NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1127 ราชาอยู่บนเวทีเดียวกัน

บทที่ 1127 ราชาอยู่บนเวทีเดียวกัน

ทันใดนั้น ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ต่างสงบจิตสงบใจลง มีซูจื้อเย่อยู่ทั้งคน พวกเขาก็ไม่หวาดกลัวต่อฐานะยอดฝีมือนักรบที่ว่าของหลี่ฝางโดยสิ้นเชิง

และทางด้านหลี่ฝางในเวลานี้ หลังจากที่ข่งจูลังเลอยู่อีกหลายครั้ง ในที่สุดก็อดไม่ได้ที่จะถามความสัมพันธ์ระหว่างหลี่ฝางและลู่เผิงเฟย

เพราะถึงยังไงตอนที่พวกเธอทั้งสามคนฟังที่หลี่ฝางและลู่เผิงเฟยคุยกัน ก็ได้คาดเดาฐานะของหลี่ฝางอยู่ตลอดเวลา มันทำให้พวกเธออึดอัดแทบตายจริง ๆ

ลู่เผิงเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม: “ก่อนหน้านี้เคยเจอกันมาสองสามครั้ง” คำตอบนี้ของเขา ก็เพราะหลังจากที่ได้ทราบว่าหลี่ฝางจงใจที่จะปิดบังตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง เขาถึงได้กล่าวเช่นนี้

แต่ข่งจูไม่ได้อยากจะฟังคำตอบเช่นนี้หรอกนะ เธอเพียงต้องการทราบฐานะของหลี่ฝาง ว่าตกลงแล้วเป็นใครมาจากไหน

“แต่ว่า ตอนนี้พวกคุณสองคนก็นับว่าเป็นศัตรูหัวใจแล้วสินะ?” ข่งจูครุ่นคิดอยู่สักพัก จึงเปลี่ยนวิธีการพูดเพื่อทดสอบต่อไป

ลู่เผิงเฟยชะงักงันไปสักพัก อดไม่ได้ที่จะมองฟางหยู่ถงแวบหนึ่ง และพลันยิ้มขึ้นมา: “ไม่ เขาไม่ใช่”

เมื่อคำพูดนี้เอ่ยออกมา พลันทำให้ฟางหยู่ถงที่ไล่ตีข่งจูด้วยความเขินอายอยู่นั้นชะงักงันไปทันที

ไม่สนใจความประหลาดใจของทุกคน ลู่เผิงเฟยยังคงกล่าวด้วยรอยยิ้ม: “ดวงตาคู่นี้ของผมถึงแม้จะไปแหลมคมเหมือนคุณพ่อของผม แต่ก็มองอะไรได้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง ดังนั้น……”

ลู่เผิงเฟยจงใจเอ่ยเพียงครึ่งเดียว ฟังจนพวกข่งจูและสวู่เจินเจินงงงันไปหมด แต่เมื่อคำพูดนี้ตกเข้าที่หูของหลี่ฝางและฟางหยู่ถงนั้นไม่เหมือนกันโดยสิ้นเชิง เพราะพวกเขาเข้าใจดี เพียงแวบเดียวลู่เผิงเฟยก็สามารถมองความสัมพันธ์คู่รักจอมปลอมของทั้งสองคนออก

“ลู่เผิงเฟยคนนี้ สมกับที่เป็นทายาทผู้สืบทอดของตระกูลลู่จริง ๆ ร้ายกาจ” หลี่ฝางแอบชื่นชมอยู่ในใจ จู่ ๆ เขาก็ไอเบา ๆ ขึ้นมา และมองลู่เผิงเฟยอย่างเขินอาย

ถึงแม้ระหว่างหลี่ฝางและฟางหยู่ถงจะเป็นเพียงการแสดงละคร แต่เรื่องนี้จะให้พวกข่งจูรู้เข้าไม่ได้ ไม่อย่างนั้นวันนี้คงจบไม่สวยแน่ ๆ ดังนั้น หลี่ฝางจึงได้แต่เพียงเตือนลู่เผิงเฟยอย่างเงียบ ๆ

ลู่เผิงเฟยเข้าใจภายในชั่ววินาทีเดียว จึงหาหัวข้อข้ามเรื่องนี้ไป พวกข่งจูผู้หญิงทั้งสองคนเหมือนจะเข้าใจแต่ไม่เข้าใจ เหมือนกับว่าคาดเดาอะไรบางอย่างได้ จึงไม่ถามต่อไปอย่างชาญฉลาด ทุกคนต่างรักษาบรรยากาศกลมกลืนนี้ไว้โดยไม่ได้นัดหมาย

……

เวลาค่อย ๆ ผ่านไปจนมาถึงตอนกลางคืน งานเรื่องฉลองครบรอบวันเกิดครั้งนี้ก็ได้มาถึงจุดสูงสุด และดาววันเกิดในค่ำคืนนี้ และนั่นก็คือคุณย่างของฟางหยู่ถงโจวยู่ยิน ก็ได้ปรากฏตัวขึ้นภายใต้การโอบล้อมอย่างพรั่งพรูของทุกคน

ถึงแม้หญิงชราจะอายุมากแล้ว แต่ยังคงมีชีวิตชีวาอยู่เลย ผมขาวเต็มหัว ดวงตาสว่างสดใส ร่างกายเองก็ค่อนข้างแข็งแรง

และกลุ่มคนที่สามารถยืนอยู่ที่ข้างกายของโจวยู่ยินในตอนนี้ได้ ดูก็รู้ทันทีว่าไม่ใช่คนธรรมดา

“เห็นสี่คนที่ยืนอยู่ข้างกายคุณย่านั่นไหม? พวกเขาเป็นคนที่มีฐานะสูงที่สุดในงานนี้” ณ เวลานี้ ฟางหยู่ถงได้เอ่ยขึ้นมาเบา ๆ ที่ข้างกายหลี่ฝาง

คนที่อยู่ซ้ายสุดคือคุณพ่อของซูจื้อเย่ หลี่เฉิน สองท่านที่อยู่ข้าง ๆ คนหนึ่งเป็นคนใหญ่คนโต อีกคนคือภรรยาของเจ้าบ้านตระกูลสวู่ สวู่ยู่ และก็คือคุณป้าของเจินเจินนั่นเอง”

สวู่เจินเจินสาวสวยคนนี้ไม่ธรรมดาอย่างที่คิดไว้จริง ๆ หลี่ฝางคิดอยู่ในใจ

“ส่วนคนสุดท้าย……” ฟางหยู่ถงพึ่งเอ่ยปากพูด ก็ได้ถูกเสียงที่น่ารังเกียจขัดจังหวะไป: “คนสุดท้ายท่านนั้น คือคนของตระกูลหยาง”

เป็นซูจื้อเย่ที่ไม่รู้ว่ามุดออกมาจากตรงไหนอีก

ณ เวลานี้ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสายตาที่ทุกคนมองมา ซูจื้อเย่ก็ได้กล่าวอย่างภาคภูมิใจ: “ท่านนั้นคือหยางเทียนลี่บุตรชายคนที่สามของคุณท่านหยางเซี่ยวหู่ ความจริงแล้วเดิมทีตระกูลหยางก็ไม่นับอะไร ตอนนี้กลับบุญหล่นทับ ตำแหน่งสถานะสูงขึ้นมาอย่างกะทันหัน ไม่อย่างนั้นล่ะก็ จะมีคุณสมบัติพอยืนอยู่กับทั้งสามท่านนั้นได้ยังไงกัน!”

กล่าวอยู่แบบนี้ ซูจื้อเย่เห็นว่าหยางเทียนลี่สามารถยืนอยู่กับคุณพ่อของตัวเองได้อย่างไม่คาดคิด ทั้งรู้สึกดูถูกเหยียดหยาม ทั้งรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย

“ได้ยินมาว่าตระกูลหยางมีลูกสาวที่ดี ได้ลูกเขยเป็นปรมาจารย์กำลังภายใน ทำให้ฐานะของตระกูลพุ่งสูงขึ้นมาทันที อยู่ที่เมืองจินซานแห่งนี้ ไม่มีใครกล้าดูถูกอีก”

กล่าวอยู่เช่นนี้ น้ำเสียงของซูจื้อเย่ทั้งอิจฉาริษยา ทั้งดูถูกเหยียดหยาม เต็มไปด้วยรสชาติอันขมขื่น บางอย่าง ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าทรมานเพียงใด

“ตระกูลหยางมีปรมาจารย์กำลังภายในจริง ๆ แล้วงั้นเหรอ?” ข่งจูอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมา

แม้ว่าเรื่องนี้จะแพร่กระจายไปทั่ว แต่ถึงยังไงก็เป็นเพียงแค่ฉันเล่าให้คุณฟังคุณเล่าให้ฉันฟัง คนที่อายุยังน้อยอย่างพวกเธอ ไม่ทราบเรื่องราวที่แท้จริงเลยสักนิด

“แน่นอน ข่าวกรองของตระกูลซู ไม่มีทางผิดพลาด” ซูจื้อเย่กล่าวด้วยท่าทางภาคภูมิใจ

“หยางฉงร้ายกาจจริง ๆ แม้กระทั่งปรมาจารย์กำลังภายในยังสามารถเอาอยู่หมัดได้!” ข่งจูอิจฉาสุดขีด: “ถ้าฉันเองก็ได้พบกับปรมาจารย์กำลังภายในเหมือนกันก็คงจะดี!”

“ตัวเล็ก ๆ อย่างเธออย่าคิดเลยเถอะ” ฟางหยู่ถงอดไม่ได้ที่จะลูบหัวเล็ก ๆ ของข่งจูพลางกล่าวหยอกล้อ: “หยางฉงสวยมากเชียวนะ อีกทั้งเธอยังมีขาเรียวยาวคู่หนึ่ง ขาเรียวยาวน่ะ!”

“หึ! ถ้าหากปรมาจารย์กำลังภายในคนนั้นเห็นฉันแล้วตกหลุมรักเข้าให้ล่ะ!” ข่งจูกล่าวพลางทำเสียงฮึดฮัด: “อย่ามาลูบหัวฉันนะ แล้วก็เลิกหาว่าฉันเตี้ยซะที!”

เมื่อได้ยินคำพูดของข่งจู หลี่ฝางเกือบจะสำลักน้ำลายตัวเอง จึงรีบไอออกมา เพื่อกลบเกลื่อนความเขินอายของตัวเอง

เธอพูดแบบนี้ต่อหน้าคนที่เธอนินทา มันทำให้คนเขินอายมากเลยนะ!

“เอ๊ะ ผมคิดขึ้นมาได้แล้ว” ในตอนนั้นเอง ซูจื้อเย่ก็ได้หันไปมองหลี่ฝางอย่างไม่ประสงค์ดีพลางยิ้มเย้ยขึ้นมา: “หัวหน้ารปภ. ของพวกเรา ชื่อเดี๋ยวกันกับปรมาจารย์กำลังภายในท่านนั้นเชียวล่ะ! หลี่ฝาง นายคงจะไม่ได้รู้จักกับปรมาจารย์กำลังภายในท่านนั้นหรอกนะ!”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท