูดหึ: “แค่สาวสองคน จะคู่ควรกับฐานะของฉันได้ยังไง แลกกับการที่ฉันออกโรงให้ครั้งนี้ พวกนายไปหาสาวสวยมาเพิ่มให้ฉันอีกสองคน!”

พ่อลูกคู่นั้นแสดงให้เห็นถึงสีหน้าลำบากใจ แต่เมื่อไท่ซางส่งสายตาดุดันมาก็เปลี่ยนคำพูดเป็นประจบทันที: “ไม่มีปัญหาครับ พวกเรา……”

“ไท่ซาง ช่วงนี้นายไม่เลวนี่?” ในขณะนั้น ก็มีเสียงที่เย็นชาดังขึ้นจากข้างหูคนดู

พ่อลูกคู่นั้นหันไปมองอย่างตกใจและโมโห อยากจะดูว่าใครกันที่กล้าเรียกชื่อปรมาจารย์ไท่ซางห้วนๆ แบบนี้

และที่ทำให้พวกเขาคาดไม่ถึงก็คือ ไท่ซางที่ท่าทีดูสูงส่งเมื่อครู่ เมื่อได้ยินเสียงนี้สีหน้ากลับเปลี่ยน ใบหน้าของเขาปรากฏความประจบขึ้นมาทันที และยิ้มพลางคำนับเล็กน้อย: “ลูกพี่ ผมแค่ออกมาพักผ่อนนิดหน่อย พักผ่อนนิดหน่อยน่า……”

เสียงเย็นชานั้นหึอย่างเย็นชาครั้งนึงพลางพูด: “เอาล่ะ ไปเถอะ!”

“ครับ ลูกพี่!” ไท่ซางรีบก้าวเท้า ด้วยความเร็วสุดๆ ก็หายไปจากสายตาของพ่อลูกคู่นั้น

ทิ้งให้พ่อลูกคู่นั้น ยืนสับสน ไม่รู้ว่าจู่ๆ มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่

ที่เมืองจินซาน คฤหาสน์ตระกูลหยาง

“คนต่างชาติพวกนั้นต่างผิดสัญญากันหมดจริงๆ เหรอ? พวกเขาเป็นบ้ากันหรือยังไง?” หยางเทียนลี่มองหยางฉงอย่างอึ้งๆ ราวกับไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เธอพูด

“ถูกแล้ว นอกจากความร่วมมือของต่างประเทศ คนในประเทศพวกนั้นตอนนี้กระสับกระส่ายกันนิดหน่อย” หยางฉงพูดอย่างนิ่งๆ

“ทำไมถึงเป็นแบบนี้!” หยางเทียนลี่รู้สึกแย่สุดๆ นี่ล้วนแต่เป็นการร่วมมือทางธุรกิจที่เขารักษามาอย่างยากลำบาก

คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะลงมือเร็ว และโหดเหี้ยมขนาดนี้

เห็นทีว่านี่เป็นการไตร่ตรองไว้ล่วงหน้าแล้ว คงเล็งตระกูลหยางไว้นานแล้ว เมื่อนายท่านหยางจากไป ก็จะลงมือทันที นี่มันเหี้ยมจริงๆ !

เมื่อเทียบกับหยางเทียนลี่ หยางฉงกลับทำหน้านิ่งๆ และพูด: “เรื่องพวกนี้ตอนนี้เราอย่าเพิ่งไปสนใจ รอให้ส่งคุณปู่ไปอย่างสงบแล้ว ค่อยมาหาทาง”

“อะไรนะ? เธอยังคิดจะหาทางอะไร” ทันใดนั้นหยางเทียนลี่ก็จ้องเขม็งไปทางหยางฉงและตะคอกขึ้น “เส้นทางธุรกิจของตระกูลหยางกำลังถูกตัดแล้ว ยังจะคิดหาทางอะไรอีก!หลี่ฝางบอกว่าจะรีบกลับมาไม่ใช่ไง ไหนล่ะคน!”

“ระวังคำพูดที่นายพูดกับฉันด้วย คุณอาซาน!” เสียงเย็นชาของหยางฉงดังขึ้น “ฉันคือหัวหน้าของตระกูลหยาง ถ้านายยังคิดจะใช้ท่าทีแบบนี้กับฉันต่อ ฉันไม่ลังเลที่จะใช้กฎของตระกูล!”

เมื่อได้ยินคำพูดของหยางฉง หยางเทียนลี่ก็ชะงักไป จู่ๆ ก็เหมือนราวกับนึกขึ้นได้ ว่าตอนนี้หยางฉงได้เป็นหัวหน้าตระกูลหยางไปแล้ว

เมื่อเห็นสีหน้าของหยางเทียนลี่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ หยางฉงจึงหึอย่างเย็นชา และไม่ได้ตำหนิต่อ

“เรื่องที่ตอนนี้หลี่ฝางกลับมาแล้ว จะให้พวกนายรู้ได้ยังไง?” หยางฉงแอบคิดอยู่ในใจ ในใจเต็มไปด้วยความเชื่อมั่นในตัวหลี่ฝาง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท