NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1263 ท่านผู้อาวุโสมาแล้ว

บทที่ 1263 ท่านผู้อาวุโสมาแล้ว

ท่านผู้อาวุโสเอาไม้เท้าหัวมังกรลงมาจากรถ จากนั้นจึงยกมือซ้ายขึ้น ก่อนจะปิดปากและกระแอมเบาๆ

“อะแฮ่มๆ พวกพ้องต๋าคาง อย่าโกรธขนาดนั้นเลย มีเรื่องอะไรพวกเราค่อยมานั่งลงคุยกันเถอะ”

หลังจากที่ท่านผู้อาวุโสลงมาจากรถแล้ว ก็มาอยู่ต่อหน้าหลี่ต๋าคาง หลังจากที่เขาพูดจบ ก็ปรายตามองคนที่นำทีมมา ก่อนจะมีแววตาแห่งความอาฆาตเล็กน้อย

“โย่ว วันนี้ลมอะไรหอบมาล่ะ?ถึงได้พัดท่านผู้อาวุโสมาได้?คุณจะมาก็ไม่บอกเสียก่อน เลยไม่ได้ออกไปรอรับเลยน่ะ!”

ท่านผู้อาวุโสพูดจบ ก็มีชายติดอาวุธคนหนึ่ง มีชายวัยกลางคนเคราแพะเดินเข้ามาด้านใน

เมื่อเห็นท่าทีของเขา น่าจะได้ยินเสียงด้านนอก แต่กลับไม่ยอมออกมาสักที จนกระทั่งท่านผู้อาวุโสปรากฏตัวเขาถึงออกมา ส้าวส้วยมั่นใจได้เข้าไปใหญ่ ว่ามันคือการลวงหลี่ต๋าคางเท่านั้น

“ทาเคชิตะ มัตสึซากะ ที่แท้คุณก็เป็นคนคุมเองหรอกเหรอ พวกพ้องต๋าคางของพวกเรารออยู่ที่หน้าประตูตั้งนาน ก็ไม่เห็นคุณออกมา ทำไมเหรอ หรือว่าคุณดูแคลนตระกูลนักรบอันดับหนึ่งของประเทศจีนงั้นเหรอ?”

ท่านผู้อาวุโสมองชายวัยกลางคน จากนั้นก็พูดอย่างมีนัยว่า คำพูดของเขาหยุดยั้งทาเคชิตะ มัตสึซากะที่จะทำอะไรหลี่ต๋าคางแล้ว แถมยังเที่ยวชี้นิ้วว่าเขาไม่มีใครอยู่ในสายตาอีก

ทาเคชิตะ มัตสึซากะปากกระตุก คิดไม่ถึงเลยว่าท่านผู้อาวุโสจะลงมือก่อน แม้ในใจจะไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่ท่าทีภายนอกนั้นมีรอยยิ้มอยู่เต็มไปหมด

“ท่านผู้อาวุโสคุณพูดอะไร พละกำลังของตระกูลหลี่ในวันนี้มีเพียงไม่กี่คนที่กล้าเป็นศัตรูด้วย ทำไมฉันจะต้องดูแคลนตระกูลหลี่ด้วยล่ะ เพียงแต่พี่หลี่เรียกกะทันหัน แถมท่าทีแบบนี้ยังน่ารังเกียจ จะให้ฉันไม่ระแวดระวังได้อย่างไร”

“เมื่อก่อน ตระกูลนักรบเหล่านั้นรับคำสั่งมาจากหน่วยการต่อสู้ แต่หลายปีมานี้ พวกนักรบยิ่งบ้าคลั่งขึ้นมา”

“คุณไม่กลัวพวกเขางั้นเหรอ?”

ทาเคชิตะ มัตสึซากะหัวเราะเหอะๆ

ท่าทีท้าทายแบบนี้มันดูไม่ดีเลยแม้แต่น้อย ถึงอย่างไรท่านผู้อาวุโสก็ไม่ใช่แค่เด็กน้อยสามขวบ

เมื่อเห็นท่านผู้อาวุโสหัวเราะเสียงเย็นชา จากนั้นก็ใช้ไม้เท้าเคาะพื้นเบาๆ พลางตอบอย่างไม่รีบร้อน

“คิดไม่ถึงเลยว่าคุณมัตสึซากะที่เป็นท่านทูตใหญ่ จะสนใจแดนนักรบของประเทศจีนขนาดนี้ ฉันได้ยินว่า คุณเองก็ผูกพันธมิตรกับนักรบจีนของพวกเราไม่น้อยเลยใช่ไหม?”

ทาเคชิตะ มัตสึซากะมีสีหน้าเคร่งเครียด เพราะรู้ว่าท่านจวนถูกเปิดโปงแล้ว แต่เพียงไม่นาน สีหน้าของเขาก็กลับมาเป็นปกติ

“ก็แค่เป็นเพื่อนด้วยเท่านั้นเอง ท่านผู้อาวุโสไม่ต้องคิดอะไรมากขนาดนั้นหรอก”

หลี่ต๋าคางกำลังฟังท่านผู้อาวุโสกับทาเคชิตะ มัตสึซากะคุยกัน เพียงแค่คิดว่ามันพลุ่งพล่านไปมาก เขาก็อดไม่ได้ที่จะตัดบทของทาเคชิตะ มัตสึซากะ

“ท่านผู้อาวุโส ฉันไม่มีเวลามาคุยอะไรไร้สาระกับพวกคุณหรอกนะ ฉันแค่อยากรู้ว่าหลานชายฉันอยู่ที่ไหน ท่านจวนอยู่ที่ไหน ความอดทนของฉันมีขีดจำกัด แถมยังหวังจะรีบออกคำสั่งกับฉัน……”

ท่านผู้อาวุโสนั้นปรายตามองหลี่ต๋าคาง ในดวงตานั้นมีความจนปัญญาเป็นอย่างมาก เขาเข้าใจอารมณ์ความโกรธของหลี่ต๋าคางไม่น้อยเลย

ท่านผู้อาวุโสไม่สามารถให้หลี่ต๋าคางทำให้เรื่องมันใหญ่ได้ เลยทำได้เพียงปลอบโยน

“ส้าวส้วย คุณพาเขาไปก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันจัดการที่นี่เอง” ท่านผู้อาวุโสนั้นคิดวิธีดีๆ อื่นๆ ไม่ออกเลย เลยต้องให้ส้าวส้วยพาหลี่ต๋าคางออกไปจากที่นี่ก่อน

เขาไม่กล้ารับประกันว่าถ้าหลี่ต๋าคางอยู่ที่นี่ต่อไป แล้วสถานทูตนั้นยังจะสงบ

ส้าวส้วยเองก็เข้าใจความหมายของท่านผู้อาวุโส จากนั้นก็พยักหน้า ก่อนจะดึงแขนของหลี่ต๋าคางแล้วพาเขาไป

“เฮีย พวกเรากลับไปกันก่อนเถอะ ท่านผู้อาวุโสนั้นก็ทำเพื่อพวกเรา ฉันเชื่อว่าเขาจะต้องให้เรารับคำสั่งอะไรบ้างล่ะ” ส้าวส้วยนั้นพยายามโน้มน้าว

หลี่ต๋าคางนั้นไม่ได้ขยับเลย ในทางกลับกัน ความอาฆาตของเขากลับหายไปอย่างรวดเร็ว บรรยากาศรอบๆ นั้นมันเย็นจัด ในตอนนั้น มีคนไม่น้อยที่รู้สึกกลัวขึ้นมา

ขนาดท่านผู้อาวุโสเองก็เริ่มกลัวขึ้นมา

ท่านผู้อาวุโสรีบเดินขึ้นมาต่อหน้าหลี่ต๋าคาง ก่อนจะพูด: “ให้เวลาฉันสักหน่อย ฉันรับประกันเลยว่าจะพาหลานชายของคุณกลับมาอย่างปลอดภัย และส่งให้คุณแน่นอน”

หลี่ต๋าคางมองท่านผู้อาวุโส ก่อนจะพูดกับคนต่อหน้า: “บอกท่านจวนสักหน่อย ก่อนที่ฟ้าจะสว่าง ถ้าเขาไม่พาหลานชายฉันมาที่สถานตากอากาศอย่างปลอดภัย ก็รอเก็บศพตงฟางเย่นได้เลย!”

“พี่หลี่ ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าคุณหมายถึงท่านจวนไหนกันแน่ ส่วนเรื่องที่หลานชายคุณถูกคนจับไป ฉันขอโทษด้วยจริงๆ แล้วก็หวังว่าคุณจะพาเขากลับมาได้เร็วที่สุด”

ทาเคชิตะ มัตสึซากะเหมือนตั้งใจจะทำให้หลี่ต๋าคางโกรธ ท่าทียิ้มแย้มของเขานั้น ทำให้ส้าวส้วยอดไม่ได้ที่จะอยากทำร้ายเขาอย่างเต็มแรง

เมื่อได้ยินเขาพูดคำนั้นออกมาหลี่ต๋าคางก็เนื้อเต้นไปทั้งตัว หน้าผากก็มีเส้นเลือดปูดขึ้นมา จากนั้นส้าวส้วยก็แทบจะดึงเขาเอาไว้ไม่ไหวแล้ว

“คุณท่านโก!พาเขาไป!” ท่านผู้อาวุโสเห็นดังนั้น ก็รีบพูดกับคุณท่านโกเสียงดัง จากนั้นเขาก็หันหัวไปมองทาเคชิตะ มัตสึซากะอย่างเย็นชา พลางเตือนขึ้น “ทาเคชิตะ มัตสึซากะ ถ้าไม่อยากตาย ก็หุบปากซะ”

ในตอนนั้นเอง ทาเคชิตะ มัตสึซากะก็ถูกความเย็นชาของท่านผู้อาวุโสทำให้สั่นไหว พลางอ้าปากเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

“พาคนคนนี้ไปเดี๋ยวนี้!” หลังจากที่พวกหลี่ต๋าคางจากไปแล้ว ท่านผู้อาวุโสก็พูดกับคนด้านหลัง

“ท่านผู้อาวุโส คุณหมายความว่าอะไรกันแน่?จะพาคนของฉันไปทั้งแบบนั้นน่ะเหรอ?”

ท่านผู้อาวุโสเองก็ไม่ได้สนใจทาเคชิตะ มัตสึซากะ ก่อนจะปรายตามองเขาเบาๆ แล้วก็ส่งสัญญาณให้ลูกน้องทำต่อไป

“มัตสึซากะ ทำไมฉันต้องพาคนเหล่านี้ไปคุณเองน่าจะรู้ดี แม้พวกเขาจะเป็นเหมือนคนธรรมดา แต่พลังนั้นเป็นนักรบที่แข็งแกร่ง อีกอย่างฉันเองก็เคยตรวจสอบแล้ว พวกคุณเหล่านั้นต่างแอบเข้ามาในเมืองตงไห่ทั้งนั้น”

เมื่อได้ยินดังนั้น นักรบสิบกว่าคนก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป จากนั้นก็กดความโกรธเอาไว้ในใจพลางมองหัวหน้าคนนั้น ก่อนจะรอคำสั่งของเขา

ส่วนนักรบที่นำทีมนั้นกลับไม่ร้อนรนเลย ก่อนจะหยิบการ์ดออกมาพลางส่งให้ตรงหน้าท่านผู้อาวุโส

“ท่านผู้อาวุโส พวกพ้องเป็นสิบกว่าคนนั้นแม้จะเพิ่งมาที่เมืองตงไห่ แต่กลับเข้ามาอย่างเปิดเผย ถ้าเกิดคุณไม่เชื่อ ก็ตรวจสอบได้นะ”

ท่านผู้อาวุโสหรี่ตาลง แต่เขาไม่ได้ยื่นมือออกมารับใบอนุญาตนั้นไป เพราะมันไม่จำเป็นอีกต่อไปแล้ว

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท