NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1188 ขาดการติดต่ออีกครั้ง

บทที่ 1188 ขาดการติดต่ออีกครั้ง

ไม่คิดเลยว่าในซากปรักหักพังนี่จะเปลี่ยนเวลาได้ด้วย ช่างน่ามหัศจรรย์

“มังกรฟ้า พวกเรา……”

กู่ยี่เทียนกำลังคิดที่จะกล่าวตอบมังกรฟ้า ทว่าเครื่องมือสื่อสารกลับเกิดคลื่นเสียงความถี่ หลังจากนั้นพวกเขาก็ไม่สามารถติดต่อกับโลกภายนอกได้อีก

“ฮัลโหล! ฮัลโหล! มังกรฟ้าแกได้ยินฉันไหม? มังกรฟ้า มังกรฟ้า ทราบแล้วเปลี่ยน!”

“มังกรฟ้า! เสือขาว! ได้ยินที่ฉันพูดไหม?”

……

ใช้เครื่องมือสื่อสารติดต่อกับโลกภายนอกหลายต่อหลายหนแต่ก็ไร้ประโยชน์ กู่ยี่เทียนเองก็เกิดระเบิดขึ้นมา เขาโยนอุปกรณ์สื่อสารลงบนพื้นอย่างแรง ก่นด่าด้วยดวงตาที่แดงก่ำ

“แม่งเอ๊ย ที่นี่แม่งที่บ้าบออะไรกันวะ!”

หลี่ฝางในตอนนี้ได้สงบสติอารมณ์ของตนเองเรียบร้อยแล้ว เมื่อเห็นกู่ยี่เทียนที่เกิดคลั่งขึ้นมาเล็กน้อย ถือโอกาสที่เขาไม่ได้ตั้งตัว พลันยื่นมือไปที่หว่างคิ้วของเขาใช้แรงแตะ

กู่ยี่เทียนร้องโหยหวน ทันใดนั้นก็เกิดความรู้สึกอะไรบางอย่างหายไปจากร่างกาย อารมณ์โมโหและความหงุดหงิดหายในคราแรกสงบลงในทันที เขากุมหน้าผากของตนเองจ้องมองหลี่ฝางด้วยความประหลาดใจ

“นี่มันเรื่องอะไรกัน? เมื่อกี้ฉันเกือบจะขาดสติไปแล้ว”

หลี่ฝางหยิบบุหรี่ออกมาจากกระเป๋า จุดหนึ่งมวลสูบหนึ่งคำก่อนกล่าว

“เมื่อกี้ฉันลองคิดดูแล้ว อาจเป็นเพราะสนามแม่เหล็กในซากปรักหักพังลึกลับที่มากขึ้น มีส่วนเกี่ยวข้องกับพลังงาน ซากปรักหักพังลึกลับในตอนนี้แปลกแยกถึงขนาดเปลี่ยนแปลงเวลาได้ ถึงขั้นส่งผลกระทบต่อจิตใจของคน”

“เราคิดตั้งแต่แรก แม้ในซากปรักหักพังตอนนี้เป็นฤดูใบไม้ร่วง แต่ไม่ใช่ฤดูใบไม้ร่วงของปีนี้ แต่ยังเป็นฤดูใบไม้ร่วงของปีที่แล้วอยู่”

“ถ้าจะพูดให้เข้าใจง่ายกว่านี้ก็คือ เราอยู่นี้หนึ่งวัน ข้างนอกนั่นอาจจะเป็นหนึ่งเดือน สนามแม่เหล็กของมันจะส่งผลต่อประสาทของเรา ขยายอารมณ์ทางด้านลบของเราให้ใหญ่ขึ้น”

“หากไม่รีบหาอาซาโทสให้เจอแล้วกำจัดเขาทิ้งซะ หากเวลายาวขึ้น เราก็จะคลั่ง สุดท้ายก็จะติดอยู่ที่ซากปรักหักพังนี่จนตาย”

เมื่อได้ยินสิ่งเหล่านั้น กู่ยี่เทียนนิ่งค้าง นี่มันประหลาดเกินไปรึเปล่า? ให้ตายถึงกับเปลี่ยนเวลาได้!

“ถ้างั้นจะรออะไรอยู่อีก เราอีกไปหาอาซาโทสของสังหารไอ้บ้านั่นซะสิ ที่บ้าบอแบบนี้ฉันไม่อยากจะอยู่ที่นี่นานแม้แต่นาทีเดียวหรอกนะ”

การขาดการควบคุมแบบนั้นกู่ยี่เทียนไม่ชอบใจนัก ความรู้สึกแบบนั้นราวกับว่าในใจของเขามีคนอื่นอีกคนอยู่ ควบคุมร่างกายของเขาตลอดเวลาอย่างไรอย่างงั้น

หลี่ฝางเองก็เข้าใจสาหัสของสถานการณ์นี้เช่นเดียวกัน พลันดับบุหรี่ในมือ ไม่พูดอะไรมาก มุ่งไปตามทางในซากปรักหักพังตามความทรงจำก่อนหน้านี้

ทางด้านมังกรฟ้าเองก็วุ่นวายเมื่อขาดการติดต่อกบหลี่ฝางทั้งคู่อีกครั้ง

หงส์แดงและเสือขาวที่อารมณ์ร้อน โยนเครื่องมือสื่อสารของทีมวิจัยทิ้งลงพื้น พลันสบถว่าเป็นสิ่งประดิษฐ์ขยะ ความสามารถของทีมวิจัยก็งั้นๆ ถูกนักรบทั้งสองท่านก่นด่าจนไม่กล้าส่งเสียงสักแอะ

สิ่งประดิษฐ์ชิ้นนี้พวกเขาอดหลับอดนอนกว่าสามเดือนในการสร้างมันขึ้นมา ก่อนหน้านี้ที่ทำการทดลองก็ไม่มีปัญหาอะไร ใครจะไปรู้ว่าเมื่อถึงสถานการณ์จริงจะใช้ไม่ได้

มังกรฟ้าที่เป็นคนใจเย็นเสมอในตอนนี้ก็มีสีหน้าบูดบึ้งเช่นเดียวกัน หลังการติดต่อในแต่ละครั้งล้วนล้มเหลว พลันเตะต้นไม้ที่สูงตระหง่านข้างๆ จนหัก

“แค่กๆ มังกรฟ้า แกใจเย็นก่อน อย่าโมโหเลย”

“นั่นสินั่นสิ พี่มังกรฟ้า พวกลูกพี่ใหญ่เขาต้องไม่เป็นอะไรแน่ ครั้งก่อนพวกเขาก็ออกมาจากในนั้นอย่างปลอดภัยไม่ใช่หรือไง เราต้องเชื่อมั่นในตัวลูกพี่ใหญ่”

หงส์แดงและเสือขาวที่โอดครวญอยู่อีกด้านเมื่อเห็นเขาโมโห จึงรีบเข้ามาปลอบให้เขาใจเย็นลงบ้าง

อย่าเห็นแต่มังกรฟ้าไอ้หมอนี่เคร่งขรึม มักจะนิ่งเฉยต่อทุกคน แต่ถ้าเขาโมโหขึ้นมาจริงๆ ละก็ ต่อให้เป็นหงส์ขาว เสือแดง เต่าดำสามคนก็ไม่แน่ว่าจะหยุดเขาได้

ในเวลานี้ไม่ว่าใครโกรธก็ให้เขาโกรธไม่ได้เป็นอันขาด หากเขาขาดการควบคุม ทุกคนในที่นี้ก็จะโดนลูกหลงกันไปหมด

ต่อให้เป็นคนนิ่งเงียบ ที่วันๆ แทบจะไม่พูดอะไรเลยอย่างเต่าดำ ก็เริ่มเปล่งเสียงเพื่อปลอบโยนเช่นเดียวกัน “มังกรฟ้า ใจเย็น ในเวลานี้นายยิ่งไม่สมควรขาดสติ”

“อืม ไม่เป็นไร” ภายใต้การเตือนสติของเต่าดำ มังกรฟ้าพอจะดึงสติกลับมาได้บ้าง หลังสูดหายใจเข้าลึกเต็มปอด บีบบังคับข่มความหงุดหงิดเอาไว้

เมื่อกล่าวถึงหลี่ฝางไปแล้ว มาทางด้านฉินวี่เฟยบ้าง ย้อนกลับไปเมื่อสามวันก่อน เริ่มจากตอนเช้าหลังจากที่หลี่ฝางออกไปจากบ้านของเหลียงเชี่ยนในวันนั้น

การเมาเป็นเรื่องที่ทรมานเสียจริง เช้าวันที่สองตื่นมาฉินวี่เฟยรู้สึกทรมานท้องไส้ อยากจะอาเจียนแต่กลับอาเจียนไม่ออก ใบหน้าขาวซีด

“เหลียงเชี่ยน เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น? ทำไมฉันถึงมานอนที่บ้านเธอได้?” ทานอาหารเช้าที่เหลียงเชี่ยนเตรียมไว้ให้ ฉินวี่เฟยถามอย่างสงสัย

เมื่อคืนนี้เธอดื่มมากเกินไป จำอะไรไม่ได้เลยแม้แต่น้อย เธอจำอะไรไม่ได้เลยแม้แต่น้อย แต่เหมือนว่าเธอจะได้ยินเสียงขอหลี่ฝางด้วย ไม่รู้ว่าเพราะเสียใจมากจึงเกิดภาพหลอนรึเปล่านะ

“ไม่ ไม่มีอะไร ประธานฉินทานตอนยังร้อนเถอะ ดื่มเหล้าเยอะขนาดนั้นต้องรู้สึกไม่สบายแน่” เหลียงเชี่ยนไม่ได้อยากให้ฉินวี่เฟยรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนมากเท่าไหร่นัก ถึงได้ตั้งใจปิดบังเรื่องที่หลี่ฝางมาที่นี่

สำหรับเธอ ในเมื่อฉินวี่เฟยตัดสินใจที่จะเลิกกับหลี่ฝางแล้ว ถ้างั้นทั้งคู่ก็ไม่มีเหตุผลที่จะติดต่อกันอีก ต่อให้หลี่ฝางรับประกัน ว่าครั้งนี้กลับมาจะตัดขาดกับผู้หญิงคนนั้น ก็ต้องรอให้เขาทำได้เสียก่อน

ก่อนที่จะถึงวันนั้น เหลียงเชี่ยนไม่มีทางให้หลี่ฝางรบกวนชีวิตของฉินวี่เฟยแน่

เมื่อได้ยินประโยคของเหลียงเชี่ยน ฉินวี่เฟยเองก็ไม่ได้คิดอะไรไปมากกว่านี้ พลันก้มหน้าทานโจ๊ก เธอตัดสินใจแล้ว เธอไม่ควรที่จะถูกพันธนาการด้วยความรักชู้สาว ต่อให้ไม่มีหลี่ฝาง เธอก็ต้องใช้ชีวิตอย่างมีความสุข

และวิธีการลืมความสัมพันธ์ที่หยาบกระด้างและเรียบง่าย หนึ่งคือการเริ่มต้นความสัมพันธ์ใหม่ สองคือการทำตัวเองให้ยุ่งเข้าไว้ ยุ่งจนไม่มีเวลาให้คิดถึงเขา

“ซู่ว เหลียงเชี่ยน แจ้งให้เหล่าประธานทราบ สิบโมงประโมง หารือเรื่องการตีตลาดที่อเมริกา”

เห็นได้ชัด ว่าฉินวี่เฟยเลือกทางที่สอง บางทีอาจเพราะถูกหลี่ฝางทำร้ายความรู้ลึกเกินไป เธอไม่คาดหวังในเรื่องความรักอีกแล้ว

แม้บริษัทของฉินวี่เฟยจะเป็นองค์กรอันดับต้นๆ ของประเทศจีน แต่ในระดับชาติชื่อเสียงยังไม่โด่งดังมากนัก เธออยากจะถือโอกาสนี้เจาะตลาดต่างชาติ ทำให้บริษัทยิ่งใหญ่มากขึ้น จนกลายเป็นบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่

“ประธานฉิน ท่านคิดที่จะย้ายรากฐานของบริษัทไปที่ต่างประเทศใช่ไหม? เพราะผู้ชายสารเลวอย่างหลี่ฝางไม่คุ้มค่า บริษัทของเราเพิ่งจะเติบโตในประเทศ หากตอนนี้เจาะตลาดต่างชาติอาจไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม”

ตามความเข้าใจที่เธอมีต่อฉินวี่เฟย ต่อให้เธอไม่พูด เหลียงเชี่ยนก็มองการตัดสินใจของฉินวี่เฟยทะลุปรุโปร่งแล้ว เธอก็แค่อยากเปิดสาขาที่ต่างประเทศ เพื่อหลบหนีหลี่ฝาง

การเจาะตลาดต่างชาติพูดง่าย แต่การลงมือทำยากซะยิ่งกว่ายาก โดยเฉพาะฉินวี่เฟยที่เป็นผู้หญิง อยากจะทำให้บริษัทเป็นบริษัทข้ามชาติ ต้องใช้แรงกายและความพยายามมากกว่าคนอื่นหลายเท่า

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท