NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1296 ฉันไม่ใช่เทพ

บทที่ 1296 ฉันไม่ใช่เทพ

แม้เรื่องขอแต่งงานเมื่อคืนหลี่ฝางไม่ได้ประกาศโจ่งแจ้ง แต่มีเพื่อนที่สนิทๆกันบางส่วนรู้ กู่ยี่เทียนก็คือหนึ่งในนั้น

“นายอย่าว่าแต่ฉันเลย ถ้านายมีฉลาดหน่อยป่านนี้ลูกนายอาจจะโตแล้วก็ได้ เสี่ยวหงส์แดงของนายนั้นโกรธนายสุดจิตสุดใจ ชอบมาตั้งนานแล้วนี่”

หลี่ฝางยิ้มเบาๆพลางใช้ข้อศอกกระทุ้งไปที่เอวกู่ยี่เทียน พร้อมยู่ปากไปทางหงส์แดงและคนอื่นๆที่อยู่ไม่ไกล

เมื่อได้ยินหลี่ฝางพูดถึงหงส์แดง กู่ยี่เทียนก็หน้าแดงขึ้นมาเล็กน้อย ถลึงตาใส่หลี่ฝาง แล้วพูดหยาบๆ

“นายอย่าพูดมั่วซั่ว ฉันกับหงส์แดงเป็นความสัมพันธ์แบบสหายร่วมรบเฉยๆ ไม่ใช่อย่างที่นายคิด”

“โถๆ ฉันพูดมั่วหรือไม่มั่วนายรู้ดีที่สุด ถ้านายเขินฉันช่วยถามหงส์แดงให้นายได้นะ ดูซิว่าเธอคิดกับนายแบบสหายร่วมรบเฉยๆหรือเปล่า”

หลี่ฝางพูดจบทำท่าจะเดินไปหาหงส์แดง ทำเอากู่ยี่เทียนต้องห้ามเขาด้วยความตกใจ

“เจ้าหมอนี่อยากมีเรื่องใช่ไหม!”

เห็นกู่ยี่เทียนหูแดงระเรื่อๆ หลี่ฝางก็ขำออกมาอย่างอดไม่ได้ เสียงหัวเราะอันเบิกบานของเขา ดึงดูดความสนใจของหงส์แดงพวกเขาทำให้ทั้งสี่คนเดินเข้ามาทันที

“ทำไมคุณมองฉันแบบนี้?หน้าฉันมีอะไรติดงั้นเหรอ?”หงส์แดงโวยวายเพราะสายตาหลี่ฝางมอง ลูบหน้าตัวเองพลางถามด้วยความสงสัย

“เปล่า แค่จู่ๆก็พบว่าคุณไว้ผมยาว พอตั้งใจมองดีๆก็เห็นว่าคุณสวยดี”

หลี่ฝางเก็บรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม พูดพลางส่งสายตาเป็นนัยๆให้กู่ยี่เทียน

“ฮ่า หลี่ฝางคุณตาถึงนะเนี่ย!ไม่เหมือนที่ฉันคิดไว้เลย!ฉันก็คิดว่าหงส์แดงไว้ผมยาวแล้วสวยดีเหมือนกัน เพียงแต่นิสัยแมนเกินไปหน่อย ถ้าอ่อนโยนอีกหน่อยจะดีมาก”

เสือขาวดูไม่ออกว่าที่หลี่ฝางพูดนั้นตั้งใจพูดแทะโลมหงส์แดง ถึงขนาดพูดคล้อยตามอย่างไม่ยี่หระ

เมื่อหงส์แดงได้ยินที่เสือขาวพูด ก็หน้าแดงขึ้นมาทันที เธอจัดผมตัวเองที่ยาวถึงไหล่ด้วยท่าทีเขินอาย พลางจ้องหลี่ฝางอย่างไม่ค่อยพอใจ

“ฉันเป็นผู้หญิงแล้วไว้ผมยาวมันแปลกตรงไหน ทำไมคุณปากเสียขนาดนี้นะ ”

กระแทกหลี่ฝางเสร็จ หงส์แดงก็ถีบเสือขาวไปทีหนึ่ง“นายด้วย ฉันอ่อนไม่อ่อนโยนแล้วมันเกี่ยวอะไรกับนาย?ถ้ายังพูดมั่วซั่วอีก ระวังฉันจะเย็บปากนายซะ!”

เห็นหงส์แดงท่าทางดุๆจึงต้องยอม นวดสะโพกที่โดนถีบเมื่อกี้ด้วยสีหน้าไม่เป็นธรรมพลางหลับไปด้านหลังเต่าดำ

“แฮะแฮ่ม พอแล้ว เลิกเล่นได้แล้ว พวกเธอเถียงกันมาตั้งหลายปียังไม่เบื่ออีก”กู่ยี่เทียนกระแอมเบาๆ ขัดจังหวะพวกเขาที่ทะเลาะกันอยู่

“พวกเธอติดตามฉันมาก็หลายปีแล้ว ไปเมืองชีหนันครั้งนี้น่าจะต้องไปเป็นเดือน เรื่องยิบย่อยในหน่วยการต่อสู้ก็ให้พวกเธอจัดการก็แล้วกัน ฉันเชื่อในความสามารถของพวกเธอ”

กู่ยี่เทียนออกจากเมืองตงไห่ครั้งนี้ ไม่ได้สั่งงานโดยละเอียดให้มังกรฟ้าและคนอื่นๆ เขาคิดว่าถึงเวลาต้องปล่อยแล้ว มังกรฟ้าและคนอื่นๆไม่อาจอยู่ในมือทำงานให้เขาไปได้ตลอดหรอก

“ลูกพี่ไม่ต้องห่วง พวกเราจะดูแลหน่วยการต่อสู้เป็นอย่างดี”มังกรฟ้ามองกู่ยี่เทียนที่มีสายตาเต็มไปด้วยความไว้ใจ จึงพูดรับปากอย่างมั่นใจ

“ให้เธอจัดการฉันก็วางใจแล้ว”กู่ยี่เทียนตบไหล่มังกรฟ้าด้วยความพอใจเบาๆ จากนั้นเดินขึ้นรถที่จะไปสนามบิน

“ไอ้กู่ นี่เตรียมจะปลดเกษียณรึไง เชื่อมั่นในความสามารถของมังกรฟ้าพวกเขาขนาดนั้นเลย?”ระหว่างทาง หลี่ฝางมองกู่ยี่เทียนที่กำลังสำรวจทางพลางถามขึ้น

“มันไม่ใช่เพราะฉันเชื่อหรือไม่เชื่อมั่นในความสามารถของพวกเขา แต่ฉันจำเป็นต้องให้พวกเขาเรียนรู้ที่จะอยู่ด้วยตัวเอง ฉันไม่อาจนำพาพวกเขาไปตลอดชีวิต นายก็รู้สถานการณ์ในตอนนี้ มีหลายอย่างที่พวกเขาต้องเลือกและตัดสินใจด้วยตัวเอง”

กู่ยี่เทียนหยุดดูแผนที่ในมือ แล้วพูดขึ้นอย่างจนปัญญา

นี่เป็นเรื่องแรกที่เขาคิดว่าต้องทำตั้งแต่ออกมาจากซากปรักหักพังลึกลับ หน่วยการต่อสู้ในตอนนี้ล้วนต้องพึ่งการชักนำของกู่ยี่เทียน มีหลายเรื่องที่ต้องให้เขาเป็นคนจัดการด้วยตัวเอง

การผูกขาดเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องที่ดี ถ้าวันไหนกู่ยี่เทียนไม่สามารถกลับมาได้อย่างปลอดภัย งั้นหน่วยการต่อสู้ก็เท่ากับว่าสูบเสียเสาหลักสำคัญไป

หน่วยการต่อสู้ที่ไร้ผู้นำก็จะกลายเป็นยุ่งเหยิง และตระกูลนักรบที่พร้อมจะก่อการร้ายเหล่านั้นสามารถโค่นหน่วยการต่อสู้ได้โดยไม่ต้องใช้ความพยายามใดๆ

นี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่กู่ยี่เทียนต้องการจะเห็น ดังนั้นเขาจึงต้องรีบฝึกฝนผู้รับช่วงต่อที่มีคุณสมบัติไว้สัก2-3คน เพราะแม้เขาจะเป็นอะไรไป ก็ไม่ต้องกังวลว่าหน่วยการต่อสู้จะได้รับบาดเจ็บถึงชีวิตด้วยเหตุนี้

“วิธีที่กู่ยี่เทียนทำนั้นถูกแล้ว หลี่ฝาง ฉันว่านายก็ควรเริ่มฝึกคนเก่งๆไว้แบ่งเบาภาระบ้างนะ”หลังจากส้าวส้วยได้ยินที่กู่ยี่เทียนพูด ก็พูดขึ้นอย่างเห็นด้วยสุดๆ

สำหรับเขาคิดว่าแม้ในมือหลี่ฝางมีคนเก่งๆไม่น้อย แต่คนที่มีความสามารถเป็นผู้นำได้นั้นแทบจะไม่มี

โหจื่อก็หุนหันพลันแล่น นิสัยค่อนข้างวู่วาม ส่วนไท่ซางนั้นรักสนุก แม้มีฝีมือไม่เลวแต่ไม่ตระหนักถึงสถานการณ์โดยรวม ราฟาเอลแม้จะสุขุมแต่กลับไม่รู้จักพูด โดนเฉพาะกับไท่ซาง สามารถพูดได้เลยว่าเข้ากันไม่ได้ดั่งน้ำกับไฟ

อย่างพวกเขาหากสูญเสียหลี่ฝาง และการชักนำของหลี่ต๋าคาง ต่อให้มีความสามารถแค่ไหนก็สามารถถูกอื่นกำจัดไปทีละคนๆ

“ก็มีนายอยู่ไม่ใช่เหรอ?โหจื่อพวกเขาเชื่อฟังนายนี่”หลี่ฝางไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะเขาพึ่งพาส้าวส้วยมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว

ถึงขนาดพูดได้ว่าการมีอยู่ของส้าวส้วยนี่แหละที่ทำให้หลี่ฝางกำเริบเสิบสาน เขาคิดแค่ว่ายังมีส้าวส้วยวางแผนอยู่เบื้องหลัง เขาก็สบายใจ

“หลี่ฝาง ฉันไม่ใช่เทพ ฉันไม่ใช่จะทำได้ทุกเรื่อง ต้องมีสักวันหนึ่งที่ฉันไม่อาจช่วยนายได้ คนที่นายต้องปกป้องมีมากมาย ถ้าเอาแต่อาศัยความสามารถของฉันกับนายแค่สองคน มันไม่อาจปกป้องพวกเขาได้อย่างทั่วถึง”

“นายต้องฝึกฝนโหจื่อ ไท่ซางและราฟาเอล ให้พวกเขามาเป็นกำลังเสริม ไม่ใช่ลูกน้องที่เอาแต่รอฟังคำสั่งจากนาย มีแต่วิธีนี้นายถึงจะทำให้ตระกูลหลี่แข็งแกร่งขึ้นได้”

ได้ยินที่หลี่ฝางพูด ส้าวส้วยก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท