NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1272 สวมหน้ากากอีกครั้ง

บทที่ 1272 สวมหน้ากากอีกครั้ง

เมื่อแน่ใจแล้วว่าเมี๋ยวชุ่ยไม่เป็นอะไร ส้าวส้วยจึงออกมาจากห้องวิจัย ตรวจสอบราฟาเอลที่กองอยู่ที่หน้าห้องวิจัย เมื่อเห็นพวกเขาหมดสติไปเช่นเดียวกัน จึงโล่งอก

“โอ๊ย……เจ็บชะมัด!” ไท่ซางที่หมดสติไปค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้น คลำท้ายทอยของตนเองพร้อมกับร้องโอดครวญ

โหจื่อที่อยู่อีกด้านเมื่อเห็นเขาฟื้นขึ้นมาแล้ว ดวงตาฉายแววประกาย “ไท่ซาง ตื่นแล้วหรือ! นี่มันเรื่องอะไรกันแน่? ทำไมเรากลับมาพวกแกหมดสติไปกันหมดเลยล่ะ?”

ไท่ซางไม่ทันได้ไหวตัวเมื่อเห็นโหจื่อ เขาตบหัวของตนเอง เพื่อเรียกความทรงจำก่อนหน้ากลับคืนมา

“เป็นคุณท่านโก! เรื่องทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของเขา!” ไท่ซางจะเป็นคนวู่วามไม่รอบคอบ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาเป็นคนไร้สมอง เขาทบทวนความทรงจำอย่างละเอียด กล่าวอย่างน่าสงสาร

“คุณท่านโก? เขาเป็นเพื่อนของเฮียไม่ใช่เหรอไง? เขาจะทำแบบนี้ทำไม?” หลังได้ยินประโยคของไท่ซาง โหจื่อเองก็ทำหน้าประหลาดใจเช่นเดียวกัน

หลี่ต๋าคางกล้าไปที่คฤหาสน์ของท่านจวนในตอนนี้ ก็เพราะว่ามีคุณท่านโกอยู่ที่บ้านพักตากอากาศ

แต่ไม่คิดเลยว่าคนที่พวกเขาเชื่อใจ จะหักหลังตนเสียได้

“ท่านโกพาตัวตงฟางเย่นไป” ตอนนี้ส้าวส้วยรู้เรื่องราวความเป็นมาทุกอย่างแล้วผ่านกล้องวงจรปิด เมื่อเห็นภาพขณะที่คุณท่านโกคิดจะลงมือกับเมี๋ยวชุ่ย ส้าวส้วยแทบจะขว้างคอมพิวเตอร์ทิ้ง

ดีที่ตอนหลังคุณท่านโกมีจิตสำนึก ไม่ได้ลงมือฆ่าเมี๋ยวชุ่ย ไม่เช่นนั้นหลี่ต๋าคางที่ขาดเมี๋ยวชุ่ยไปไม่รู้ว่าจะทำเรื่องอะไรได้บ้าง

“คุณท่านโกทำเพื่ออะไรกันแน่! การที่เขาทำแบบนี้มีประโยชน์อะไรกับเขากันแน่?” โหจื่อไม่เข้าใจจริงๆ ว่าสาเหตุใดคุณท่านโกถึงได้ทำแบบนั้น เขาพาตัวตงฟางเย่นไปจะทำอะไรกันแน่?

“แม้ฉันจะไม่รู้สาเหตุที่คุณท่านโกทำแบบนั้น แต่ฉันเดา ต้องมีอะไรตกอยู่ในเงื้อมมือของท่านจวนแน่” ส้าวส้วยลูบคางของตนเอง กล่าวอย่างครุ่นคิด

“ส้าวส้วย ติดต่อหาท่านผู้อาวุโส บอกเรื่องที่เราหาเอกสารเจอกับเขา พวกแกดูแลบ้านพักตากอากาศให้ดี ฉันจัดการเรื่องราวเสร็จแล้วจะรีบกลับมา”

หลี่ต๋าคางลงมาจากชั้นบนหลังจากที่จัดการเรื่องราวของเมี๋ยวชุ่ยเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เขาสงบสติอารมณ์ได้แล้ว ใบหน้าเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม สายตาฉายแววไปด้วยความอาฆาต

“เฮีย ให้ผมไปด้วยเถอะ” ส้าวส้วยขมวดคิ้วกล่าวถาม

ทีแรกเขาคิดว่าหลี่ต๋าคางจะพาเขาไปด้วยเสียอีก แต่คราวนี้เขากลับส่ายหน้า “ไม่ แกอยู่ที่นี่ จัดการกับท่านจวนฉันคนเดียวก็เพียงพอแล้ว”

จบประโยค หน้ากากใบหนึ่งปรากฏขึ้นที่มือของหลี่ต๋าคาง ส้าวส้วยและคนอื่นๆ เมื่อเห็นหน้ากากนั้นต่างหน้าถอดสี ทั้งเคารพและหวาดผวามากกว่าเดิม

พวกเขารู้ดีว่าหน้ากากนี้มีความหมายว่ายังไง หลังจากที่ใส่หน้ากากนี้ เขาจะไม่ใช่หลี่ต๋าคางอีก แต่เป็นหลอซ่าที่ทำให้ทุกคนต้องหวาดกลัว

“เข้าใจแล้ว เฮีย เราจะรอเฮียกลับมา” ส้าวส้วยพยักหน้าอย่างจริงจัง

หลี่ต๋าคางกวาดมองทุกคน ก่อนที่จะก้มหน้าลงสวมหน้ากาก เมื่อแหงนหน้าขึ้นอีกครั้ง บรรยากาศรอบตัวของเขาก็ได้เปลี่ยนไป ออร่าพิฆาตโดยธรรมชาติครอบทั้งร่าง แม้แต่ส้าวส้วยเองก็ไม่กล้ามองหน้าเขา

เพียงแค่พริบตา หลี่ต๋าคางที่อยู่หน้าบันไดในทีแรกก็ได้หายตัวไป

ส้าวส้วยไม่กล้ารอช้ารีบติดต่อหาผ่านผู้อาวุโสทันที และนำหลักฐานที่ท่านจวนร่วมมือกับทาเคชิตะมัตสึซากะส่งมอบให้กับเขา

เขารู้ว่าหลี่ต๋าคางจะไปที่ไหน แต่ถ้าคิดที่จะลงมือกับทาเคชิตะ มัตสึซากะก็ต้องมีหลักฐานที่แน่ชัด และสิ่งที่เขาต้องทำในตอนนี้ ก็คือให้สาเหตุที่หลี่ต๋าคางจะลงมือจัดการกับเขา

“ดีมาก! มีหลักฐานพวกนี้อยู่ ทาเคชิตะ มัตสึซากะดิ้นยังไงก็ไม่หลุดแน่!” ท่านผู้อาวุโสจ้องมองหลักฐานที่ส้าวส้วยส่งมอบให้เขา กล่าวด้วยความตื่นเต้น

นักรบที่เขาพากลับมาจากทาเคชิตะ มัตสึซากะทุกคนต่างปากแข็ง ไม่ว่าจะลงโทษด้วยวิธีไหนก็ไม่ได้คำตอบหลุดออกจากปากของพวกเขาสักอย่าง

และเพราะพวกเขาไม่มีหลักฐาน ก็ไม่สามารถทำอะไรกับนักรบพวกนั้นหนักได้ ยากลำบากมากในการสอบสวนคนพวกนั้น แต่ตอนนี้ส้าวส้วยส่งเอกสารพวกนี้มา พวกเขาก็จะสามารถใช้วิธีการที่เหี้ยมโหดในการจัดการกับนักรบพวกนั้น

“เฮียของเรากำลังเดินทางไปทาเคชิตะ มัตสึซากะ ขอให้ทางด้านท่านผู้อาวุโสรีบส่งคนที่มีความสามารถตามไปสมทบ แบบนี้เราจะช่วยท่านกำจัดอุปสรรคอย่างทาเคชิตะ มัตสึซากะได้อย่างถูกต้อง”

หลังจบคำ ส้าวส้วยตัดสายทิ้ง แม้ทางด้านหลี่ต๋าคางจะไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเขา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่ได้ทำอะไร

ไม่รู้ว่าคุณท่านโกพาตงฟางเย่นไปที่ไหน สมาชิกที่เหลือของตระกูลตงฟางเองต่างก็หนีไปคนละทิศละทาง เขาต้องจับคนพวกนั้นกลับมา

“โหจื่อ แกพาคนไปกลุ่มหนึ่งจับตัวคนของตระกูลตงฟางกลับมา ไท่ซางแกพาลูกน้องไปสิบกว่านายไปที่โรงพยาบาล รับผิดชอบความปลอดภัยของฉินวี่เฟยและหยางฉง ราฟาเอลนายไปสอบสวนสองคนนั้นที่เราเพิ่งได้ตัวกลับมา ลองดูว่าจะได้อะไรจากปากของพวกเขาอีกไหม”

ส้าวส้วยแบ่งงานทั้งหมดอย่างใจเย็น หลี่ต๋าคางไม่อยู่ คนที่แข็งแกร่งที่สุดในบ้านพักตากอากาศก็คือส้าวส้วย เขาจำเป็นที่จะต้องอยู่ที่บ้านพักตากอากาศ ให้โหจื่อและไท่ซางไปจัดการทุกอย่าง

ส่วนทางด้านคุณท่านโก หาตัวเขาเป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว แต่ตอนนี้กำลังคนไม่พอ ต้องปล่อยไปก่อน

หลี่ต๋าคางเดินทางมาถึงพื้นที่ของทาเคชิตะ มัตสึซากะเป็นที่เรียบร้อย นักรบที่อยู่หน้าประตูคิดที่จะขัดขวางเขา แต่ไม่ทันได้เข้าถึงตัวเขา ก็เลือดออกทวารทั้งเจ็ดเสียชีวิตเสียแล้ว

ความเคลื่อนไหวที่ใหญ่เช่นนี้หันความสนใจของท่านจวนได้ในทันที เขาชะงักการชงชา ส่งสายตาให้กับเปียวจื่อที่อยู่ข้างๆ เพื่อให้เขาออกไปตรวจสอบสถานการณ์

ไม่ทันรอให้เปียวจื่อเดินออกจากห้อง ประตูไม้บานนั้นก็ถูกหลี่ต๋าคางถีบจนพัง หลี่ต๋าคางเดินเข้ามาด้วยไอพิฆาต อุณหภูมิในห้องค่อยๆ ลดต่ำ

เปียวจื่ออดลอบกลืนน้ำลายกับหลี่ต๋าคางในตอนนี้ไม่ได้ ร่างกายถอยไปข้างหลังครึ่งก้าวอย่างห้ามไม่ได้

“เปียวจื่อ กลัวเหรอ?”

ในขณะที่เปียวจื่อเกิดความขี้ขลาด น้ำเสียงของท่านจวนราวกับทุบลงที่หัวของเขา เปียวจื่อพลันเนื้อตัวกระตุก ก่อนที่ความผวาในสายตาของเขามลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท