NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1209 นกกระยางกับหอยกาบสู้กัน ชาวประมงได้ผลประโยชน์

บทที่ 1209 นกกระยางกับหอยกาบสู้กัน ชาวประมงได้ผลประโยชน์

ถึงแม้แคทเธอรินจะไม่รู้ว่าหลี่ฝางคิดจะทำอะไร แต่ก็ยังคงพยักหน้า: “ฉันสามารถใช้คลื่นสมอง ให้คุณคุยกับคนที่อยู่ในโลกภายนอกโดยตรง แต่จะนานไม่ได้ สถานการณ์ของฉันในตอนนี้ฝืนทนได้มากสุดห้านาที”

กล่าวตามตรง หลี่ฝางรู้สึกอิจฉาขึ้นมา ความสามารถในการทำนายอนาคต และอ่านสมองคนของแคทเธอรินมันสุดยอดไปเลยว่าไหม? ถ้าหากหลี่ฝางมีพลังเช่นนี้ งั้นปัญหามากมายที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ล้วนสามารถหลีกเลี่ยงได้

“ห้านาทีก็เพียงพอแล้ว คนของพวกเราตอนนี้รออยู่ที่ปากทางเข้าซากปรักหักพังลึกลับ แคทเธอรินคุณแค่ทำให้คลื่นสมองของผมและผู้ชายที่ชื่อมังกรฟ้าเชื่อมต่อกันก็พอแล้ว”

“หลี่ฝาง นายคิดวิธีรับมืออะไรได้เหรอ?” เมื่อกู่ยี่เทียนได้ฟังที่หลี่ฝางพูด ดวงตาก็เป็นประกายขึ้นมา เขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าจิ้งจอกอย่างหลี่ฝางกำลังอุบอะไรเอาไว้

“เมื่อก่อนพ่อของฉันเคยบอกว่า โลกนักรบของพวกเราจะเกิดสงครามแห่งโชคชะตาขึ้น ถึงแม้ฉันจะไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่ท่านพูดสักเท่าไหร่นัก แต่ฉันรู้ว่าบนโลกใบนี้ คนที่ได้เข้าสู่แดนเต๋านั้นไม่ได้มีแค่เพียงพวกเราแค่ไม่กี่คนนี้อย่างแน่นอน อาซาโทสคิดจะใช้พลังของเทพอ้านทะลุเข้าสู่แดนเทพไม่ใช่เหรอ? ในเมื่ออาศัยตัวเองชนะมันไม่ได้ งั้นไม่สู้พวกเราแพร่กระจายข่าวคราวหัวใจของเทพอ้านออกไป ฉันเชื่อว่า เมื่อพวกตาเฒ่าที่ปลีกตัวอยู่ในมุมต่าง ๆ ของโลกได้ยินข่าวนี้เข้า จะต้องพากันมาแย่งชิงโดยไม่คำนึงใด ๆ อย่างแน่นอน”

ในสายตาของหลี่ฝางแล้ว ถึงยังไงซะสงครามแห่งโชคชะตาในครั้งนี้ก็จะต้องมาถึง เช่นนั้นก็ให้มันมาถึงก่อนโดยเร็วเลยแล้วกัน

เมื่อคำพูดเหล่านี้ถูกเอ่ยออกมา กู่ยี่เทียนก็ได้ถูกสมองของหลี่ฝางทำให้ศิโรราบทันที วิธีเช่นนี้ยังสามารถคิดออกมาได้ เขารู้สึกโชคดีแม้กระทั่งว่าเมื่อก่อนตัวเองไม่ได้เป็นศัตรูกับหลี่ฝาง ไม่อย่างนั้นละก็ถ้าเป็นปรปักษ์กับคนแบบนี้ เกรงว่าตัวเองจะต้องตายอย่างอนาถอย่างแน่นอน

“วิธีให้นกกระยางกับหอยกาบสู้กัน ชาวประมงได้ผลประโยชน์ของนายนี่มันสุดยอดไปเลย ฉันล่ะยอมสมองของนายจริง ๆ” กู่ยี่เทียนอดไม่ได้ที่จะยกนิ้วหัวแม่มือให้กับหลี่ฝาง

พูดแล้วก็ทำเลย ภายใต้การช่วยเหลือของแคทเธอรินไม่นานหลี่ฝางก็ติดต่อกับมังกรฟ้าได้สำเร็จ พูดตรง ๆ นะการติดต่อกันผ่านคลื่นสมองโดยตรงแบบนี้ นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของหลี่ฝาง ก็ไม่รู้ว่าจะทำให้มังกรฟ้าตกใจจนสะดุ้งโหยงหรือเปล่า

“มังกรฟ้า ฉันคือหลี่ฝาง นายได้ยินฉันไหม?”

มังกรฟ้าในเวลานี้กำลังจ้องมองคนของทีมวิจัยรีบอัปเกรดระบบสื่อสารข้ามวันข้ามคืน ทันใดนั้นก็พลันได้ยินเสียงของหลี่ฝางดังขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว มังกรฟ้าที่หน้าตายมาโดยตลอดในเวลานี้ก็อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นขึ้นมา

“หลี่ฝาง ผมได้ยินแล้ว! ตอนนี้สถานการณ์ของคุณและลูกพี่เป็นยังไงบ้าง?” มังกรฟ้าพูดในสิ่งที่อยากจะถูกโพล่งออกมาอย่างไม่รู้ตัว ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ เห็นเขาเอ่ยขึ้นมาอย่างกะทันหัน ต่างก็ตกใจสะดุ้งโหยง

เสือขาวและหงส์แดงถึงขนาดสงสัยว่าเขาเหนื่อยมากเกินไป ทำให้ประสาทหลอนขึ้นมา: “มังกรฟ้า นายกำลังพูดกับใครอยู่น่ะ? หลี่ฝาง? หลี่ฝางอยู่ที่ไหน?”

ทั้งสองคนถึงขนาดตามหาอยู่รอบหนึ่ง ก็ไม่เห็นเงาร่างของหลี่ฝางเลยแม้แต่น้อย ยิ่งมั่นใจมากกว่าเดิมว่ามังกรฟ้านั้นประสาทหลอน

“มังกรฟ้า หลายวันมานี้นายคงจะเหนื่อยมาก ทำให้หูฟาดไป นายไปพักผ่อนก่อนเถอะ ทางนี้เดี๋ยวพวกเราจะดูแลเอง”

มังกรฟ้าถูกพวกเขาพูดเช่นนี้ ตัวเขาเองก็ชักไม่แน่ใจขึ้นมา แต่ว่าเมื่อสักครู่นี้เขาได้ยินเสียงของหลี่ฝางจริง ๆ นี่นา นอกจากนี้เสียงนั่นยังเหมือนกับดังอยู่ที่ข้างหูของเขาอย่างไรอย่างนั้น

“มังกรฟ้า นายไม่ต้องตกใจ ฉันคือหลี่ฝางจริง ๆ ตอนนี้ฉันได้สื่อสารกับนายผ่านคลื่นสมองโดยตรง ฉันมีเวลาไม่มาก สิ่งที่ฉันจะพูดต่อไปนี้นายจะต้องตั้งใจฟังให้ดี”

หลี่ฝางได้ยินการสนทนาระหว่างมังกรฟ้าและเสือขาวแล้ว แต่เขาไม่มีเวลาจะมาอธิบายอะไรมาก เขาทำได้เพียงบอกแผนการของตัวเองให้กับมังกรฟ้าฟัง

“ตอนนี้ฉันและกู่ยี่เทียนได้อยู่ที่เผ่าพันธุ์ดึกดำบรรพ์ในซากปรักหักพังลึกลับ อาซาโทสได้มาถึงก่อนพวกเราไปหนึ่งก้าวแล้ว ชาวเผ่าที่ว่านี้เป็นลูกหลานของเทพอ้านพวกเขาคอยปกป้องโลกใต้พิภพมาหลายชั่วอายุคน”

“ในโลกใต้พิภพแห่งนี้มีหินคริสทัลก้อนหนึ่งซ่อนอยู่ หินคริสทัลก้อนนั้นมีพลังมหาศาล เพียงแค่คนที่อยู่ในขั้นแดนเต๋าได้มันไปครอบครอง ก็จะสามารถอาศัยมันทะลวงเข้าสู่ขั้นแดนเทพได้ แถมยังใช้ต้านทานสายฟ้าทั้งเก้าได้อีกด้วย”

“ฉันอยากให้นายกระจายข่าวเกี่ยวกับหินคริสทัลนี้ออกไปโดยเร็วที่สุด และเปิดประตูเข้าสู่ซากปรักหักพังลึกลับ ออก ให้พวกยอดฝีมือแดนเต๋าที่ปลีกตัวอยู่ทั่วทุกมุมโลกเข้ามา”

หลี่ฝางแทบจะพูดคำพูดเหล่านี้ออกมาภายในลมหายใจเดียว จากนั้นครึ่งค่อนวันมังกรฟ้าก็ไม่ได้ตอบกลับอะไร ทำให้เขาร้อนรนแทบตาย: “มังกรฟ้า นายเข้าใจไหมว่าฉันกำลังพูดอะไรอยู่? ทางฝั่งฉันเหลือเวลาไม่มากแล้ว ฉันและกู่ยี่เทียนจะเข้าไปที่โลกใต้พิภพก่อน เพื่อห้ามไม่ให้อาซาโทสได้หินคริสทัลนั้นไปครอบครอง จะเอาชนะอาซาโทสได้หรือไม่นั้น คงต้องดูวิธีนี้แล้ว”

มองดูแคทเธอรินที่มีสีหน้าซีดเซียวมากขึ้นเรื่อย ๆ หลี่ฝางไม่มีเวลารอให้มังกรฟ้าตอบ และตัดการสื่อสารผ่านคลื่นสมองระหว่างตัวเองและมังกรฟ้าลงทันที

พึ่งพูดจบไป แคทเธอรินก็กระอักเลือดสด ๆ ออกมาคำโต หลี่ฝางและกู่ยี่เทียนรู้สึกไม่ดีเป็นอย่างมาก

“แคทเธอริน คุณให้อาคาอูและปันปูพาพวกเราเข้าไปที่โลกใต้พิภพเถอะ ตอนนี้ร่างกายของคุณอ่อนแอขนาดนี้ อย่าฝืนตัวเองอีกเลย พักผ่อนฟื้นฟูร่างกายอยู่ที่เผ่าเถอะ”

เดิมทีหลี่ฝางวางแผนว่าจะให้แคทเธอรินเข้าไปที่โลกใต้พิภพด้วย แต่พอเห็นอาการบาดเจ็บของแคทเธอรินในเวลานี้ สุดท้ายก็ละทิ้งความคิดนี้ไป

เขาอยากจะเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเองก็จริง แต่กลับไม่อยากจะเอาชีวิตของแคทเธอริน

“ไม่ ฉันจะไปด้วย! ฉันเป็นแม่มดประจำเผ่า ฉันจะต้องฆ่าฆาตกรที่ทำลายชนเผ่าของฉันด้วยมือของตัวเองให้ได้!” ถึงแม้ร่างกายของตัวเองจะอ่อนแอมากก็ตาม แต่แคทเธอรินก็ยังพูดอย่างดื้อรั้นว่าจะไปที่โลกใต้พิภพกับหลี่ฝาง

แม้แต่ชายทั้งแท่งอย่างกู่ยี่เทียนก็ทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว: “แคทเธอริน คุณอย่าฝืนตัวเองอีกเลย มีผมกับหลี่ฝางอยู่ อาซาโทสสำเร็จเป็นเทพไม่ได้ในทันที คุณไม่ต้องสู้สุดชีวิตขนาดนี้หรอก ร่างกายสำคัญที่สุด”

แคทเธอรินอยากจะพูดอะไรอีก แต่ทันใดนั้นก็ไอขึ้นมาอย่างหนัก อาคาอูและปันปูที่อยู่ด้านข้างก็ทนดูต่อไปไม่ได้แล้ว ไม่คำนึงถึงการต่อต้านของเธอ และพาแคทเธอรินเข้าไปในบ้านไม้ของตัวเองทันที

ผ่านไปอีกครึ่งชั่วโมง อาคาอูและปันปูก็ได้เดินออกมาจากบ้านไม้ และพูดคุยกับชาวเผ่าอูข่าที่เหลืออยู่สักครู่ จากนั้นถึงได้เดินมาที่ด้านหน้าของหลี่ฝางและกู่ยี่เทียน และคุกเข่าข้างหนึ่งลงไปบนพื้น: “บุตรผู้ถูกเลือก ผมและปันปูขอสาบานว่าจะจงรักภักดีต่อคุณด้วยชีวิต หวังเพียงว่าคุณจะรักษาสัญญา ปกป้องชนเผ่าของผม”

“นี่พวกคุณพูดภาษาจีนได้ด้วยเหรอนี่?” ทันทีที่อาคาอูเอ่ยปากทำเอากู่ยี่เทียนตกใจแทบตาย ถึงแม้สำเนียงจะผิดแปลกไปบ้าง แต่ก็สามารถฟังออกว่าพูดอะไร

ก่อนหน้านี้พี่ดำนี่รู้จักแต่ตวาดไปมั่ว ๆ ไม่ใช่เหรอ? ไปเรียนภาษาจีนมาตั้งแต่ตอนไหนกัน?”

“ผมและปันปูสามารถเรียนรู้ได้เร็วมาก ตอนนี้ได้เข้าใจภาษาของพวกคุณแล้ว ถึงแม้จะพูดได้ไม่ดีนัก แต่ก็พอสื่อสารได้” ถึงแม้ก่อนหน้านี้อาคาอูจะรู้สึกเป็นศัตรูกับพวกหลี่ฝางและกู่ยี่เทียนมาโดยตลอด แต่หลังจากที่เป็นพันธมิตรกันแล้ว เขาก็ได้เห็นหลี่ฝางและกู่ยี่เทียนเป็นพี่น้องท้องเดียวกัน

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท