NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1211 นัดทานข้าวกับคนอื่น

บทที่ 1211 นัดทานข้าวกับคนอื่น

ฉินวี่เฟยมองดูราฟาเอลที่ยืนอยู่ข้างกายของตัวเอง ท่าทางลังเลเล็กน้อย เธออยากจะถามสถานการณ์ปัจจุบันของหลี่ฝางจากราฟาเอล แต่พอนึกได้ว่าตัวเองได้เลิกรากับหลี่ฝางไปแล้ว ก็รู้สึกว่าตัวเองยุ่งเรื่องของชาวบ้านมากเกินไป

“ลูกพี่สบายดี ไม่ต้องเป็นห่วง” ในขณะที่ฉินวี่เฟยกำลังลังเลอย่างหนักอยู่นั่นเอง เสียงของราฟาเอลก็ได้ดังขึ้นมาในห้องทำงานอย่างกะทันหัน

“แค่ก ๆ ……เขาจะเป็นยังไงแล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันด้วย ฉันไม่เป็นห่วงเขาหรอก อีกอย่าง ต่อไปนี้อย่าพูดถึงเขาต่อหน้าฉันอีกนะ” ฉินวี่เฟยเกือบจะสำลักน้ำลายของตัวเอง ใบหน้าของเธอแดงระเรื่อขึ้นมาเล็กน้อย

ราฟาเอลเป็นอะไรไป ตัวเองไม่ได้ถามเรื่องหลี่ฝางสักหน่อย เขาพูดถึงหลี่ฝางทำไม

ถึงแม้ในใจของฉินวี่เฟยจะกล่าวโทษราฟาเอลอย่างหนัก แต่ทันทีที่ได้รู้ว่าหลี่ฝางปลอดภัย แม้แต่ตัวเธอเองก็ยังไม่รู้ว่าคิ้วที่ขมวดแน่นอยู่เมื่อสักครู่นั้นได้ผ่อนคลายไปแล้ว

เหลือบไปมองฉินวี่เฟยที่มีท่าทางไม่เป็นธรรมชาติ ราฟาเอลยืดตัวขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าสงบนิ่ง และไม่ได้ต่อปากต่อกรกับเธอ

ผู้หญิงเนี่ยนะ ปากไม่ตรงกับใจอยู่เสมอมา ฉินวี่เฟยเองก็ไม่ต่างกัน ปากบอกว่าไม่อยากรู้ข่าวของหลี่ฝาง แต่หลายวันมานี้เห็นได้ชัดว่าเธอกังวลเป็นอย่างมาก

“ประธานฉินคะ เมื่อกี้คุณชายจ้าวโทรมาบอกว่าอยากนัดคุณทานข้าว ต้องการให้ฉันปฏิเสธไปไหมคะ?” ในขณะที่บรรยากาศกำลังเข้าสู่ความตึงเครียดนั่นเอง เหลียงเชี่ยนก็พลันเคาะประตูและเดินเข้ามา

ถ้าหากเป็นเมื่อก่อนถ้ามีผู้ชายคนอื่นนัดฉินวี่เฟยออกไปทานข้าว เหลียงเชี่ยนคงไม่ต้องถามและปฏิเสธไปทันที แต่หลังจากที่เธอรู้ว่าฉินวี่เฟยได้เลิกรากับหลี่ฝางไป เธอก็ไม่คิดที่จะปฏิเสธเลยสักครั้ง ผู้ชายคนไหนที่อยากจะนัดกับฉินวี่เฟย เธอล้วนคิดที่จะจับคู่ให้ทั้งนั้น

ถึงแม้ฉินวี่เฟยจะเคยบอกกับเหลียงเชี่ยนแล้วว่า ระยะนี้ตัวเองยังไม่อยากจะมีความรัก เน้นไปที่เรื่องงานเป็นหลัก แต่ก็ทนไม่ไหวกับการที่เหลียงเชี่ยนถามเป็นสิบ ๆ รอบในหนึ่งวัน ที่ผ่านมาเดือนกว่า ๆ ฉินวี่เฟยก็ได้ไปตามนัดอยู่สักสองสามครั้ง และหนึ่งในนั้นก็คือคุณชายจ้าวคนนี้

พูดถึงคุณชายจ้าวคนนี้ เขามีชื่อเต็มว่าจ้าวเทียนหลิน มีภูมิหลังที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง เขาเป็นลูกครึ่ง คุณพ่อเป็นนักออกแบบที่มีชื่อเสียงของประเทศจีน คุณแม่เป็นลูกสาวของนักธุรกิจน้ำมันปิโตรเลียมชั้นนำของอเมริกา มีฐานะสูงส่งในอเมริกา

เพราะว่าฉินวี่เฟยต้องการเข้าตลาดหุ้นในต่างประเทศ และจ้าวเทียนหลินเป็นผู้รับผิดชอบเกี่ยวกับการร่วมมือทางธุรกิจกับฉินวี่เฟย และทั้งสองคนก็ได้รู้จักกันเพราะเหตุนี้ นอกจากนี้จ้าวเทียนหลินก็ไม่เหมือนกับผู้ชายคนอื่น ๆ เพียงแค่ลุ่มหลงในความสวยของฉินวี่เฟย เขาอ่อนโยนกับฉินวี่เฟยมาก แม้ว่าทั้งสองคนจะนัดกันมาสามครั้งแล้ว เขาก็ไม่เคยแสดงท่าทางอะไรที่เกินเลยเลยสักครั้ง

ดังนั้นหลังจากที่จ้าวเทียนหลินได้โทรมาในครั้งนี้ เหลียงเชี่ยนถึงได้มาถามความเห็นจากฉินวี่เฟย

“ได้ ตอนเย็นฉันว่างพอดีเลย” ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าต้องการอำพรางความถ่อมตัวของตัวเองหรือว่าต้องการหลีกหนีความจริงที่ว่าตัวเองยังมีใจต่อหลี่ฝางกันแน่ ครั้งนี้ฉินวี่เฟยได้ตอบรับการนัดหมายของจ้าวเทียนหลินไปอย่างง่ายดาย

เป็นธรรมดาที่เหลียงเชี่ยนจะพอใจ ในสายตาของเธอแล้วจ้าวเทียนหลินไม่เพียงหน้าตาหล่อเหลา ทั้งยังเป็นสุภาพบุรุษและมีความรับผิดชอบ เป็นผู้ชายที่สามารถฝากอนาคตเอาไว้ด้วยได้

“คุณหนูฉิน ตอนนี้ข้างนอกไม่ค่อยสงบ ระยะนี่คุณอย่าออกไปข้างนอกเลยจะดีกว่า” เมื่อราฟาเอลได้ยินว่าฉินวี่เฟยนัดออกไปข้างนอกกับคุณชายจ้าวนั่นอีกแล้ว เขาก็ได้ขมวดคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์นัก

ถึงแม้เขาจะรู้ว่าฉินวี่เฟยได้เลิกรากับหลี่ฝางไปแล้ว แต่ในใจของเขาฉินวี่เฟยยังเป็นผู้หญิงของลูกพี่ของตัวเอง เมื่อเห็นพี่สะใภ้ใหญ่ของตัวเองออกไปนัดเดทกับชายคนอื่น ใครก็ต้องรู้สึกไม่ดีกันทั้งนั้น

“ฉันเป็นแค่คนธรรมดา จะเจอกับอันตรายอะไรได้? เรื่องของฉันไม่จำเป็นต้องให้นายมายุ่ง ตอนนี้ฉันไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับหลี่ฝางแล้ว หวังว่านายจะไม่รบกวนชีวิตของฉัน”

แม้ว่าปากของฉินวี่เฟยจะบอกว่าไม่โกรธหลี่ฝาง แต่ความจริงแล้วภายในใจนั้นได้แค้นเคืองเป็นอย่างมาก และนั่นก็ทำให้ฉินวี่เฟยพลอยเห็นราฟาเอลเป็นคู่อริไปด้วย

เมื่อเห็นฉินวี่เฟยโกรธขึ้นมา ราฟาเอลก็ทำได้เพียงปิดปากเงียบ ตอนนี้เขาไม่อาจล่วงเกินผู้หญิงคนนี้ได้ ถ้าฉินวี่เฟยโมโหและไล่เขาไปคงแย่แน่เลย

หลังจากที่งานในหนึ่งวันได้เสร็จสิ้นลง จ้าวเทียนหลินก็ได้ปรากฏตัวขึ้นที่ห้องทำงานของฉินวี่เฟยอย่างตรงเวลา ราฟาเอลจ้องมองจ้าวเทียนหลินด้วยใบหน้าบึ้งตึง แทบอยากจะมองจนเกิดรูขึ้นมาบนร่างกายของเขา

“เฟย ดูเหมือนว่าบอดี้การ์ดของคุณคนนี้จะไม่ชอบผมนะ” จ้าวเทียนหลินยื่นช่อดอกกุหลาบที่อยู่ในอ้อมแขนให้ฉินวี่เฟย พลางกล่าวกึ่งล้อเล่น

ฉินวี่เฟยรับเอาดอกกุหลาบมาและชายตามองราฟาเอลแวบหนึ่ง น้ำเสียงราบเรียบ: “เขาหน้าบึ้งกับทุกคนน่ะแหละ ไม่ต้องไปสนใจเขาหรอก”

“ฮ่า ๆ เฟย คุณชอบทานอาหารญี่ปุ่นไหม? ผมรู้จักร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังอยู่ร้านหนึ่ง รสชาติดีมากเลยล่ะ คืนนี้พวกเราไปทานที่นั่นกันดีไหม?” หลังจากได้ยินที่ฉินวี่เฟยพูด จ้าวเทียนหลินก็ไม่ได้พูดมากอะไรอีก แต่ได้เปลี่ยนหัวข้อในการสนทนาไป คุยเรื่องทานอาหารในคืนนี้ขึ้นมาแทน

ถึงแม้ฉินวี่เฟยจะบอกกับเขาว่าราฟาเอลปฏิบัติแบบนี้ต่อทุกคน แต่จ้าวเทียนหลินสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าราฟาเอลเห็นตัวเองเป็นศัตรูเพียงคนเดียวเท่านั้น หรือพูดได้ว่า ราฟาเอลเป็นปรปักษ์กับผู้ชายทุกคนที่ตามจีบฉินวี่เฟย

แต่จ้าวเทียนหลินคนนี้เป็นคนที่ยิ่งผยอง รู้สึกว่าตัวเองหน้าตาหล่อเหลา ครอบครัวมีเงินมีอำนาจ ถือว่ามีความโดดเด่นที่สุดในกลุ่มคนที่ตามจีบฉินวี่เฟย ดังนั้นจึงไม่ได้เห็นราฟาเอลอยู่ในสายตาเลยสักนิด

“ฉันได้หมด ฉันไม่เลือกทานหรอก” ความจริงแล้วฉินวี่เฟยไม่ได้มีความรู้สึกมากมายอะไรกับจ้าวเทียนหลิน ที่ยอมออกเดทกับจ้าวเทียนหลินนั้น ก็เพราะงานต้องการมากกว่าใครใช้ให้จ้าวเทียนหลินคนนี้เป็นผู้รับผิดชอบในงานร่วมมือทางธุรกิจกับตัวเองล่ะ

เมื่อตกลงสถานที่นัดกันเรียบร้อย จ้าวเทียนหลินและฉินวี่เฟยก็เตรียมจะลงไปข้างล่าง ราฟาเอลก็ต้องติดตามฉินวี่เฟยในทุกอย่างก้าวเป็นธรรมดา แต่หลังจากที่จ้าวเทียนหลินเห็นว่าราฟาเอลจะขึ้นรถของตัวเอง ในแววตาก้ปรากฏความไม่พอใจขึ้นมาทันที

เขาพึ่งจะนัดเดทกับฉินวี่เฟยมาทั้งหมดสามครั้งเอง ทุกครั้งล้วนมีก้างขวางคอนี่อยู่ด้วย ทำให้เขาจะสร้างความสัมพันธ์อีกขั้นกับฉินวี่เฟยหน่อยก็ไม่ได้ ครั้งนี้ไม่ว่าจะยังไงเขาก็ต้องไล่ราฟาเอลออกไปถึงจะได้ ไม่อย่างนั้นละก็อย่าคิดเลยว่าชาตินี้เขาจะตามจีบฉินวี่เฟยมาได้

“เฟย พวกเราแค่ไปทานข้าวเอง คุณไม่จำเป็นต้องเอาบอดี้การ์ดไปด้วยหรอกมั้ง? หรือว่าคุณไม่เชื่อใจผม คิดว่าผมเป็นคนเลว?”

ความจริงแล้วจ้าวเทียนหลินคนนี้นั้นร้ายไม่เบา เขาไม่ได้พูดออกมาตรง ๆ ว่าไม่ชอบให้ราฟาเอลตามไปด้วย แต่ได้หาเหตุผลจากตัวของฉินวี่เฟยแทน เช่นนี้ต่อให้ฉินวี่เฟยอยากจะพาราฟาเอลไปด้วยก็พาไปไม่ได้แล้ว

“จะเป็นไปได้ยังไง คุณชายจ้าวคุณไม่ใช่คนแบบนั้นหรอก” ฉินวี่เฟยยิ้มให้กับจ้าวเทียนหลิน จากนั้นก็หันไปกล่าวกับราฟาเอลที่อยู่นอกรถ “ราฟาเอล คืนนี้นายไม่ต้องตามฉันไปแล้ว”

“คุณหนูฉิน ลูกพี่ให้ผม……”

“อย่าอะไร ๆ ก็พูดถึงเขากับฉัน ถ้าวันนี้นายไม่เชื่อฟังฉัน งั้นพรุ่งนี้นายก็ไม่ต้องมาที่บริษัทแล้ว”

ราฟาเอลยังไม่ทันได้พูดจบ ก็ถูกฉินวี่เฟยตัดบทไปทันที สุดท้ายเขาก็ทำได้เพียงมองฉินวี่เฟยนั่งอยู่บนรถของจ้าวเทียนหลินและขับออกไป

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท