NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1164 แผนการของหยางฉง

บทที่ 1164 แผนการของหยางฉง

หยางโล่จื้อพูด พลางควักบัตรออกมา

“ในบัตรใบนี้มีอยู่สี่แสนกว่า ฉัน ฉันชดเชยให้เขา รหัสคือ6 6ตัว”

“วางบัตรลง แล้วไสหัวไปซะ!” หลี่ฝางพูดเสียงเย็นชา

หยางโล่จื้อวางบัตรและรีบคลานลุกขึ้นมา กระโดดขึ้นรถและออกไป ผู้หญิงที่มากลับเขาตอนนี้ถึงจะได้สติกลับมา กรีดร้องขึ้นและในที่สุดก็ขึ้นรถไปก่อนที่หยางโล่จื้อจะออกรถ ไม่นานทั้งสองก็หายวับไป

“ไร้ประโยชน์!” หลี่ฝางด่าอย่างอดไม่ได้

ไม่รู้ว่าพ่อของหยางโล่จื้อนั้นเป็นใคร แต่พอมาคิดดู ไม่ว่าจะเป็นหยางจื้อเฉิงหรือว่าหยางเทียนลี่ เหมือนว่าก็จะไม่ได้สอนลูกชายตัวเองแบบนี้ เป็นไปได้มั้ยว่าพ่อของหยางโล่จื้อจะเป็นหยังเซิงโหย่วผู้ดีเบอร์หนึ่งของตระกูลหยาง?

คิดดูก็พอมีทางเป็นไปได้จริงๆ

หลี่ฝางส่ายหน้า และเอาบัตรใบนั้นให้ไอ้หลิว และตรวจดูแทนเขาสักครู่ ก็พบว่ามีแค่รอบฟกช้ำเล็กน้อย ไม่ได้มีแผลใหญ่อะไร จึงพูดปลอบไม่กี่คำและจากไป

ส่วนในตอนนั้นหยางโล่จื้อก็หนีไปมั่วซั่ว ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าขับรถไปที่ไหน ยากกว่าจะใจเย็นลงได้ ถึงได้หยุดรถลง

สาวฮ็อตที่อยู่ข้างเขามองดูเขาที่ทำสีหน้ายุ่งเหยิง และหยิบกระดาษขึ้นมาห่อนึงเช็ดให้เขา ก็ถูกเขาผลักออก และตะโกนอย่างเคียดแค้น: “ไอ้ลูกหมา กล้าทำแบบนี้กับฉัน รอฉันเรียกคนมาสับแขนขาแก และโยนเข้าไปในบ่อขี้เลี้ยงเหมือนหมู!”

ขณะที่เขาตะโกนด่าออกมา จู่ๆ ก็มีรถหรูสีดำสองคันพุ่งเข้ามา ด้านหน้าคันนึงด้านหลังคันนึงขวางทางเขาไว้

จากนั้นก็มีชายร่างใหญ่ปิดหน้าหลายคนกระโดดลงมาจากรถ และทุกกระจกรถเขาจนแตก และฝืนลากเขาออกมาจากรถ

“พวกนายจะทำอะไร!”

“ฉันเป็นคนตระกูลหยางนะ!พี่เขยฉันคือหลี่ฝาง!ปรมาจารย์กำลังภายใน!”

“พวกนายกล้าจับฉัน ไม่กลัวพี่เขยฉันฆ่าพวกนายทิ้งหรือยังไง!”

หยางโล่จื้อเพิ่งร้องไปไม่กี่คำ ก็ถูกต่อยจนหมดสติไป และก็ถูกลากเข้าไปในรถและจากไป

ส่วนสาวฮ็อตที่นั่งอยู่ตรงที่นั่งข้างคนขับ ตอนนั้นก็ช็อกจนเอ๋อไปเลย

ณ ตระกูลหยาง

“ลูกชายฉันถูกลักพาตัวไป?” หยางเทียนลี่ตะโกนด้วยสีหน้าโมโห “ใครทำกัน!”

“มะ ไม่ทราบครับ กล้องวงจรปิดตรงนั้นเสียหมดเลยครับ” ลูกน้องตอบอย่างระมัดระวัง

หยางเทียนลี่ทรุดตัวลงบนเก้าอี้ด้วยสีหน้าชาๆ : “เป็นฝีมือใครกันแน่?”

“คุณอาซาน ใจเย็นก่อน” หยางฉงที่อยู่ด้านข้างพูดอย่างนิ่งๆ “โล่จื้อถูกจับตัวไปไม่ได้ถูกฆ่า อีกฝ่ายจะต้องมีเรื่องที่ต้องการแน่ๆ”

หยางเทียนลี่ถอนหายใจเฮือกใหญ่พลางพูด: “หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น”

หลี่ฝางทายผิดไปหน่อย หยางโล่จื้อไม่ใช่ลูกชายของหยังเซิงโหย่ว แต่เป็นลูกชายของหยางเทียนลี่

และ ไม่นานลูกน้องคนนึงก็ถือจดหมายฉบับนึงวิ่งเข้ามา ด้านบนเขียนว่า “อยากได้ชีวิตของหยางโล่จื้อจงทำตามนี้ซะ”

ทุกคนเริ่มอ่านเนื้อหาในจดหมายอย่างรวดเร็ว

“เตรียมทองคำหนักสิบกิโลเอาไว้ และบ่ายสองโมงวันพรุ่งนี้ให้คุณหนูหยางฉงนำไปที่จตุรัสจิงซานเพียงคนเดียว พวกเราจะแลกเปลี่ยนตัวหยางโล่จื้อกันที่นั่น”

“ถ้าหากคุณหนูหยางฉงไม่ได้มาคนเดียว พวกเราจะทิ้งชีวิตของหยางโล่จื้อไว้ที่นั่น”

ง่ายๆ ตรงๆ ไม่ลงชื่อ

เมื่ออ่านจดหมายนี้จบ ทุกคนก็เงียบไป

“เสี่ยวฉง ในจดหมายเขียนว่า……” หยางเทียนลี่พูดลองเชิงอย่างระวัง

เขาเพิ่งจะพูดออกมา พ่อของหยางฉงหยางเทียนเฉิงก็พูดอย่างโมโหทันที: “เหล่าซาน นายหมายความว่าไง? จะให้เอาลูกสาวฉันไปแลกกับลูกชายนาย? ทำไมนายถึงได้กล้าเอ่ยปากออกมากัน!”

ภรรยาของหยางเทียนลี่ที่อยู่ด้านข้างก็ทนไม่ไหวแล้ว พูดอย่างไม่พอใจ: “พี่รอง อย่าพูดให้มันไม่น่าฟังสิ ให้เอาลูกสาวพี่ไปแลกลูกชายพวกเราที่ไหนกัน ที่เขาต้องการก็คือทองคำ ก็แค่ให้เสี่ยวฉงนำไปส่งเฉยๆ ครอบครัวเดียวกัน แค่นี้ก็ช่วยไม่ได้เหรอ?”

“ถุย!” หยางเทียนเฉิงตะโกนอย่างโกรธจัด: “แค่ให้หยางฉงไปส่งทองคำ? ภรรยาเหล่าซาน เธอไม่มีสมองจริงๆ หรือแกล้งโง่? ทำไมเธอถึงไม่ให้แม่เธอไปส่งล่ะ เธอมันหน้าไม่อายจริงๆ?”

“พี่รองพี่พูดอะไรเหนี่ย!” เหล่าซานหยางเทียนลี่ก็โมโหแล้ว ลูกชายตัวเองโดนจับไปก็อารมณ์ไม่ดีมากพอแล้ว คราวนี้ก็ใช้โอกาสนี้ระบายความโกรธ: “ฉันพูดแค่นิดเดียว นายถึงกับต้องกัดกันอย่างกับหมาบ้าเลยเหรอ?”

“เหล่าซานแกหุบปากไปซะ!” ในที่สุดลูกพี่อย่างหยางจื้อเฉิง ก็พูดขึ้นเสียงเข้ม “ทะเลาะๆ ทะเลาะกันอยู่นั่นและ ตอนนี้มันเวลาอะไรแล้ว ยังจะมาทะเลาะกันอยู่ได้!เรื่องนี้ ค่อยๆ ปรึกษากันให้ดีก่อนเถอะ……”

“ยังจะต้องมาปรึกษาอะไรกันอีก?” หยางเทียนลี่ไม่เอาด้วยแล้ว ชักสีหน้าทันที “ลูกชายของฉันถูกลักพาตัวไป ไม่แน่ตัวประกันก็อาจจะถูกฆ่าวันพรุ่งนี้แล้ว ยังจะต้องมาปรึกษาอะไรกันอีก?”

หยางฉงมองคนทะเลาะกันไม่หยุด ราวกับตระกูลหยางจะสู้กัน ความโศกเศร้าก็แว๊บเข้ามาในดวงตาของเธอ

“หุบปากให้หมดนั่นแหละ!” จู่ๆ หยางฉงก็ตะโกนเสียงดัง กดเสียงของทุกคนลง

ทุกคนจึงนิ่งและหันสายตามองไปทางหยางฉง

“เตรียมของให้พร้อม พรุ่งนี้ฉันจะไป” หยางฉงทิ้งคำพูดนี้ไว้ และหันเดินจากไป

หยางเทียนลี่ทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ด้วยความสิ้นหวัง เข้าใจว่าแม้วิกฤตนี้จะผ่านพ้นไป แต่หลังจากนี้เขาก็จะไม่มีฐานะอะไรในตระกูลหยางแล้ว

บ่ายวันถัดมา

ทองคำหนักสิบกิโลกรัมสำหรับหยางฉงแล้วเป็นภาระที่หนักอึ้ง ดังนั้นเธอจึงใช้กล่องรถเข็นเข็นไปยังจตุรัสจิงซาน

ที่จัตุรัสนี้มีแต่ผู้คนเต็มไปหมด หยางฉงมองไปซ้ายขวาอย่างระแวงสุดๆ จู่ๆ ก็เห็นชายผิวขาวร่างใหญ่เดินเข้ามาหาเธอ

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท