NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1274 หักแขนตัวเอง

บทที่ 1274 หักแขนตัวเอง

“แม่งเอ๊ย……” หลี่ต๋าคางก่นด่าอย่างอดไม่ได้เมื่อได้ยินอย่างงั้น แต่พูดได้เพียงไม่กี่ประโยค เปียวจื่อที่เปลี่ยนร่างมุ่งมาทางเขา รวดเร็วจนหลี่ต๋าคางแทบไหวตัวไม่ทัน

เปียวจื่อราวกับหมาบ้าที่ทับอยู่บนร่างของหลี่ต๋าคาง พลันอ้าปากหวังกัดหลี่ต๋าคาง

หลี่ต๋าคางรั้งคอของเปียวจื่อเอาไว้แน่น มืออีกข้างทุบหัวของเปียวจื่ออย่างบ้าคลั่ง

ทุกครั้งที่จู่โจมหลี่ต๋าคางใช้สุดกำลัง แต่เปียวจื่อเสมือนกับว่าไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดอย่างไรอย่างงั้น ต่อให้หัวถูกทุบจนแตก เขาราวกับสัตว์ร้ายที่ไร้สมองจู่โจมหลี่ต๋าคางท่าเดียว

“สัตว์ประหลาด! ไอ้สัตว์ประหลาด!” ตอนนี้ท่านจวนตกใจจนล้มลงกับพื้น ดวงตาคู่นั้นจับจ้องเปียวจื่ออย่างหวาดผวา ชี้นิ้วไปที่เขาตะโกนด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

“แม่งเอ๊ย! ไร้ประโยชน์สิ้นดี!” เมื่อจ้องมองท่านจวนที่ตกใจจนไม่กล้าขยับตัว หลี่ต๋าคางตะโกนเสียงทุ้มต่ำ ก่อนที่จะไปยังหน้าท่านจวนอย่างรวดเร็ว กอดท่านจวนกลิ้งไปกับพื้น หลบการโจมตีของเปียวจื่อ

เพราะท่านจวนมีร่างของหลี่ต๋าคางเป็นเกราะป้องกัน จึงไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่เพื่อช่วยชีวิตเขาหลี่ต๋าคางถูกเปียวจื่อข่วนที่ได้รับบาดเจ็บบริเวณไหล่

ความเจ็บปวดเจียนตายที่หัวไหล่ทำให้หลี่ต๋าคางต้องกรีดร้องออกมา ริมฝีปากขาวซีด ไม่ทันที่จะได้หายใจหายคอ ลมพายุลูกหนึ่งก็แล่นผ่านมาจากด้านหลังของเขา

คว้าท่านจวนที่อยู่ที่พื้น โยนเขาไปยังพื้นที่ที่สามารถเล่นได้สองคนราวกับลูกบอล

หลังจากนั้นฝ่ามือข้างหนึ่งแนบลงกับพื้น ฝ่าเท้าข้างหนึ่งง้างขึ้นจากผืนดิน ร่างกายพุ่งไปยังเปียวจื่อที่กำลังเร่งเข้ามา

เปียวจื่อที่ราวกับภูเขาลูกเล็กที่บินออกไป กระแทกลงที่พื้นเสียงดัง แม้แต่พื้นดินยังสั่นคลอนตามไปด้วย

เปียวจื่อในตอนนี้ไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไปแล้ว แต่ตอนนี้เขาสูญเสียสติสัมปชัญญะไปแล้ว แถมยังแยกแยะไม่ออกจู่โจมไปทั่ว ลูกน้องของทาเคชิตะ มัตสึซากะแทบจะถูกสังหารทั้งหมด

จากเรื่องราวก่อนหน้านี้เดาได้ว่า ยาพวกนี้เหมือนว่าจะมีเวลากำหนด เปียวจื่อในตอนนี้กำลังอยู่ในสุดที่คลั่งที่สุด หลี่ต๋าคางสู้กับเขาซึ่งๆ หน้าตอนนี้ไม่ใช่วิธีการที่ฉลาดเอาซะเลย เพราะงั้นเขาเลยหลบพร้อมกับรอเวลาหมดฤทธิ์ยาไปด้วย

“หลี่ต๋าคาง! ถ้าแกไม่อยากให้เด็กคนนี้ตาย ก็สู้กับสัตว์ประหลาดตัวนั้นซะ!”

ในเวลานี้เอง ทาเคชิตะ มัตสึซากะปรากฏกายขึ้นที่หน้าประตู ในมือของเขาจับรถเข็นเด็กเอาไว้ จ้องมองหลี่ต๋าคางพร้อมข่มขู่

“แกรนหาที่ตาย!” แม้หลี่ต๋าคางจะเคยเจอเด็กแค่ครั้งเดียว แต่เขาก็จำได้ทันทีว่าเด็กในมือของทาเคชิตะ มัตสึซากะก็คือหลานชายของเขาผิงอัน

ความเย็นยะเยือกแผ่ออกจากร่างของหลี่ต๋าคางมากขึ้น ขยับร่างเพียงน้อยนิดก็ไปอยู่ที่ทาเคชิตะมัตสึซากะ

แต่เพิ่งก้าวได้เพียงครึ่ง ก็ต้องนิ่งแข็งกับการกระทะของทาเคชิตะ มัตสึซากะต่อจากนี้

มือของทาเคชิตะ มัตสึซากะวางลงสวิตช์ตู้ทารก เพียงแค่เขากดเบาๆ ห้องทารกก็จะถูกเปิดออก ก็จะสัมผัสกับอากาศข้างนอก

ผิงอันคลอดก่อนกำหนด ร่างกายยังไม่สมบูรณ์ดี หากสัมผัสอากาศข้างนอก จะต้องเป็นอันตรายแน่

“หลี่ต๋าคาง ถ้าอยากให้เด็กรอด ก็ทำตามคำสั่งฉันซะ” ทาเคชิตะ มัตสึซากะจ้องมองหลี่ต๋าคางที่ชะงักฝีเท้า ใบหน้าเผยรอยยิ้มที่กระหายเลือด

เมื่อเห็นเสี่ยวผิงอันที่หลับใหลในตู้ หลี่ต๋าคางกัดฟันจนแทบแตก ดวงตาคู่นั้นจ้องทาเคชิตะ มัตสึซากะเขม็ง โกรธแค้นแต่ก็ไร้หนทาง

“ว่ามา จะให้ฉันทำอะไร”

ระหว่างชีวิตของตนเองและชีวิตของเสี่ยวผิงอัน หลี่ต๋าคางเลือกชีวิตของเสี่ยวผิงอันอย่างไม่ลังเล

“ฮ่าฮ่า แกนี่เป็นปู่ที่ใช้ได้เลย” หลี่ต๋าคางที่หยุดการขัดขืน ในสายตาของทาเคชิตะ มัตสึซากะเต็มไปด้วยความร้ายกาจ น้ำเสียงหัวเราะเยาะ “อันดับแรกแกต้องหกแขนของตัวเองก่อน แล้วก็ไปฆ่าสัตว์ประหลาดตัวนั้นซะ ถ้าในสถานการณ์แบบนี้แกยังมีชีวิตรอดได้ ฉันก็จะคืนเด็กให้แก”

เมื่อหลี่ต๋าคางได้ยินคำสั่งของทาเคชิตะ มัตสึซากะ รูม่านตาขยายเล็กน้อย เส้นเอ็นบนขมับนูนออก กล้ามเนื้อตึงแน่น มือทั้งสองข้างสั่นเทาด้วยความโกรธ

“ทาเคชิตะ มัตสึซากะ แกอย่าให้ฉันได้มีโอกาสรอดเป็นอันขาด ไม่เช่นนั้นฉันจะทำให้แกได้ว่าอะไรคือกายตายทั้งเป็น!”

จบประโยค หลี่ต๋าคางหักแขนของตนเองอย่างไม่ลังเล คนรอบข้างเพียงแค่ได้ยินเสียงก็รู้สึกเจ็บแล้ว แต่หลี่ต๋าคางราวกับคนที่ไร้ความรู้สึกอย่างไรอย่างั้น

จ้องทองทาเคชิตะ มัตสึซากะอย่างเย็นชา ก่อนที่จะมุ่งไปยังเปียวจื่อด้วยแขนที่ห้อยต่องแต่ง

เปียวจื่อที่ถูกรอยประทับของหลี่ต๋าคางไปสองทีได้รับบาดเจ็บภายใน เมื่อได้ยินเสียงของหลี่ต๋าคางเกิดคลั่งมากกว่าเก่า

พริบตาทั้งคู่สู้กันจนหินดินทรายปลิวว่อนไปทั่ว พื้นดินไหว

ก่อนที่หน้าหลี่ต๋าคางสู้กับเปียวจื่อกินแรงไปมาก ตอนนี้แขนสองเขาหักทั้งสองข้างยิ่งไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเปียวจื่อเข้าไปใหญ่

เพียงแค่ไม่กี่นาที เขาก็ถูกเปียวจื่ออัดจนล้มลงกับพื้นหลายหน เสื้อผ้าที่สะอาดสะอ้านถูกย้อมไปด้วยเลือด หลายต่อหลายครั้งที่เขาแทบจะจบชีวิตในเงื้อมมือของเปียวจื่อ แต่ทุกครั้งเขาก็ใช้ประสบการณ์การต่อสู้ที่หลากหลายและแรงต้านทานที่แข็งแกร่งหลบหลีกการโจมตีของเปียวจื่อได้

ทาเคชิตะ มัตสึซากะที่ดูเหตุการณ์อยู่อีกด้านกระทืบเท้าต่อเนื่อง โยนตู้ทารกให้กับลูกน้องคนสนิท ก่อนที่จะควักปืนออกมาจากเอวจ่อไปที่หลี่ต๋าคางสามนัด

หลี่ต๋าคางที่ได้ยินเสียงปืนไหวตัวในทันที น่าเสียดายที่เขาหลบกระสุนทั้งสามนัดไม่ได้หมด กระสุนนัดสุดท้ายโดนเข้าที่ท้องของเขาเต็มๆ

พริบตาเลือดสีแดงสดไหลออกมาจากบริเวณท้องของเขา ความเจ็บปวดของร่างกายทำให้เขาชะงักไปครู่หนึ่ง ในไม่กี่วินาทีสั้นๆ ทำให้เปียวจื่อได้โอกาส กำปั้นหนึ่งซัดเข้าหลี่ต๋าคางจนกระเด็นกับพื้น

เลือดสดกระอักไหลออกจากปากของหลี่ต๋าคางไม่หยุด เขารู้สึกว่าสติของเขาค่อยๆ พร่ามัว คิดที่จะตอบโต้ แต่ตัวของเขากระตุกสั่นไปทั้งร่าง เพียงแค่ขยับเล็กน้อยก็ปวดเจ็บราวกระดูกหัก

เขาจ้องมองเปียวจื่อที่อยู่เหนือหัว บนใบหน้าเผยรอยยิ้มขมขื่น

“เสี่ยวฝาง พ่อพยายามที่สุดแล้ว” หลี่ต๋าคางพูดกับท้องฟ้า ก่อนหลับตาลงอย่างยอมรับชะตากรรม

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท