NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1216 บทสนทนาระหว่างผู้หญิงสองคน

บทที่ 1216 บทสนทนาระหว่างผู้หญิงสองคน

มีคำพูดเหล่านี้ของเมี๋ยวชุ่ย ผู้อำนวยการหวางแทบจะให้เธอเป็นพระเจ้าของตัวเอง เอาใจใส่หยางฉงแค่ไหนไม่ต้องพูดถึง ไม่เพียงออกใบสั่งยาบำรุงครรภ์ให้หยางฉงด้วยตัวเอง แถมยังเป็นแพทย์ประจำของหยางฉงเองอีกด้วย ทำให้หยางฉงได้เห็นอำนาจทางการเงินที่แข็งแกร่งของตระกูลหลี่อีกครั้ง

หยางฉงไม่ได้สลบไปนานเท่าไหร่นัก หลังจากที่ออกมาจากห้องฉุกเฉินได้ประมาณครึ่งชั่วโมงก็ฟื้นแล้ว ฉินวี่เฟยลังเลอยู่แสนนาน ยังคงคิดว่าต้องไปขอโทษหยางฉงซึ่ง ๆ หน้า ถึงแม้เธอจะไม่ได้ตั้งใจผลักหยางฉงให้ล้มลง แต่มันเป็นความจริงที่ตัวเองเกือบทำให้หยางฉงแท้งลูก ถ้าหากจากไปแบบนี้ ภายในใจของฉินวี่เฟยมันรู้สึกไม่ดีจริง ๆ

“เอ่อคือ……ฉันขอคุยกับเธอเพียงลำพังได้ไหม?” ฉินวี่เฟยมองไปที่หยางฉงที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยใบหน้าซีดเซียว และถามขึ้นมาเบา ๆ

“มีเรื่องอะไรพูดต่อหน้าพวกเราไม่ได้ ทำไมต้องคุยกันเพียงลำพัง เมื่อกี้เธอเกือบทำให้เสี่ยวฉงแท้งลูก ฉันไม่วางใจให้พวกเธออยู่ด้วยกันสองต่อสองหรอกนะ”

เพราะมีเรื่องเข้าใจผิดเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา ทำให้หวางซีเหยามีความรู้สึกเป็นศัตรูกับฉินวี่เฟยขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อได้ยินว่าฉินวี่เฟยต้องการคุยกับหยางฉงเพียงลำพัง เธอเลยไม่ยอม

ฉินวี่เฟยถูกเธอพูดจนหน้าดำหน้าแดง อยากจะเอ่ยปากแก้ตัว แต่กลับพูดอะไรไม่ออกสักคำ

หยางฉงเห็นฉินวี่เฟยมีท่าทางลำบากใจ ทนดูไม่ได้เล็กน้อย จึงได้เอ่ยกับหวางซีเหยา: “เหยาเหยา ฉันไม่เป็นไร เธอออกไปก่อนเถอะ”

“เสี่ยวฉง ทำไมเธอไม่มีความคิดอะไรเลยแบบนี้! ฉันล่ะโมโหจะตายอยู่แล้ว!” คำพูดของหยางฉงทำให้หวางซีเหยาโมโหไม่น้อย เธอเบะปากอย่างไม่เต็มใจ

หยางฉงถูกท่าทางของเธอทำให้รู้สึกขำขึ้นมา: “เอาล่ะ ไม่เป็นไรหรอก เธอวางใจเถอะ”

ไม่มีทางเลือก หวางซีเหยาจึงได้แต่เดินออกไป ไม่นานในห้องผู้ป่วยวีไอพีก็เหลือแค่ฉินวี่เฟยและหยางฉงเพียงสองคน

“ขอ ขอโทษนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะผลักเธอให้ล้มลง” มือทั้งสองข้างของฉินวี่เฟยออกแรงบีบชายเสื้อไว้แน่น ราวกับเด็กที่ได้ทำความผิดอย่างไรอย่างนั้น ก้มหน้าขอโทษหยางฉง

ท่าทางเช่นนี้ของเธอทำให้หยางฉงไม่รู้สึกโกรธเคืองเธอเลยสักนิด นอกจากนี้ตัวเธอเองก็รู้ว่าเรื่องในครั้งจะโทษฉินวี่เฟยไม่ได้ เป็นเธอเองที่ใจร้อนอยากจะดึงแขนของฉินวี่เฟยเอาไว้ ถ้าไม่ใช่เพราะเหตุนี้ ฉินวี่เฟยก็คงไม่ผลักตัวเองล้มลงด้วยสัญชาตญาณ

หยางฉงยิ้มให้กับฉินวี่เฟยอย่างอ่อนโยน: “ไม่เป็นไร เดิมทีเรื่องนี้ก็ไม่ใช่ความผิดของเธอ”

หลังจากที่พูดประโยคนี้จบ ทั้งสองคนก็ได้ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง ฉินวี่เฟยมีคำพูดมากมายที่อยากจะพูด แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนดี

เธออยากจะถามหยางฉงว่า คบกับหลี่ฝางได้ยังไงกันแน่ ทำไมต้องมาที่เมืองตงไห่ ทำไมทั้ง ๆ ที่รู้ว่ามีตัวเองอยู่ แล้วยังมาหาหลี่ฝาง เธอคิดจะให้กำเนิดเด็กคนนี้ออกมาจริง ๆ เหรอ?

แต่เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองได้เลิกรากับหลี่ฝางไปแล้ว ก็รู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องถามคำถามพวกนี้อีกแล้ว

“พี่วี่เฟย ฉันเรียกพี่แบบนี้ได้ไหม? พูดตามตรง วันนี้ตั้งแต่วินาทีแรกที่ฉันได้พบพี่ ในที่สุดฉันก็รู้ว่าทำไมในตอนที่พี่หลี่ฝางสูญเสียความทรงจำถึงได้ตกหลุมรักฉัน นั้นก็เพราะว่าฉันหน้าตาคล้ายพี่ ฉันเชื่อว่า ถ้าหากในตอนที่พี่หลี่ฝางสูญเสียความทรงจำได้พบกับพี่เป็นคนแรก เขาก็จะตกหลุมรักพี่เหมือนเดิม เพราะเขาได้รักพี่จนเข้ากระดูกไปแล้ว”

“ในตอนที่ฉันรู้ว่าก่อนที่พี่หลี่ฝางจะสูญเสียความทรงจำไปได้มีผู้หญิงที่รักมากคนหนึ่ง ฉันรู้สึกว่าตัวเองน่ารังเกียจมากจริง ๆ เพราะฉันได้แย่งความรักที่เขามีต่อพี่ไป ฉันแย่งเขาไปจากข้างกายของพี่ ที่ฉันมาเมืองตงไห่ในครั้งนี้ จริง ๆ แล้วฉันไม่ได้อยากจะแย่งพี่หลี่ฝางกับพี่ ฉันแค่ต้องการคำตอบจากเขาเท่านั้นเอง”

“ฉันรู้ว่าเขาได้เลือกที่จะอยู่กับพี่ และเลิกกับฉัน บอกตามตรงฉันไม่โทษพี่หลี่ฝางหรอก ฉันแค่อยากจะพูดกับเขาให้ชัดเจนซึ่ง ๆ หน้าเท่านั้น ฉันไม่อยากให้ความรักในครั้งนี้จบลงแบบไม่ชัดเจน”

ในตอนที่ฉินวี่เฟยกำลังลังเลอยู่นั่นเอง หยางฉงก็ได้เป็นคนเปิดปากขึ้นมาก่อน สิ่งที่เธอพูดมานั้นทำให้ฉินวี่เฟยตะลึงมาก เดิมทีเธอคิดว่าที่หยางฉงมาที่เมืองตงไห่ เพราะไม่ยอมเลิกกับหลี่ฝาง อยากจะคบกับหลี่ฝางต่อไป แต่ที่ทำให้เธอประหลาดใจก็คือ หยางฉงไม่ได้มีความคิดใด ๆ ในเรื่องนี้เลย

“แล้วลูกของเธอล่ะ? เธอมีแผนว่ายังไง จะให้เด็กเกิดขึ้นมาโดยไม่มีพ่อไม่ได้หรอกใช่ไหม?” ลูกผู้หญิงเหมือนกัน ฉินวี่เฟยรู้ถึงความสำคัญของเด็กที่มีต่อคนเป็นแม่

ความหมายของหยางฉงนั้นชัดเจนมากแล้ว นั่นก็คือไม่ว่าจะยังไงก็จะต้องคลอดเด็กออกมา ต่อให้คนที่หลี่ฝางรักที่สุดคือตัวเองแล้วยังไง แต่จะให้ฉินวี่เฟยแย่งพ่อของเด็กคนนี้ไป เพราะความปรารถนาส่วนตัวของตัวเองไม่ได้หรอก

เด็กคนหนึ่งขาดความรักจากผู้เป็นพ่อ เช่นนั้นชีวิตของเขาจะต้องทรมานขนาดไหน นอกจากนี้ฉินวี่เฟยเองก็รู้ว่า ถ้าหากหลี่ฝางรู้ว่าหยางฉงตั้งครรภ์ มีความเป็นไปได้มากที่เขาจะเลือกหยางฉง

เพราะเขาคือลูกผู้ชาย จะต้องมีความรับผิดชอบ

“ฉันเชื่อว่าต่อให้ไม่มีพี่หลี่ฝาง ฉันก็สามารถเลี้ยงลูกให้เติบโตได้” เรื่องพ่อของเด็กนั้นหยางฉงปล่อยวางมาก เธอได้คิดดีแล้ว ต่อให้ไม่มีหลี่ฝาง เธอก็จะต้องเลี้ยงดูเด็กคนนี้ให้เติบใหญ่”

“เธอเลิกโง่ได้แล้ว! ครอบครัวที่สมบูรณ์แบบนั้นสำคัญกับเด็กมาก ต่อให้เธอไม่สนใจ หรือว่าลูกของเธอก็ไม่สนใจเหรอ?” ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ในตอนที่ฉินวี่เฟยเห็นท่าทางไม่ใส่ใจของหยางฉง ในใจของเธอก็โมโหขึ้นมาอย่างแปลกประหลาด

แม่คนหนึ่ง จะตัดสินอนาคตลูกง่าย ๆ แบบนี้ได้ยังไง

มีเด็กจากครอบครัวที่มีพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยวมากมายแค่ไหนเดินทางผิดเพราะขาดความเอาใจใส่จากพ่อแม่ เธอบอกว่าไม่ใส่ใจที่เด็กไม่มีพ่อ นี่มันเป็นการแสดงออกของคนขาดความรับผิดชอบชัด ๆ !

“ถ้าเธอไม่สามารถให้ครอบครัวที่สมบูรณ์แบบกับเด็กได้ งั้นฉันแนะนำว่าเธออย่างคลอดเขาออกมาเลยดีกว่า แบบนี้มันไม่ยุติธรรมต่อเด็ก”

หยางฉงคิดไม่ถึงว่าฉินวี่เฟยจะพูดแบบนี้ เธอในฐานะศัตรูหัวใจเมื่อได้ยินว่าตัวเองจะไม่แย่งชิงหลี่ฝางด้วย ควรจะดีใจไม่ใช่เหรอ? ทำไมกลับกลายเป็นโมโหขึ้นมาล่ะ?

“พี่วี่เฟย พี่ไม่อยากคบกับพี่หลี่ฝางเหรอ? ถ้าจะให้ครอบครัวที่สมบูรณ์แบบกับเด็ก งั้นพี่หลี่ฝางก็จะต้องเลิกกับพี่ พี่ไม่เสียใจเหรอ?”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินวี่เฟยก็ได้ยิ้มหัวเราะเยาะตัวเองออกมา: “ฉันได้เลิกกับหลี่ฝางไปแล้ว ดังนั้นเรื่องของเขากับเธอไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับฉันแล้ว ที่ฉันอยู่ที่นี่ต่อก็เพราะอยากจะขอโทษเธอ ในเมื่อพวกเธอมีลูกด้วยกันแล้ว ฉันก็ยิ่งไม่ควรเข้าไปสร้างความวุ่นวายให้กับครอบครัวของพวกเธอทั้งสามคน”

“ความรักครั้งนี้ฉันได้วางมือจากมันแล้ว เธอสบายใจได้ ต่อไปฉันจะไม่ติดต่อกับหลี่ฝางอีก ขอให้พวกเธอมีความสุข”

ฉินวี่เฟยยิ่งกล่าวยิ่งรู้สึกเจ็บที่หัวใจ แต่เธอไม่มีทางเลือก ต่อให้เธอลืมหลี่ฝางไม่ลงแล้วยังไง สถานการณ์ในตอนนี้ จะให้เธอไม่ปล่อยมือก็คงไม่ได้แล้ว

“ไม่ พี่โกหก! ฉันรู้ว่าพี่ยังรักพี่หลี่ฝางอยู่ ฉันดูสายตาพี่ออก พี่วี่เฟย ฉันไม่อยากทำลายความรู้สึกระหว่างพี่กับพี่หลี่ฝางจริง ๆ ฉันรู้ว่าพี่เป็นผู้หญิงที่ดี พี่ไม่ควรถูกทำร้าย ดังนั้นได้โปรดมองตรงเข้าไปในหัวใจของพี่ อย่าปล่อยมือจากที่หลี่ฝางเพียงเพราะฉัน”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท