NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1324 ลงเขา

บทที่ 1324 ลงเขา

เมื่อได้ยินคำตอบของหลี่ฝาง เซียนผู้ยิ่งใหญ่ก็มีตาเป็นประกาย ก่อนจะมีแววตาราวกับคลื่นใต้น้ำลึก เหมือนกับมีอะไรจะพูดเป็นอย่างมาก แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดแต่ถอนหายใจออกมา

“เห้อ หวังว่าพวกคุณจะสามารถจำคำพูดในวันนี้ได้นะ”

เมื่อเซียนผู้ยิ่งใหญ่พูดจบ ก็ผลุบสายตาลง ตอนที่เข้าไปในความทรงจำ เทพหมิงกับเทพอ้านในตอนนั้น ก็เหมือนกับหลี่ฝางกับส้าวส้วย คงจะมีผลที่ต่างกันแล้วล่ะ

น่าเสียดาย ที่เรื่องมันผ่านไปหมดแล้ว มันเลยไม่มีทางเปลี่ยนได้แล้ว

“ในเมื่อพวกคุณเลือกในใจแล้ว เรื่องนั้นฉันเองก็ไม่อยากจะพูดอะไรแล้ว ฉันจะบอกหน่อยว่าของที่ทำตีลงบนหน้าอกของคุณมันคืออะไร”

หลังจากที่ถอนหายใจแล้ว เซียนผู้ยิ่งใหญ่ก็ไม่พูดอะไรอีก เลยเปลี่ยนเรื่องคุย จากนั้นจึงเริ่มพูดถึงของที่เปล่งแสงสีขาวที่เข้าไปอยู่ในหน้าอกของหลี่ฝาง

หลี่ฝางพยักหน้า จากนั้นก็ยืดตัวขึ้น ก่อนจะรอให้เซียนผู้ยิ่งใหญ่พูด

“พวกคุณเองก็รู้ ว่าเทพอ้านคือร่างที่แปลงมาจากเทพไท่จี๋ในด้านมืด ความเลวร้ายของเขา เทพอ้านอยู่ในตัวคุณมานานแล้ว พลังของเขานั้นจะแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ วิธีของพลังแห่งการกลืนนั้นพวกคุณเองก็รู้ อยากจะรวมวัตถุดิบทำยาทั้งสิบแปดประเภทนั้นไม่ใช่ว่าจะทำได้ง่ายๆ เลย”

“ถ้าฉันไม่เลือกวิธีการ เกรงว่าจะรวมวัตถุดิบยาได้ ร่างกายของคุณนั้นถูกเทพอ้านแย่งไป ดังนั้นฉันเลยเอาทรัพย์สินแห่งฟ้าดิน รังสีแห่งนภาใส่เข้าไปในหัวใจของคุณ เลยผนึกเทพอ้านกับพลังแห่งการกลืนเอาไว้ได้สักพัก”

“รังสีแห่งนภานั้นสามารถคุมเทพอ้านเอาไว้ได้สามเดือน ภายในระยะเวลานี้ พวกคุณจะต้องรวบรวมวัตถุดิบยาเอาไว้ให้ได้ มันจะถูกพลังแห่งการกลืนดูดกลืนกลับ เมื่อดูดกลืนกลับแล้ว ถึงเทพไท่จี๋จะเกิดใหม่ ก็มาช่วยคุณไม่ได้เหมือนเดิม”

หลี่ฝางคิดไม่ถึงว่าเรื่องนี้มันจะหนักหนาสาหัสขนาดนั้น ตอนแรกที่เขาคิดว่าตัวเองรับพลังแห่งการกลืนเอาไว้ไม่มาก เทพอ้านคงจะไม่ได้ส่งผลอะไรกับเขามากเท่าไหร่ ใครจะไปรู้ว่าเวลาที่เหลืออยู่นั้นมีเวลาเพียงสามเดือนเท่านั้น

“คุณวางใจเถอะ วัตถุดิบยาสิบแปดอย่างนั้นส่วนมากฉันก็มีแล้ว ขาดอีกเพียงห้าอย่างเท่านั้น ก็คือเลือดกวาง ถุงน้ำดีคางคกหนาว ใจงูดำ ใบหวายเลือด และผลแก้วม่วง”

“ถุงน้ำดีคางคกหนาวนี้คุณเอามาได้แล้ว ส่วนอีกสี่อย่างที่เหลือนั้น ฉันเองก็จะบอกที่ที่มีมันอยู่ให้คุณฟัง ในเวลาสามเดือนนี้ น่าจะพอให้คุณรวบรวมวัตถุดิบทั้งหมดให้ได้”

เมื่อเห็นท่าทีที่หนักใจของหลี่ฝาง เซียนผู้ยิ่งใหญ่ตบบ่าของเขา ก่อนจะปลอบใจ

หลังจากที่ได้ฟังคำของเซียนผู้ยิ่งใหญ่แล้ว พวกหลี่ฝางก็รู้สึกสบายขึ้น ยังดีที่เหลือเพียงสี่อย่างที่ยังหาไม่เจอเท่านั้น เมื่อเทียบกับวัตถุดิบสิบแปดอย่างมันก็ดีขึ้นมาหน่อย

“เอาแผนที่นี้เอาไว้นะ ฉันทำสัญลักษณ์ของวัตถุดิบทั้งสี่เอาไว้แล้ว จำไว้นะ ว่าคุณมีเวลาเพียงสามเดือนเท่านั้น หลังจากนี้สามเดือน จะต้องรีบหาวัตถุดิบปรุงยามาให้ได้เร็วที่สุด”

เซียนผู้ยิ่งใหญ่ไม่เสียเวลาพูดพร่ำทำเพลง ก่อนจะเอาแผนที่ออกมาจากชั้นหนังสือแล้วส่งให้หลี่ฝาง พลางกำชับด้วยใบหน้าจริงจัง

“ขอบคุณเซียนผู้ยิ่งใหญ่มาก ถ้าแก้ไขเรื่องนี้ได้อย่างราบรื่น คุณคือคนที่มีพระคุณกับฉัน ฉันไม่รู้จะตอบแทนอย่างไร ทำได้เพียงสัญญากับเซียนผู้ยิ่งใหญ่สามอย่าง ขอแค่คุณบอกมา ไม่ว่าอย่างไรฉันก้จะทำให้ได้”

เมื่อเก็บแผ่นแผนที่เอาไว้ให้ดีแล้ว หลี่ฝางโค้งตัวให้เซียนผู้ยิ่งใหญ่อย่างนอบน้อม

“ไม่มีปัญหา ถือว่าฉันชดเชยสิ่งที่ทำผิดกับคุณเมื่อตอนนั้นก็แล้วกัน” เซียนผู้ยิ่งใหญ่โบกมือด้วยความอ่อนล้า เพื่อบอกว่าให้พวกหลี่ฝางออกไปได้แล้ว จากนั้นตัวเองก็หลับตาอีกครั้ง

หลี่ฝางพวกเขาเมื่อเห็นดังนั้น ก็ไม่พูดอะไรอีก ก่อนจะถอยออกไปด้านนอกทันที

“หลายวันมานี้ต้องขอบคุณด้วยนะที่ดูแล รบกวนคุณให้ดูแลถุงน้ำดีคางคกหนาวแทนเราด้วย เดี๋ยวเรารวบรวมวัตถุดิบทั้งสี่ได้เมื่อไหร่ จะได้เข้าสู่ประตูอีกครั้ง”

หลังจากที่หลี่ฝางกลับขึ้นมาที่ห้องของตัวเองแล้วก็ล้างหน้าล้างตากับส้าวส้วยเล็กน้อย จากนั้นก็เก็บของก่อนจะเตรียมลงเขาไป

เขาเอายางที่ได้มาจากตัวของคางคกหนาวนั้นใส่มือของไป๋เห้อ ก่อนจะกำชับให้ดูแลให้ดีๆ

ไป๋เห้อรับกล่องคริสทัลมาจากมือของหลี่ฝาง พลางพยักหน้า “วางใจเถอะ ฉันจะรักษาให้ดี”ไอรีนโนเวล

“ให้ ให้ฉันไปส่งพวกคุณลงเขาเถอะ” ขณะที่พวกหลี่ฝางกำลังเตรียมจะออกตัวไป ไป๋หลินที่อยู่ข้างๆ ก็บอกว่าจะไปส่งพวกหลี่ฝางลงเขา

เมื่อพูดคำนี้ออกไป ชายหลายคนก็มองไป๋หลินด้วยความแปลกใจ ตอนแรกที่คิดว่าคนเก็บตัวอย่างไป๋หลินเมื่อถูกพวกเขามองก็รู้สึกเขินอาย ก่อนจะพูดติดขัด

“พวกคุณมองฉันแบบนั้นทำไม เวลามันดึกแล้ว พวกคุณรีบไปเถอะ”

พวกหลี่ฝางเห็นท่าทีไม่ปกติของไป๋หลิน ก็รู้แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป พลางค่อยๆ หยิบของก่อนจะเดินออกไปด้านนอก

เมื่อเดินออกไป กู่ยี่เทียนก็ดึงหลี่ฝางให้เดินนำไปก่อน ส้าวส้วยกำลังจะเดินตามพวกเขาไป แต่หลังจากที่ปรายตามองไป๋หลินที่อยู่ข้างๆ แล้ว ก็ต้องเบรกอย่างกะทันหัน

ไป๋หลินอยากจะไปส่งพวกเขาลงเขาไป ถ้าเกิดตัวเองยังให้เธออยู่ด้านหลังแบบนี้ มันคงจะไม่ดีเท่าไหร่

ไป๋หลินแอบมองส้าวส้วยที่เดินผ่านตัวเองไป ใจก็เต้นเร็วเป็นอย่างมาก พลางแอบคิด ว่าเขาตั้งใจหยุดรอตัวเอง ในใจก็น่าจะมีที่ของตัวเองบ้างหรือเปล่า?

“ไอ้กู่ ส้าวส้วยกับน้องไป๋หลินนั้นยังมีเรื่องเบื้องหลังอีก คุณรีบขนาดนั้นทำไมล่ะ?”

หลี่ฝางพูดพลางหันกลับไปมองส้าวส้วยและไป๋หลินทั้งสองที่อยู่ด้านหลัง ด้วยใบหน้าที่ไม่เข้าใจ และไม่เข้าใจท่าทีของกู่ยี่เทียนเลยแม้แต่น้อย

“ทำไมแกมันไม่รู้เรื่องอะไรสักที แกมองไม่ออกเหรอว่าน้องไป๋หลินรู้สึกอย่างไรกับส้าวส้วย?แกคิดว่าเธอส่งมาให้พวกเรางั้นเหรอ?เค้าเรียกว่าไม่ได้เมาเหล้าแต่เมารัก”

กู่ยี่เทียนกลอกตาใส่หลี่ฝาง ก่อนจะพูดเบาๆ

เมื่อหลี่ฝางกับส้าวส้วยไม่ได้สติไปสามวัน ไป๋หลินเป็นคนดูแลส้าวส้วยมาตลอด เห็นได้ชัดเลยว่าไป๋หลินรู้สึกอะไรกับส้าวส้วย

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท