ท้องฟ้านั้นเปลี่ยนสีไป มีแสงอาทิตย์สาดส่องลงมาผ่านหน้าต่าง หลี่ฝางนั่งอยู่ที่พื้นห้องรับแขกอย่างหมดอาลัยตายอยาก มีหมอกวนอยู่รอบๆ ในห้องนั้นเหมือนจะมีกลิ่นหอมของควันอย่างชัดเจน
พอจะเดาได้จากใบหน้าที่เหนื่อยอ่อนของหลี่ฝางได้ไม่ยาก เมื่อวานเขานอนไม่หลับ โทรศัพท์นั้นอยู่ในหน้าของโทรศัพท์มาตลอด ด้านบนนั้นเป็นเบอร์ที่เขาคุ้นเคยจนไม่รู้จะคุ้นเคยอย่างไรแล้ว
คืนนี้เขาคิดว่าอยากจะโทรหาฉินวี่เฟยดีไหม ในใจก็สับสนเป็นอย่างมาก เขานั่งอยู่อย่างนั้นอย่างคิดอะไรไม่ออกทั้งคืน จนกระทั่งฟ้าสาง เขาถึงจะขยับร่างกาย
เพราะนั่งอยู่นานขาทั้งสองข้างเลยชาไปหมด หลี่ฝางเสียแรงไปมากก่อนจะลุกขึ้นมาได้ เพราะเลือดนั้นมันเดินไม่สะดวก ขาทั้งสองข้างเลยมีท่าทีแปลกๆเป็นอย่างมาก
จู่ๆ ที่ประตูก็มีเสียงดังเข้ามา เหมือนมีคนกำลังไขประตูอยู่
“วี่เฟย?!” หลี่ฝางมองออกไปด้านนอกด้วยความดีใจ เขายังคิดว่าฉินวี่เฟยกลับมาแล้ว เลยเดินเข้าไปที่ประตูด้วยความตื่นเต้น
แต่หลังจากที่เห็นอย่างชัดเจนแล้วก็ต้องหยุดก้าวเดิน พลางมองหญิงวัยกลางคนที่อยู่ตรงหน้าด้วยใบหน้าดำคร่ำเครียด “คุณเป็นใคร?ทำไมถึงมีกุญแจที่นี่ได้?”
บ้านนี้เป็นที่หวานชื่นของฉินวี่เฟยและหลี่ฝาง ขนาดครอบครัวของฉินวี่เฟยยังไม่มีกุญแจเลย แล้วหญิงวัยกลางคนคนนี้คืออะไรกัน?
หญิงวัยกลางคนเองก็ตกใจเพราะหลี่ฝาง เห็นเพียงเธอตบหน้าอกของตัวเอง ก่อนจะกลอกตาใส่หลี่ฝาง แล้วพูดขึ้นด้วยความติดสำเนียงเสฉวน
“ฉันตกใจหมดเลยจริงๆ คุณนี่เป็นอะไรกันแน่ ในห้องเองก็ไม่เถียงอะไร เมื่อเห็นความรกรุงรังของคุณแล้ว อายุเท่านี้ก็ไม่รู้จักเก็บกวาดแล้วเหรอ”
หลี่ฝางแอบตรวจสอบความสามารถของหญิงวัยกลางคนเล็กน้อย หลังจากที่มั่นใจแล้วว่าเธอเป็นคนธรรมดาก็เลิกระแวง “คุณป้า นี่เป็นห้องของแฟนสาวฉันชื่อฉินวี่เฟย คุณมีกุญแจที่นี่ได้อย่างไร?”
“อ๋อ คือคุณหนูวี่เฟยให้ฉันมาเอง เธอบอกว่าเธอไม่เอาห้องนี้แล้ว ให้ขายในราคาถูกเลย ฉันเป็นนายหน้า หลังจากที่เอากุญแจมาแล้วก็มาดูสักหน่อย” หญิงวัยกลางคนพูดพลางเดินไปมาในห้อง กวาดตามองเล็กน้อย ก็พยักหน้าด้วยความพอใจ
“ห้องนี้ไม่เลวเลยจริงๆ ที่ตั้งก็ดีไม่น้อยเลย ถึงจะเป็นมือสอง แต่ว่าตกแต่งเอาไว้เรียบร้อยแล้ว น่าจะขายได้ราคาดีเลยล่ะ”
หลี่ฝางในตอนนี้ทำอะไรไม่ถูกเลย ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เดาไม่ถูกว่าฉินวี่เฟยเพิ่งจะบอกเลิกอย่างไร้เยื่อใยเมื่อวาน วันนี้กลับมาขายบ้านแห่งรักหลังนี้เลยเหรอ
เธอนั้นเกลียดตัวเองขนาดนั้นเลยหรือไง?
“ไม่ได้ คุณจะขายบ้านหลังนี้ไม่ได้นะ!” หลังจากที่หลี่ฝางมีสติกลับมาก็รีบจับแขนของหญิงวัยกลางคนเอาไว้ พลางตะโกนเสียงดังด้วยอารมณ์ตื่นตัว
“โอ้ๆ จะตายอยู่แล้ว!รีบปล่อยมือนะ ปล่อยมือ!” คนธรรมดาจะรับแรงของหลี่ฝางไหวได้อย่างไรกัน หญิงวัยกลางคนถูกเขาจับจนร้องออกมาเสียงดังด้วยความเจ็บปวด
เมื่อเห็นใบหน้าที่ซีดเซียวของหญิงวัยกลางคน หลี่ฝางถึงได้ปล่อยมือออก “คุณป้า ฉันซื้อห้องนี้เอง คุณบอกราคามาเลย”
นี่เป็นบ้านแห่งรักของหลี่ฝางกับฉินวี่เฟย เขาไม่มีทางให้คนอื่นเข้ามาอยู่แทน ในเมื่อฉินวี่เฟยอยากขาย ตัวเองซื้อเอาไว้ก็ได้
หญิงวัยกลางคนนวดแขนที่เจ็บปวดของตัวเอง ก่อนจะกลอกตาด้วยความไม่สบอารมณ์ “คุณชื่อหลี่ฝางใช่ไหม?คุณหนูวี่เฟยบอกแล้ว ว่าจะขายให้ใครก็ได้ที่ไม่ใช่คุณ ดังนั้นคุณรีบเก็บของแล้วไปเถอะ เดี๋ยวผู้ซื้อจะมาดูบ้านแล้ว”
เมื่อได้ยินคำพูดของหญิงวัยกลางคน ในใจของหลี่ฝางก็เจ็บปวดขึ้นมา ฉินวี่เฟยหมายความว่าอย่างไรกันนะ?นี่จะตัดขาดกับตัวเองไปเลยจริงๆ เหรอ?
เมื่อคิดว่าชีวิตนี้จะไม่ได้เจอฉินวี่เฟยอีก หลี่ฝางก็ใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม เลยรีบโทรหาฉินวี่เฟยอย่างไม่คิด แต่เมื่อเสียงโทรติดขึ้นก็ถูกตัดสาย เป็นแบบนี้หลายครั้ง เห็นได้ชัดว่าฉินวี่เฟยนั้นบล็อกเบอร์หลี่ฝางไปแล้ว
“ฉันว่านะหนุ่มน้อย คุณอย่าคิดจะเป็นหมามองเครื่องบินเลย คนอย่างคุณหนูวี่เฟย สวยราวกับนางฟ้าแบบนั้น คนต้องรู้ตัวเองหน่อยถึงจะถูก คุณรีบไปเถอะ ฉันยังต้องจัดของในห้องให้เรียบร้อยอีก”
หญิงวัยกลางคนเห็นหลี่ฝางโทรหาฉินวี่เฟยไม่ติด เลยคิดว่าเขาเป็นคนที่มาจีบฉินวี่เฟยอย่างบ้าคลั่ง ในตาก็มีความไม่แยแสอยู่มาก เลยพยายามไล่ให้หลี่ฝางออกไปสักที
“ของในห้องเธอเองก็ไม่เอาแล้วงั้นเหรอ?” หลี่ฝางมองของที่อยู่ในห้อง พลางถามด้วยความไม่เชื่อ
ต้องรู้ว่าห้องนี้มีของมากมาย เป็นของที่เขากับฉินวี่เฟยจัดแต่งกันมาด้วยใจ ฉินวี่เฟยจะบอกว่าไม่เอาก็คือไม่เอางั้นเหรอ?
“คุณหนูวี่เฟยเป็นคนรวย ทิ้งขว้างของมันก็ไม่แปลกไม่ใช่เหรอ?คุณอย่าขวางการทำงานของฉันเลย รีบไปได้แล้ว ไปๆ ” หญิงวัยกลางคนหมดความอดทนกับหลี่ฝาง และไม่อยากจะเสียเวลาพูดกับหลี่ฝางอีก เลยผลักหลี่ฝางออกไปด้านนอก
“เดี๋ยวก่อน บ้านนี้ฉันซื้อแล้ว ไม่ว่าจะราคาเท่าไหร่ฉันก็จะเอา แล้วฉันก็จะให้คุณอีกล้านหนึ่ง เพื่อเป็นค่านายหน้า”
ในเมื่อฉินวี่เฟยจะขาย งั้นเขาซื้อเอาไว้ก็ได้ ถึงอย่างไรเขาก็มีเงิน ไม่ว่าอย่างไรห้องนี้เขาก็จะไม่ยอมให้ใครเด็ดขาด
เมื่อหญิงวัยกลางคนได้ยินว่าหลี่ฝางจะให้ตัวเองล้านหนึ่ง นายหน้าก็ใจเต้นแล้ว เลยยืนลังเลอยู่ที่หน้าประตูอยู่นาน “ค่านายหน้าหนึ่งล้านห้าแสน!ถ้าน้อยกว่านี้ฉันไม่ขาย!ถึงอย่างไรคุณหนูวี่เฟยก็กำชับเอาไว้ว่าห้ามขายให้คุณเด็ดขาด”
“ไม่เป็นไร ฉันจะให้คุณครบทุกบาททุกสตางค์” หลี่ฝางตกลงโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ท่าทีสบายอารมณ์นี้ทำให้หญิงวัยกลางคนเสียดาย เธอน่าจะเพิ่มเงินให้มากกว่านั้นอีกสักหน่อย!
แต่เงินราวหนึ่งล้านห้าแสนนี้ก็ไม่น้อยแล้ว ถ้าขายให้คนอื่น อย่างมากก็ได้ค่านายหน้าแค่ไม่กี่แสน หญิงวัยกลางคนคิดออก เลยมีท่าทีที่ดีกับหลี่ฝางเล็กน้อย
“แหะๆ หนุ่มน้อย บ้านนี้ ตามราคาท้องตลาดน่าจะราคาราวๆ แปดล้านเลยล่ะ ถ้าคุณอยากจะซื้อเงินสดล่ะก็ ฉันลดให้คุณได้สิบเปอร์เซ็นต์ รวมค่านายหน้าก็เป็นแปดล้านเจ็ดแสน คุณโอเคไหม?”
หลี่ฝางหยิบเช็กออกมาจากกระเป๋า ก่อนจะเขียนอะไรลงบนนั้นแล้วส่งให้หญิงวัยกลางคน “นี่สิบล้าน เอาเงินแล้วก็ไปได้แล้ว”
พูดให้ถูก หลี่ฝางในตอนนี้ไม่เห็นค่าของเงินแล้ว สิบล้านนั้นสำหรับคนธรรมดามันเป็นตัวเลขที่มากมาย แต่สำหรับเขาขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอก มันไม่เท่าไหร่เอง
“เจ้านายนี่ร่ำรวยจริงๆ เลย!สิทธิ์ในการถือครองบ้านหลังนี้เดี๋ยวฉันจะส่งมอบให้คุณเอง!” หญิงวัยกลางคนมองเช็กสิบล้านนั้นก่อนจะยิ้มจนปากแทบฉีกถึงหู จากนั้นก็ถือเช็กก่อนจะโทรให้คนเอาสัญญามา
การใช้เงินแก้ปัญหานั้นมันได้ผลเป็นอย่างมาก เพียงไม่ถึงครึ่งชั่วโมงหลี่ฝางก็ได้ใส่ชื่อของตัวเองลงในห้องแล้ว เมื่อมองชื่อของฉินวี่เฟยในสัญญา ในใจของเขาก็สับสนเป็นอย่างมาก พลางพูดสิ่งที่รู้สึกออกมาไม่ได้
อันที่จริงเขาเข้าในการกระทำของฉินวี่เฟยดี ถึงอย่างไรตัวเองก็ทำให้ใจของเธอเจ็บ แต่หลี่ฝางกลับไม่ยอม ไม่อยากเป็นคนแปลกหน้ากับฉินวี่เฟย