NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1262 ทำเป็นไม่รู้เรื่อง

บทที่ 1262 ทำเป็นไม่รู้เรื่อง

“พวกคุณกำลังจะไปไหนน่ะ!” ส้าวส้วยมองคนทั้งหน้าและหลัง ก่อนจะปวดหัวเป็นอย่างมาก

เมื่อหยิบโทรศัพท์ออกมาเตรียมจะโทรหากู่ยี่เทียน อีกฝ่ายกลับโทรมาเสียก่อน

“ฮัลโหล กู่ยี่เทียน หาเบาะแสอะไรเจอหรือเปล่า?” ตอนที่รู้ว่าเด็กโดนแย่งไป ส้าวส้วยก็โทรหากู่ยี่เทียนในทันที เพื่อให้เขาช่วยหาลูกของหลี่ฝางให้เจออย่างไม่เสียดายอะไร

แม้กู่ยี่เทียนจะอยู่ที่ซากปรักหักพังลึกลับ แต่เขามีอิทธิพลในเมืองตงไห่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก มีคนมาช่วยเพิ่มก็มีความหวังเพิ่มขึ้น

“หาเจอแล้วล่ะ ท่านจวนนั้นเหมือนจะมีการร่วมมือกับคนประเทศญี่ปุ่นจริงๆ ฉันคิดว่าการที่ลูกของหลี่ฝางถูกขโมยไปนั้นน่าจะเกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่นไม่น้อย”

เสียงของกู่ยี่เทียนนั้นส่งผ่านมาจากปลายสาย ส้าวส้วยเลยตบหัวของตัวเองแรงๆ ก็บ่นว่าจบเห่แล้ว

“ทำไมเหรอ?อะไรจบแล้วเหรอ?” กู่ยี่เทียนที่อยู่ปลายสายเมื่อได้ยินเสียงของส้าวส้วย ก็ถามพลางขมวดคิ้วขึ้นมา

หลังจากที่เขาหาข้อมูลของท่านจวนได้ก็รีบโทรหาส้าวส้วยทันที หรือว่าเวลาที่ตัวเองหานั้นมันเกิดเรื่องอะไรใหม่ๆ ขึ้นแล้วเหรอ?

“รบกวนคุณติดต่อท่านผู้อาวุโสให้หน่อย ให้เขารีบจัดคนไปหา ถ้าช้าเกินไปอาจจะเกิดเรื่องใหญ่ได้!”

พูดจบส้าวส้วยก็รีบวางสายไป ก่อนจะกระโดดออกจากหน้าต่างตามหลี่ต๋าคางลงไป

ตอนนี้เขาพอจะรู้แล้วว่าหลี่ต๋าคางไปที่ไหน จะต้องเป็นคุณท่านโกที่บอกเรื่องของท่านจวนร่วมมือกับประเทศญี่ปุ่นกับเขาแล้วแน่นอน ตอนนี้เขากำลังเตรียมจะไปหาคนน่ะ

ถ้าเกิดหลี่ต๋าคางไปหาคนทั้งแบบนี้ มันคงจะไม่ใช่เรื่องระหว่างตระกูลธรรมดาๆ แล้วล่ะ ปัญหานี้มันมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นไม่ว่าอย่างไรส้าวส้วยก็จะขวางหลี่ต๋าคางเอาไว้

กู่ยี่เทียนที่อยู่ที่ซากปรักหักพังลึกลับไกลมากเมื่อได้ยินเสียงของส้าวส้วย ก็รู้ความหนักหนาของเรื่องนี้ได้ จนไม่กล้ายั้งเอาไว้ในตอนนั้น เลยรีบโทรไปหาท่านผู้อาวุโส

หลังจากที่ท่านผู้อาวุโสได้รับโทรศัพท์ของกู่ยี่เทียน ก็มาที่นี่

ในตอนนั้น ชายที่เต็มไปด้วยอาวุธมากมายเรียงเป็นแถวถือปืนพลางเล็งมาที่หลี่ต๋าคางกับคุณท่านโกที่อยู่ตรงประตู

“พวกคุณเป็นใคร!รู้ว่าที่นี่เป็นที่ไหนไหม?ถ้าเกิดก้าวเข้ามาอีกก้าวเดียว เราจะยิงแล้วนะ!”

ชายติดอาวุธที่ยืนอยู่คนแรกใช้เสียงเรียบๆ เตือนพวกเขาทั้งสอง

“เอาหลานชายของท่านจวนกับฉันมา ฉันจะไม่เจ้าคิดเจ้าแค้นอะไรกับพวกคุณแล้ว ไม่อย่างนั้น……” หลี่ต๋าคางมองชายติดอาวุธนับสิบตรงหน้า ก็มีน้ำเสียงอาฆาตออกมา

สำหรับคนอื่น ชายติดอาวุธนับสิบนี้เป็นเพียงคนธรรมดาเท่านั้น แต่คนที่ฝึกวิทยายุทธมาเท่านั้นที่จะเห็นกำลังที่แท้จริงของพวกเขา

ชายติดอาวุธสิบกว่าคนนี้เป็นนักรบทั้งนั้น แดนที่ต่ำที่สุดคือกำลังภายในสูงสุด แดนที่นำหน้าอยู่นั้นยิ่งเข้าใกล้ครึ่งเทพมากเข้าไปใหญ่

กลุ่มของนักรบที่มีพลังเหลือล้นนั้น ถึงจะเอาผู้พิทักษ์ที่แข็งแกร่งที่สุดทั้งเมืองตงไห่มา ก็เทียบฝีมือกับพวกเขาไม่ได้เลย

“ท่านจวนอะไร เราไม่เข้าใจว่าพวกแกกำลังหมายถึงอะไร!ถอยไปนะ ตอนนี้แกเข้ามาในเขตของประเทศญี่ปุ่นของเราแล้ว ให้เวลาสามวินาที ถ้าไม่ออกไปเราจะไม่เกรงใจแล้วนะ!”

คนที่นำนั้นมองหลี่ต๋าคางก่อนจะทำเป็นไม่รู้เรื่อง

อันที่จริงเขาเป็นคนรับผิดชอบในการช่วยท่านจวนขโมยลูกของหลี่ฝางไป

ตอนที่ทั้งสองเหยียบเข้าไปที่สถานทูตจีน เขาก็รู้ตัวตนของหลี่ต๋าคางทันที แม้เขาจะอยากคุยกับหลี่ต๋าคางต่อหน้าก็ตาม

“ถ้าวันนี้พวกคุณไม่เอาหลานชายของฉันกับท่านจวนมา กูจะฆ่าโดยไม่เกรงใจแล้วล่ะ”

หลังจากที่หลี่ต๋าคางได้ยินคำพูดของด้านหน้าก็โกรธเป็นอย่างมาก ครั้งนี้ อีกฝ่ายแตะถึงขีดจำกัดของเขาแล้ว

คนในครอบครัวนี้ เป็นเหมือนกบฏของทุกคน เมื่อได้เจอ ใครๆ ก็ต้องเสียสติ และบ้าคลั่งขึ้นมา

ดังนั้น หลี่ต๋าคางในตอนนี้ โกรธเป็นอย่างมาก ในตอนนี้เขายังไม่ได้ทำอะไร ก็กดความโกรธของตัวเองเอาไว้ และนี่ก็เป็นสติสุดท้ายของตัวเองแล้ว

หลังจากที่ได้ฟังคำพูดของหลี่ต๋าคางแล้ว คนที่นำอยู่นั้นก็มีแววตาแห่งความอาฆาต แต่เพียงไม่นานก็ถูกเขาปกปิดเอาไว้ แล้วตอบอย่างทำเป็นไม่เข้าใจอยู่ดี

“คุณผู้ชายคนนี้ ฉันไม่รู้ว่าคุณกำลังพูดอะไร ฉันว่าระหว่างเราอาจจะมีเรื่องเข้าใจผิดกัน หวังว่าคุณจะมาหลังจากที่ทำอะไรให้มันชัดเจนแล้วนะ” คนที่นำอยู่นั้นโกหกต่อไป

หลี่ต๋าคางทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เมื่อด่าจบก็กำลังจะลงมือ ในตอนนั้นเอง ส้าวส้วยตามมาได้ทัน จากนั้นก็ขวางหลี่ต๋าคางที่กำลังโกรธเป็นอย่างมากเอาไว้

“เฮีย คุณใจเย็นก่อน!เขาตั้งใจจะยั่วโมโหคุณ”

ส้าวส้วยจับข้อมือของหลี่ต๋าคางเอาไว้ จากนั้นก็พยายามโน้มน้าวหลี่ต๋าคาง

“ถ้าไม่คิดถึงเรื่องอื่นด้วย ฉันคงจะฆ่าพวกเขาให้หมดแล้ว” หลี่ต๋าคางเองก็รู้ว่าหลังจากที่ลงมือแล้วมันจะร้ายแรงขนาดไหน แต่ว่า การจะยอมแพ้ไปทั้งอย่างนั้น เขาเองก็ทำไม่ได้

คำพูดนี้ทำให้ชายติดอาวุธสิบกว่าคนนั้นสีหน้าเปลี่ยนไป แต่ยังมีคนบางคนที่เดินเข้ามา แล้วอยากจะลงมืออยู่

สีหน้าของคนที่นำมานั้นมืดมนเป็นอย่างมาก แต่กลับกดอารมณ์เอาไว้ได้ เลยมองพวกชายติดอาวุธเหล่านั้นอย่างเย็นชา เพื่อบอกให้พวกเขาอย่าได้ลงมือทำอะไรโดยไม่คิด

เมื่อมองส้าวส้วยที่กำลังขวางความโกรธของหลี่ต๋าคางแทบไม่ไหว จู่ๆ รถโรลส์รอยซ์สีดำคันหนึ่งก็มาจอดอยู่ตรงด้านหน้านี้แล้ว

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท