NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1248 ดับด้วยกระบวนท่าเดียว

บทที่ 1248 ดับด้วยกระบวนท่าเดียว

คนของประเทศญี่ปุ่นเข้าใจการต่อสู้ระหว่างเทพอ้านและเทพหมิงในตอนนั้นเป็นอย่างดี หรือแม้แต่ประวัติความเป็นมาของชาวอูข่าเองก็รู้ดี

เพราะงั้นเมื่อเขาเห็นแคทเธอรินที่ยืนดูอยู่อีกด้านไม่เข้ามาข้องเกี่ยว เขาจึงรู้ได้ทันทีว่าคนตรงหน้าไม่ใช่แคทเธอริน แต่เป็นแม่มดมิคาลิน

“ปีศาจที่เข่นฆ่าชนเผ่าของฉันอย่างแก ถ้ายังกล้าพูดมากอีกแม้แต่คำเดียว ฉันจะฆ่าแกแน่!”

สำหรับคนที่ปลอมเป็นคนรักของเธอ แม่มดไร้ความรู้สึกดีกับคนที่ทำร้ายชนเผ่าของเธออย่างคนญี่ปุ่นแม้แต่น้อย เมื่อได้ยินประโยคของอาซาโทสสีหน้าเปลี่ยนไปทันที น้ำเสียงเย็นเยือกราวน้ำแข็ง

“ฮ่าๆๆ จะโกรธไปทำไมกัน? ฉันไม่อยากเป็นศัตรูกับเธอหรอกนะ เธอเพียงแค่ต้องการฟื้นคืนชีพเทพอ้านเท่านั้น และฉันเพียงต้องการหัวใจของเทพอ้าน เพื่อไปสู่แดนดั่งเทพ เราสองคนไม่ได้ขัดกันทางด้านผลประโยชน์”

“และฉันสามารถช่วยให้เธอได้ในสิ่งที่เธอต้องการได้ ขอเพียงแค่เธอช่วยให้ฉันไปสู่แดนดั่งเทพได้ ฉันจะไม่ฆ่าหลี่ฝาง เธอว่ายังไง?”

อาซาโทสไม่ถือสาที่เธอจะคับแค้นเขา หรือแม้แต่คิดที่จะร่วมมือกับเธอ ยังไงซะใต้หล้าในตอนนี้ คนที่มีความสามารถในการอ่านใจคนล่วงรู้อนาคตมีไม่มากแล้ว

หากแม่มดมาอยู่ใต้บังคับบัญชาของเขาได้ ทำงานเพื่อเขา ถ้างั้นประเทศญี่ปุ่นก็จะได้กลายเป็นประเทศที่แข็งแกร่งที่สุด

ประเทศจีน อเมริกาก็จะต้องพ่ายให้กับประเทศญี่ปุ่น

“แม่มด อย่าฟังเขาพล่าม! ไอ้บ้านี่มันหลอกใช้เธอ เธออย่าหลงกลมันเด็ดขาด!”

หลี่ฝางนึกไม่ถึงเลยว่าอาซาโทสจะไร้ยางอายได้ขนาดนี้ ถึงขนาดใช้ข้ออ้างในการฟื้นคืนชีพเทพอ้านในการล่อลวงแม่มด เขารีบตะโกนเพื่อเรียกสติของแม่มด

ตอนนี้เขาคนไม่พออยู่แล้ว ต้องเสียแรงอย่างมากในการจัดการอาซาโทส หากแม่มดยอมแพ้ คิดที่จะขัดขวางอาซาโทส แย่งชิงคริสทัลกลับมา แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย

แถมตอนนี้ท่านชายป๋ายยู่ฟังแค่คำสั่งของแม่มดเท่านั้น หากแม่มดร่วมมือกับอาซาโทส เขาก็ต้องอยู่ข้างอาซาโทสด้วยโดยปริยาย

จุดจบแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่หลี่ฝางอยากเห็น

“แกไม่คู่ควรที่จะเป็นเทพของโลกนี้” ในขณะที่หลี่ฝางคิดว่าแม่มดคิดที่จะร่วมมือกับอาซาโทสนั้น ไม่คิดเลยว่าแม่มดจะปฏิเสธข้อเสนอของอาซาโทส

คำตอบของเธออยู่เหนือความคาดหมายของทุกคน อาซาโทสสีหน้าบูดบึ้งจนดำทะมึน

“มิคาลิน เธอคิดดูให้ดี ถ้าเธออยู่ข้างหลี่ฝาง ก็เท่ากับเป็นศัตรูกับเทพ เธอรู้ไหมว่าผลจะเป็นยังไง?”

“ฉันบอกแล้ว ว่าแกไม่คู่ควรที่จะเป็นเทพของโลกใบนี้” การข่มขู่ของอาซาโทส แม่มดไม่เปลี่ยนแปลงความเชื่อมั่นคงตนเองดั่งเก่า

พริบตาทำให้หลี่ฝางเข้าใจผิดคิดว่าแคทเธอรินกลับมาแล้ว ประโยคของแม่มด หลี่ฝางจึงคลายกังวลใจ ไม่สนใจทางด้านอาซาโทส ตั้งใจหันความสนใจมายังเหล่าอัศวิน

คนพวกนี้ความสามารถไม่ด้อยเลย ถึงขั้นเหนือกว่าเหยหู่ก่อนหน้านี้ เสือขาวและหงส์แดงกินแรงอย่างมาก

แม้หลี่ฝางและหลี่ต๋าคางจะพยายามช่วยพวกเขาแบ่งเบา แต่เสือขาวและหงส์แดงก็บาดเจ็บไม่เบา

“นักรบทั้งหลายที่ซื่อสัตย์ของฉัน ถึงเวลาที่จะเสียสละเพื่อชาติแล้ว ขอให้รั้งคนพวกนี้เอาไว้ให้ได้”

อาซาโทสเห็นว่าดึงแม่มดมาเป็นพวกไม่ได้ จึงไม่พูดพร่ำ พลันออกคำสั่งกับลูกน้องก่อนที่ตัวเขาจะเผ่นหนี

“หยุด! อย่าคิดที่จะเอาหัวใจเทพอ้านไปได้!” เขาเพิ่งขยับฝีเท้า แม่มดก็พุ่งเข้าใส่ เอื้อมมือออกไปยังกระเป๋าของเขาใส่หัวใจของเทพอ้านเอาไว้

“รนหาที่ตาย!” อาซาโทสไม่มีทางให้เธอแย่งชิงหัวใจของเทพอ้านไปได้ง่ายๆ อยู่แล้ว สิ่งที่เขาได้มาอย่างยากลำบาก จะปล่อยให้คนอื่นแย่งชิงไปได้อย่างไร?

เขาจ้องเขม็ง ฝ่ามือจับไปที่บริเวณลำคอของแม่มด แม้เขาจะชื่นชมความสามารถของแม่มดมาก แต่ในเมื่ออีกฝ่ายดื้อรั้นไม่ยอมก้มหัวให้เขา ก็ไม่จำเป็นที่จะเก็บเอาไว้

อาซาโทสเมื่อไม่ได้มาครอบครองก็จะทำร้ายทิ้งมาแต่ไหนแต่ไร เขาคิดจะฆ่าเธอให้สิ้นซากในฝ่ามือเดียว

แต่ในขณะที่ฝ่ามือของเขาห่างจากลูกคอของแม่มดได้ไม่กี่เซนติเมตร ก็ถูกรั้งเอาไว้ได้เสียก่อน

“ความสามารถไม่เลวนี่ อยากจะมาเป็นลูกน้องของฉันไหม? มาครอบครอง” โลกนี้ด้วยกัน?” อาซาโทสจ้องมองท่านชายป๋ายยู่ที่รับการต่อสู้ของเขาด้วยสายตาเย็นชา น้ำเสียงปะปนไปด้วยความสงสาร

ความสามารถของท่านชายป๋ายยู่ในประเทศญี่ปุ่น ถือว่าเป็นนักรบระดับแถวหน้า ไม่คิดเลยว่าจะได้เจอคนที่มีพรสวรรค์และความสามารถขนาดนี้ที่นี่ อาซาโทสนึกเสียดายขึ้นมา

“แตะต้องคนที่ฉันรัก ต้องตาย!” แต่ท่านชายป๋ายยู่ไม่แยแสอาซาโทสแม้แต่น้อย พลันจ้องสายตาของอาซาโทสกลับ กล่าวอย่างชัดถ้อยชัดคำ

“ดี ดีมาก! ถ้างั้นพวกแกก็ไปตายกันซะให้หมด!” อาซาโทสในประเทศญี่ปุ่น มีชีวิตราวกับเทพ มีคนมากมายเคารพเขา นับถือเขา

นักรบของประเทศญี่ปุ่นต่างก็อยากจะรับใช้ข้างกายเขา คนมากมายต่างคิดหาทางให้ได้เป็นหนึ่งในสิบสองอัศวิน

ไม่คิดเลยว่าเขาชักชวนเขา แต่เขากลับไม่เจียมตัว ถูกปฏิเสธสองครั้งติดต่อกันอาซาโทสสีหน้ามืดหมอง สำหรับเขาแล้วสิ่งนี้ช่างเหยียดหยามเขาสิ้นดี

สายตาของเขาแผ่ซ่านไปด้วยความอาฆาต ปล่อยหมัดด้วยความเร็วแสง ต่อยเข้าที่ช่วงท้องของท่านชายป๋ายยู่อย่างแรง

ทีแรกท่านชายป๋ายยู่คิดว่าความสามารถของเขา ต่อสู้กับอาซาโทสหลายร้อยกระบวนท่านั้นไม่ใช่ปัญหา แต่ไม่คิดเลยว่าความสามารถของอีกฝ่ายจะอยู่เหนือความคาดหมายของเขา

เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าซี่โครงของเขาหักไปหลายส่วน ลำคอกระอักเลือดสีแดงสด แต่กลับถูกท่านชายป๋ายยู่กลั้นเอาไว้

“ฉันจะให้โอกาสแกอีกครั้ง ยอมแพ้ซะ หรือไม่ก็ตาย” อาซาโทสก้มมองท่านชายป๋ายยู่ที่คุกเข่ากับพื้นใบหน้าเต็มไปด้วยความทรมาน กล่าวถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาและไร้เยื่อใย

“แม่ง กูมีชีวิตมาหลายร้อยปี นี่เป็นครั้งที่สองที่ถูกเหยียดหยาม ไปตายซะไอ้บ้าเอ้ย!”

สายตาที่หยิ่งสโยของอาซาโทสทำให้ท่านชายป๋ายยู่นึกถึงในตอนนี้ถูกเหยียดหยามจากตระกูลหลี่ในตอนนั้น เขาก่นด่าเสียงดังก่อนระเบิดความโมโห ปล่อยหมัดที่ว่องไวจนไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าเข้าใส่

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท