NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1325 สารภาพ

บทที่ 1325 สารภาพ

ดังนั้นอนที่ไป๋หลินบอกว่าจะส่งพวกเขาลงเขาไปนั้น กู่ยี่เทียนก็เข้าใจได้ในทันที ก่อนจะดึงหลี่ฝางเดินไปก่อน

“คุณมองผิดหรือเปล่า?น้องไป๋หลินจะคิดอะไรกับส้าวส้วยได้อย่างไร?” หลังจากที่หลี่ฝางได้ยินเสียงของกู่ยี่เทียนแล้ว ก็หันไปมองส้าวส้วยและไป๋หลินอยู่นาน พลางถามด้วยความไม่เชื่อ

“ฉันจะเอาเรื่องนี้มาล้อเล่นได้อย่างไร?คุณเองก็เห็นผู้หญิงมามากมาย คุณมองแววตาที่ผู้หญิงชอบไม่ออกเหรอไง?”

กู่ยี่เทียนเบ้ปาก พลางสงสัยเล็กน้อยว่าหลี่ฝางนั้นจะหลอกฉินวี่เฟยและหยางฉงมาได้อย่างไร นี่มันชายแท้จริงๆ เลย!มองแววตาที่อิจฉาของผู้หญิงยังไม่ออกเลย

“นี่ๆ ……พวกเขาสองคนสนิทกันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?” หลี่ฝางแอบมองทั้งสองคนนั้น ก่อนจะถามเบาๆ

“ฉันจะไปรู้ได้อย่างไร หลังจากที่คุณไม่ได้สติไป ส้าวส้วยก็ออกไปเดินคนเดียว จากนั้นฉันก็ได้เห็นว่าเขากับไป๋หลินคุยกันบ่อยขึ้น ความสัมพันธ์ของทั้งสองเอาก็ค่อยๆ ดีขึ้น”

“คุณไม่รู้ หลังจากที่พวกคุณทั้งสองสลบไป ก็มีแต่ไป๋หลินที่ดูแลส้าวส้วยมาตลอด สายตาที่เธอมองส้าวส้วยนั้นมัน เชอะๆ”

เมื่อคิดถึงตอนที่ไป๋หลินดูแลส้าวส้วย กู่ยี่เทียนก็คันยุบยิบในใจ “เอ้อ เมื่อไหร่ฉันจะสามารถหาหญิงที่เห็นแต่ฉันในสายตาบ้างนะ”

หลี่ฝางได้ฟังดังนั้น เงาของหงส์แดงก็ปรากฏอยู่ในหัวของเขา “คุณอิจฉาบ้าอะไร หงส์แดงชอบคุณขนาดนั้น แถมยังมีเสี่ยวหลินตังอีก คุณไม่รู้จักดูแลให้ดีเองหรือเปล่า?”

คำที่เขาได้ฟัง กู่ยี่เทียนลูบหัวด้วยความทำตัวไม่ถูก อันที่จริงหงส์แดงก็ยังพอว่า อย่างน้อยก็ไม่ได้อายุห่างกันมาก กู่ยี่เทียนแคร์ความสัมพันธ์ระหว่างรุ่นพี่รุ่นน้องของพวกเขาด้วย

แต่เสี่ยวหลินตังนั้นไม่เหมือนกัน เสี่ยวหลินตังเด็กกว่ากู่ยี่เทียนขนาดนั้น เขาเห็นเสี่ยวหลินตังเป็นน้องสาวของตัวเอง ไม่ว่าอย่างไรก็รับไม่ได้

“แค่กๆ ด่าพวกเขา ด่าพวกเขา อย่ามาคุยกับฉัน” กู่ยี่เทียนกระแอมเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้

หลี่ฝางจ้องเขาอย่างพูดอะไรไม่ออก ก่อนจะไม่พูดอะไรอีก แถมยังแอบฟังพวกเขาคุยกันอย่างหูผึ่ง

“คือ……ส้าวส้วย คุณ……คุณคิดอย่างไรกับฉันบ้าง?” ไป๋หลินตามอยู่ข้างกายส้าวส้วย ก่อนจะจับเสื้อโค้ตของตัวเอง ก่อนจะลังเลอยู่นาน สุดท้ายก็ถามคำถามแบบนี้ด้วยความกล้าออกมา

ส้าวส้วยกำลังคิดว่าจะพูดอย่างไรให้ทำลายความทำตัวไม่ถูกของทั้งสองคน เมื่อได้ยินคำถามนี้ ก็ทำอะไรไม่ถูกแล้ว แถมยังมองไป๋หลินด้วยความร้อนใจ และไม่รู้ว่าจะตอบเธออย่างไร

เมื่อหายใจเข้าเบาๆ แล้ว หลังจากที่ปรับตัวเองแล้ว ส้าวส้วยก็พูดอย่างเหมาะสม

“น้องไป๋หลินคุณเป็นคนดี แถมยังมีความสามารถที่แข็งแกร่ง ถือเป็นหญิงที่สูงส่งเลยล่ะ”

แม้ส้าวส้วยพูดสิ่งที่เว่อเกินไป แต่ในใจของไป๋หลินนั้นไม่พอใจ แล้วก็ไม่สบอารมณ์ด้วย

คำตอบที่เธอต้องการไม่ใช่แบบนี้!หรือว่าคำถามที่ตัวเองถามมันไม่ชัดเจนพอหรือไง?

หลังจากที่ขมวดคิ้วคิดแล้ว ไป๋หลินก็เสื้อคลุมแน่นขึ้นแล้ว ก็ถามด้วยความกล้าหาญอีกครั้ง

“ส้าวส้วย ฉันไม่ได้อยากฟังคำตอบนี้ ฉันถาม ว่าในใจของคุณ รู้สึกอย่างไรกับฉัน?”

เมื่อพูดคำนี้ออกไป บรรยากาศของทั้งสองคนก็นิ่งไป ส้าวส้วยนั้นทำตัวไม่ถูกจนไม่กล้ามองไป๋หลินเลยด้วยซ้ำ

ตอนแรกที่เขาได้รู้จักกับไป๋หลิน อันที่จริงก็มีความในใจเล็กน้อย แต่หลังจากที่ได้รู้จักกันแล้ว เขาก็พบว่าไป๋หลินนั้นเป็นคนที่น่ารักพอตัว แถมยังใจดี และใสซื่อเป็นอย่างมาก

พูดตรงๆ ผู้หญิงแบบนี้ มันทำให้คนใจเต้นเป็นอย่างมาก แต่ส้าวส้วยนั้นก็ยั้งตัวเองเอาไว้ เขาคิดว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาคุยเรื่องความรู้สึกของหนุ่มสาวแบบนี้

เมื่อเทียบส้าวส้วยกับหลี่ฝางแล้ว ก็มีความคิดที่ดีกว่ามาก และแยกออกว่าตัวเองต้องการอะไรตอนไหน

“น้องไป๋หลิน ตอนนี้ฉันยังไม่อยากคุยเรื่องของหนุ่มสาวแบบนี้ ดังนั้นต้องขอโทษด้วยนะ”

ส้าวส้วยเงียบอยู่นาน สุดท้ายก็ปฏิเสธความหวังดีของไป๋หลินอย่างไร้เยื่อใย

หลังจากที่ได้ฟังคำของส้าวส้วยแล้ว ไป๋หลินก็รีบหยุดก้าวเดินของตัวเอง ในแววตาก็มีแต่ความเจ็บปวด แถมในเบ้าตาก้ยังมีน้ำตาอยู่เต็มไปหมด

“ส้าวส้วย!แกมันบ้าถ้าพูดอะไรดีๆ ไม่ได้ก็ไม่ต้องพูด!” หลี่ฝางกับกู่ยี่เทียนที่แอบฟังคนคุยกันอยู่นั้นเมื่อได้ยินส้าวส้วยพูดแล้ว ก็โกรธจนแทบกระอักเลือดเป็นอย่างมาก

กู่ยี่เทียนแว็บผ่านมาปรากฏตัวอยู่ข้างกายส้าวส้วย ทั้งสองคนใช้มือจับไหล่ของเขา ก่อนจะมองเขาพลางกัดฟันกรอด เพื่อบอกไม่ให้เขาพูดอะไรแล้ว

“แค่กๆ น้องไป๋หลิน คุณอย่ามองว่าส้าวส้วยดูโตแล้ว อันที่จริงไม่ได้เชี่ยวชาญเรื่องความสัมพันธ์หนุ่มสาวเลย คุณอย่าใส่ใจมากเลย”

กู่ยี่เทียนรับผิดชอบการสั่งสอนส้าวส้วย ส่วนหลี่ฝางก็ปลอบใจไป๋หลิน

ไป๋หลินที่เกือบจะร้องไห้ออกมานั้นตกใจยกใหญ่ เพราะเขาทั้งสอง น้ำตาที่จะไหลออกมาก็กลับเข้าไปทันที

จากนั้นจึงสูดหายใจฮึกเล็กน้อย หน้าและหูเองก็แดงไปหมด “ไม่ ไม่ใช่แบบที่พวกคุณคิดนะ ฉัน ฉัน ฉันไม่ได้……”

เมื่อกู่ยี่เทียนฟังคำพูดติดขัดของไป๋หลิน ก็ทำท่าทีว่าเข้าใจ ก่อนจะตบไหล่ของส้าวส้วยพลางพูด

“เอ้อ น้องไป๋หลินคุณไม่ต้องอธิบายอะไรแล้ว เราเข้าใจดี สาวน้อยจะอายบ้างนั้นก็ไม่แปลกอะไร คุณวางใจเถอะ พวกพ้องของฉันนั้นอย่าคิดว่าหน้าตายนะ จริงๆ เป็นคนที่ไม่เลวเลยทีเดียว”

เขาทำให้ไฟลุกโชนไม่เพียงพอ หลี่ฝางที่อยู่ข้างๆ ก็เข้ามาร่วมดูความสนุกด้วย

“ใช่ๆ นอกจากส้าวส้วยจะไม่ชอบพูด แล้วก็โง่ไปหน่อยแล้ว อย่างอื่นก็ไม่เลวเลย น้องไป๋หลินวางใจได้เลย เขาไม่มีทางกลั่นแกล้งคุณ ถ้าเกิดเขาทำให้คุณไม่พอใจ คุณก็บอกพวกเราได้เลย เราจะสั่งสอนเขาแทนคุณเอง”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท