NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1323 พวกพ้องทั้งชีวิต

บทที่ 1323 พวกพ้องทั้งชีวิต

เพราะอยู่ในจิตใจของหลี่ฝาง ทรงหัวใจเป็นสีแดงเหมือนลูกท้อ โตมาขนาดนี้แล้วยังไม่เคยเห็นรูปทรงของหัวใจเลย

“คุณไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม?นี่มันไม่ใช่ก้อนหินเหรอ?จะเป็นหัวใจของเขาได้อย่างไร”

หลี่ฝางเข้ามาข้างกายไป๋เห้อด้วยความสงสัย ก่อนจะมองอัญมณีที่อยู่ในมือเขาอย่างละเอียด

เมื่อได้ยินหลี่ฝางถามคำถามนี้ ไป๋เห้อกับไป๋หลินสองคนก็มีท่าทีทำตัวไม่ถูกขึ้นมา

“พวกคุณหาอะไรกินก่อนเถอะ เดี๋ยวเซียนผู้ยิ่งใหญ่อยากจะพบพวกคุณ”

ไป๋เห้อเห็นได้ชัดว่าไม่อยากตอบคำถามของหลี่ฝาง เลยพยายามเปลี่ยนเรื่องคุย

ถึงหลี่ฝางจะสงสัยอัญมณีอันนี้มาก แต่ก็ไม่ใช่คนที่อยากจะรู้ความลับของคนอื่น เมื่อเห็นว่าเขาไม่อยากพูด เลยไม่ถามอะไรไปมากกว่าเดิม ก่อนจะสุมหัวกินกับส้าวส้วย

“หลี่ฝาง ส้าวส้วย คุณสองคนอย่าเอาแต่สนใจกินสิ รีบบอกมาเร็วว่าสามวันมานี้พวกคุณเห็นอะไรในฝันกันแน่?”

เมื่อกู่ยี่เทียนเห็นพวกเขากินอย่างอร่อย ในใจก็คันยุบยิบขึ้นมา เขาสงสัยตายอยู่แล้ว แต่ทั้งสองคนนี้เอาแต่กิน โดยที่ไม่พูดเลยว่าสามวันมานี้พวกเขาเห็นอะไรในฝันกันแน่

คำถามนี้มันทำให้หลี่ฝางกับส้าวส้วยชะงักไปพร้อมๆ กัน จากนั้นพวกเขาทั้งสองก็มองหน้ากัน ด้วยความหนักใจที่มีมากขึ้น

ในสามวันนี้ หลี่ฝางกับส้าวส้วยมั่นใจแล้วว่าพวกเขานั้นเป็นรุ่นหลังของเทพอ้านกับเทพหมิง

หลายวันมานี้ที่พวกเขาหลับใหลนั้น อันที่จริงก็เหมือนกับฝันไป พวกเขาแยกเป็น การเห็นสงครามที่ผ่านมาเป็นพันปีจากมุมของเทพอ้านกับเทพหมิง

ในขณะเดียวกันก็ได้เข้าใจการมีปัญหาและการต่อสู้ระหว่างเทพหมิงเทพอ้าน ได้อย่างเข้าใจถ่องแท้

ตอนแรกพวกเขาสามพี่น้องนั้นสนิทสนมกันเป็นอย่างดี แต่หลังจากนั้นมันทำให้น่าเสียดายเป็นอย่างมาก

เดิมทีสามารถจัดการดูแลโลกนี้ด้วยกันได้อย่างดี แต่เพราะความเชื่อกับความคิดเท่านั้น เลยทำให้ทั้งสามคนนั้นเดินเส้นทางที่ต่างกัน

สงครามของเทพหมิงและเทพอ้านนั้นสู้กันติดต่อกันสี่สิบเก้าวันเต็ม สู้กันจนฟ้าหมุน แยกเวลาไม่ออกเลยทีเดียว

ตอนที่เทพอ้านตายแล้ว หลี่ฝางกับส้าวส้วยนั้นรู้สึกได้ว่าในใจของพวกเขานั้นมันจนปัญญา เจ็บปวด เกลียดชังและไม่ยอมแพ้

“คุณอย่าเอาแต่มองหน้ากัน เดี๋ยวต้องบอกฉันด้วยนะ!” เมื่อกู่ยี่เทียนเห็นพวกเขาทั้งสองคนไม่ยอมเปิดปากพูด ก็ร้อนใจเป็นอย่างมาก เลยเร่งด้วยความหมดความอดทน

“อันที่จริงก็ไม่ได้เห็นอะไรมาก เห็นเพียงพี่น้องที่สู้กันเมื่อหลายพันปีก่อนเท่านั้นเอง”

อันที่จริง สิ่งที่เห็นในฝันนั้นไม่ได้มีความหมายอะไรมาก แต่สิ่งที่ทำให้หลี่ฝางหนักใจก็คือเขากลัวว่าตัวเองกับส้าวส้วยจะเหมือนกับเทพหมิงและเทพอ้าน ที่สุดท้ายจะต้องแตกหักกันเพราะความเชื่อและความคิดไม่ตรงกัน แล้วก็มีความแค้นต่อกัน

“วางใจเถอะ พวกเขาก็คือพวกเขา พวกเราก็คือพวกเรา” ตามความเข้าใจที่ตัวเองมีต่อหลี่ฝาง ส้าวส้วยก็มองออกว่าในใจของหลี่ฝางคิดอะไรอยู่ เมื่อสบตาหลี่ฝาง ก็พูดอย่างมั่นใจ

“อือ เราจะเป็นพวกพ้องที่ดีตลอดชีวิต” ท่าทีของส้าวส้วยนั้นทำให้หลี่ฝางเหมือนกินยารู้ใจเข้าใจ ตอนแรกที่ยังหนักใจก็มั่นใจได้ทันที

“เห้อ พวกคุณสองคนเป็นอะไรกัน ทำไมถึงพูดอะไรที่ฉันไม่รู้เรื่อง?ไม่เห็นฉันเป็นพวกแล้วเหรอ?”

กู่ยี่เทียนที่อยู่ข้างๆ ก็เหมือนมีหมอกวนเวียนอยู่บนหัว เลยถามด้วยความไม่สบอารมณ์

หลี่ฝางมองใบหน้าของเขาที่โกรธเคือง เลยหัวเราะขึ้นมาเบาๆ จากนั้นก็ยื่นหมัดออกมาต่อยแขนของกู่ยี่เทียน “คุณพูดอะไรบ้าๆ เนี่ย?”

“ในเมื่อพวกเราเป็นพวกพ้องที่ดีต่อกัน พวกคุณก็รีบบอกเรื่องนั้นกับฉันสิ คุณไม่รู้ว่าสามวันนี้ฉันแทบบ้าแล้ว เล่นโทรศัพท์ก็ไม่ได้ นอกจากนั่งอยู่ที่หัวเตียงดูพวกแกหลับก็ไม่ได้ทำอย่างอื่นแล้ว”

สีหน้าของกู่ยี่เทียนแย่ลงในทันที น้ำเสียงที่พูดก็ดูน้อยใจเป็นอย่างมาก

หลี่ฝางเห็นท่าทีของเขานั้นก็อดไม่ได้ที่จะเอียนขึ้นมา จากนั้นก็ลูบแขนของตัวเองอย่างเว่อเกิน พลางพูดด้วยความรังเกียจ

“แกมันบ้า มานั่งดูเราสองคนหลับสามวันสามคืน รู้ว่าแกทำแบบนี้เพราะเบื่อ ถ้าไม่รู้คงคิดว่าแกคิดอะไรบ้าๆ กับพวกเราแน่ๆ”

หลังจากที่ได้ยินคำพูดของหลี่ฝาง กู่ยี่เทียนก็กระโดดขึ้นมาจากเก้าอี้ตัวเล็กๆ พลางจ้องตาเขม็ง แล้วพูดแก้ตัวด้วยความเร็ว

“คุณบ้าหรือเปล่า กูเป็นชายแท้ทั้งแท่ง!บนโลกนี้มีหญิงขาวสวยมากขนาดนั้น ฉันต้องมาคิดอะไรกับพวกแกงั้นเหรอ?ให้ตายเถอะ แกมันหน้าไม่อาย!”

ส้าวส้วยเห็นหลี่ฝางกับกู่ยี่เทียนเถียงกัน เลยยิ้มมุมปากขึ้นมาด้วยความจนปัญญา คิดไม่ถึงว่าหลังจากที่ผ่านเรื่องราวมากมายขนาดนั้นมา ทั้งสองคนยังจะทำตัวเป็นเด็กแบบนี้อีก

เมื่อทะเลาะกันราวๆ 10นาที หลี่ฝางกับส้าวส้วยก็เหมือนจะอิ่มตัวแล้ว จากนั้นก็ให้ไป๋เห้อนำพวกเขาไปที่ปากถ้ำที่ปกติเซียนผู้ยิ่งใหญ่ใช้ฝึก

กายของเซียนผู้ยิ่งใหญ่ตอนนี้เหมือนจะแก่กว่าสามวันก่อนมาก ตอนแรกที่ตัวตรงนั้นตอนนี้กลับเหมือนจะหลังค่อมเล็กน้อยแล้ว แววตาสุขุมลึกนั้นก็เหมือนมีความผันผวนขึ้นมา

“พวกคุณมาแล้วเหรอ?นั่งสิ เซียนผู้ยิ่งใหญ่ที่กำลังทำสมาธิอยู่ได้ยินเสียงมาจากด้านนอก เลยค่อยๆ ลืมตาขึ้น พอเห็นหลี่ฝางกับส้าวส้วยเลยชี้ไปที่ทั้งสองพลางพูดออกมาเบาๆ

หลี่ฝางกับส้าวส้วยเองก็ไม่ได้ลังเล ก่อนจะนั่งลงทันที

“พวกคุณคงไม่สงสัยตัวตนของตัวเองแล้วใช่ไหม?พูดความรู้สึกของพวกคุณตอนนี้มาหน่อยสิ” หลังจากที่พวกเขานั่งลง เซียนผู้ยิ่งใหญ่ก็เปิดปากถาม

หลี่ฝางกับส้าวส้วยสบตากันเล็กน้อย จากนั้น10นาทีก็พยักหน้าพร้อมกัน จากนั้นหลี่ฝางก็เป็นคนพูดแทน

“ถึงฉันกับส้าวส้วยจะเป็นรุ่นหลังของเทพหมิงกันเทพอ้าน แต่เราก็เป็นเพียงคนรุ่นหลังเท่านั้น สิ่งที่เกิดขึ้นกับพวกเขา เราไม่มีทางทำให้มันเกิดขึ้นอีก แถมเราก็ไม่ได้มีความทะเยอทะยานเท่ากับพวกเขา ที่อยากจะเปลี่ยนโลกใบนี้”

“เราเดินเส้นทางของนักรบ ก็เป็นเพราะอยากปกป้องคนที่เรารักเท่านั้น ดังนั้นเซียนผู้ยิ่งใหญ่คุณไม่ต้องกังวลเราจะต้องไม่เป็นศัตรูกันเหมือนเทพอ้านกับเทพหมิง เรื่องนี้มันจะไม่มีทางเกิดขึ้นกับฉันและส้าวส้วยเด็ดขาด”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท