NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1346 การฟื้นคืนชีพของเมพอ้าน

บทที่ 1346 การฟื้นคืนชีพของเมพอ้าน

“คุณเป็นใครกันแน่เนี่ย?” หลี่ฝางมองชายคนนั้น พลางถามด้วยความระแวงระวัง

“เป็นคำถามที่ดี” หลังจากที่ได้ฟังเสียงของหลี่ฝางก็ยิ้มพลางปรบมือ จากนั้นจึงพูดขึ้น

“ฉันเป็นใครงั้นเหรอ?ฉันเองก็อยากรู้ว่าฉันเป็นใครเหมือนกัน ตอนแรกฉันชื่อนัยเหลียง จากนั้นพวกเขาก็เรียกฉันว่านักรบมือหนึ่งของญี่ปุ่น แล้วจากนั้นพวกเขาก็เรียกฉันว่าท่านยมบาล แล้วจากนั้น ฉันก็กลายเป็นอาซาโทส แล้วก็เป็นฝ่าบาทที่เขาว่ากัน”

ไขจี๋เออที่อยู่ข้างๆ เมื่อได้ยินดังนั้นเสียงก็เปลี่ยนไปทันที พลางถอยออกห่างด้วยสายตาเบิกโพลงที่ไม่อยากจะเชื่อ

“คุณ คุณคือนัยเหลียงงั้นเหรอ?เป็นไปไม่ได้!นัยเหลียงนั้นเป็นคนเมื่อหลายร้อยปีก่อน!เขานั้นตายไปตอนที่เกิดศึกนักรบครั้งแรก คุณจะเป็นเขาได้อย่างไร!”

สำหรับการไล่ล่ายุทธภพอย่างบ้าคลั่งนั้น ไขจี๋เออกับไขบู๊เกอทั้งสองเข้าใจนักรบที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์มากเลยทีเดียวล่ะ

ดังนั้นตอนที่ชายคนนี้พูดชื่อตัวเองออกมา เขาเลยรู้ตัวตนของนัยเหลียง

ตามบันทึกของประวัติศาสตร์ นัยเหลียงนั้นเป็นนักรบญี่ปุ่นที่รักชาติคนหนึ่ง เคยชนะมาก่อนอย่างสวยงามในศึกนักรบครั้งที่หนึ่ง จนมีคนญี่ปุ่นให้เพลงยกย่องเลยล่ะ

แถมนัยเหลียงนั้นไม่ได้หน้าตาแบบนี้ ชายที่อยู่ตรงหน้าจะเป็นนัยเหลียงได้อย่างไร

“ฮ่าๆ คิดไม่ถึงเลยว่าจะโกหกคนมาเป็นเวลาร้อยกว่าปีได้ คำโกหกของฉันมันจะสมบูรณ์แบบเป็นอย่างมาก!” หลังจากที่ได้ยินคำพูดของไขจี๋เออ ชายคนนั้นก็หัวเราะขึ้นมาอย่างจัง ในแววตาก็มีความบ้าคลั่งขึ้นมาไม่น้อย

นัยเหลียงในตอนนั้นทำให้หลี่ฝางรู้สึกเหมือนบ้าไปแล้ว ถ้าไม่ใช่คนบ้า จะมาบอกว่าตัวเองเป็นคนในประวัติศาสตร์ร้อยกว่าปีได้อย่างไร?

“ในประเทศจีนของพวกคุณ มีความคิดที่โด่งดังเป็นอย่างมาก ก็คืออมตะ ฉันคือคนที่เป็นอมตะจริงๆ อย่างไรล่ะ ตั้งแต่ตัวตนแรกของฉันอย่างนัยเหลียง ฉันก็ลองการวิจัยที่จะหาทางไม่แก่ตายตลอด”

“แต่ไม่ว่าฉันจะวิจัยอย่างไร ก็ไม่มีทางทำให้ตัวตนนั้นเต่งตึงเหมือนเดิมได้ สุดท้ายฉันเลยคิดวิธีหนึ่งออกมาได้ นั่นก็คือการเปลี่ยนร่าง แล้วเอาจิตวิญญาณของฉันเปลี่ยนไปอยู่ในที่ที่แข็งแกร่ง แข็งแรง และสมบูรณ์แบบกว่าเดิม”

“จากนั้นก็มีเทคโนโลยีการโคลนนิงเกิดขึ้นมา มันทำให้ฉันเปลี่ยนร่างได้เรื่อยๆ แต่การเกิดใหม่แบบนี้มันก็ไม่ดีเสมอไป ฉันเลยเริ่มจัดการกับตำนานโบราณ หวังว่าขณะเดียวกับการเกิดนั้นจะย้ายกำลังการสู้ที่แข็งแกร่งไปด้วย”

“เมื่อพยายามมามากมาย ฉันก็ทำสำเร็จแล้ว ตอนแรกฉันคิดว่าจะพอแค่นี้ แต่จากนั้นฉันก็พบโดยบังเอิญ มันทำให้ฉันรู้ว่ามีเทพหมิงเทพอ้านกับเทพไท่จี๋อยู่ ฉันสนใจการวิจัยกับเทพอ้านเป็นอย่างมาก เลยจัดให้คนไปสืบหาข้อมูลเกี่ยวกับเทพอ้านไม่หยุดหย่อน”

“หลังจากที่ฉันรู้ว่าวิญญาณของเทพอ้านนั้นมีอยู่บนโลกแล้ว ฉันก็ตัดสินใจว่าจะทำให้เขาฟื้นคืนชีพ เพียงแค่เทพอ้านฟื้นคืนชีพ งั้นฉันก็สามารถที่จะเป็นอมตะได้เหมือนกัน”

นัยเหลียงนั้นมองหลี่ฝางด้วยความละโมบ พลางมีรอยยิ้มอย่างกระหายเลือด แววตาของเขานั้น เหมือนกับเป็นสัตว์ร้ายเลยล่ะ มันทำให้หลี่ฝางรู้สึกไม่สบายใจเลย

“คุณบ้าไปแล้วเหรอ?ถ้าเกิดเทพอ้านเขาฟื้นคืนชีพขึ้นมาจริงๆ โลกนี้คงวุ่นวายไปหมด หรือว่าคุณจะใช้ความสงบของโลกใบนี้ มาเพื่อแลกกับความต้องการของคุณเองงั้นเหรอ?”

หลี่ฝางคิดว่าการกระทำของนัยเหลียงนั้นมันไม่สามารถใช้คำว่าบ้าคลั่งมาอธิบายได้แล้ว เขาคิดไม่ถึงเลยว่าโลกใบนี้จะมีคนที่ทำอะไรบ้าๆ เพื่อให้เป็นอมตะ

ทุกอย่างนั้นมันเกิดขึ้นและดับไปเป็นวงจร ธรรมชาติมีกฎของมันเอง แม้ว่าจะเป็นเทพไท่จี๋ที่เป็นบรรพบุรุษของเหล่านักรบ เขาเองก็ต้องมีวันที่ร่วงหล่นอยู่ดี

เทพนั้นยังทำให้คงอยู่ตลอดไปไม่ได้เลย แล้วคนอย่างนัยเหลียงจะขัดกฎธรรมชาติได้อย่างไร จะสู้ฟ้างั้นเหรอ?

“สำหรับฉันโลกนี้มันมีค่าอะไรงั้นเหรอ?อีกอย่าง ถ้ารอเทพอ้านฟื้นคืนชีพ เขาจะต้องยอมอ่อนต่อฉัน แล้วเมื่อนั้นโลกทั้งใบก็จะเป็นของฉันแน่นอน”

มองออก ว่านัยเหลียงนั้นไม่ได้ใส่ใจเทพอ้านเลยด้วยซ้ำ หลี่ฝางมองความทะเยอทะยานของเขาออกอย่างทะลุปรุโปร่ง

“เหอะ คิดไม่ถึงเลยว่าความทะเยอทะยานของคุณมันจะมากขนาดนี้ โลกทั้งใบจะเป็นของคุณงั้นเหรอ?คุณอย่าดูถูกเทพอ้านมากเกินไป?คุณเอาความมั่นใจมาพูดแบบนี้ได้อย่างไร เทพอ้านจะยอมสยบต่อคุณงั้นเหรอ?”

หลี่ฝางกับเทพอ้านใช้ร่างเดียวกันมาช่วงหนึ่งแล้ว เทพอ้านเป็นคนอย่างไรนั้นเขาเข้าใจมากที่สุดแล้วล่ะ

เทพอ้านนั้นไม่ใช่คนที่จะยอมอยู่ใต้เท้าใคร แล้วมาฟังคำสั่งของเขาหรอก

เมื่อได้ยินดังนั้น นัยเหลียงก็เผยรอยยิ้มอย่างมั่นใจออกมา “ในเมื่อฉันมีทางที่จะทำให้เขาคืนชีพจากความตายอีกครั้ง ก็ต้องมีวิธีที่จะทำให้เขาตายได้อีกครั้งเหมือนกัน เพียงแค่เขาไม่อยากตาย ก็ต้องฟังสิ่งที่ฉันพูด”

หลังจากที่ได้ยินคำนี้ ใจของหลี่ฝางก็ตกใจไปอยู่ที่ตาตุ่ม นัยเหลียงนี่เตรียมพร้อมทุกอย่างเอาไว้แล้วจริงๆ ดูเหมือนครั้งนี้ตัวเองต้องเย็นลงแล้วล่ะ

หลี่ฝางมองไปรอบๆ อย่างไม่ส่งเสียงอะไร ก็พบว่าความระแวดระวังนั้นไม่ได้หนักหนาเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เลยเตรียมจะส่งสายตาให้พวกราฟาเอล เพื่อให้พวกเขาเข้าคุมก่อน

นัยเหลียงมองแผนในหัวของหลี่ฝางออกจากสายตา ก่อนจะยิ้มพลางปรบมือ เพียงไม่นานชายเหล่านั้นก็พาตัวฉินวี่เฟยกับหยางฉงออกมาจากด้านใน

“พี่หลี่ฝาง!ช่วยฉันด้วย!”

“หลี่ฝาง!”

ฉินวี่เฟยกับหยางฉงในตอนนี้ถูกมัดมือเอาไว้ด้านหลัง หลังจากที่เห็นเงาของหลี่ฝางแล้ว ก็พยายามดิ้นรน

หลี่ฝางเห็นพวกเธอทั้งสองก็ใจเย็นต่อไปไม่ไหว เลยก้าวเดินเพื่อจะเข้าไปช่วยฉินวี่เฟยกับหยางฉง

แต่ว่าเมื่อเดินเข้าไปก้าวหนึ่ง ก็มีมีดคมกริบสองเล่มมาขวางเอาไว้ที่คอของฉินวี่เฟยกับหยางฉง นัยเหลียงจึงมองหลี่ฝางด้วยแววตานึกสนุก พลางข่มขู่

“หลี่ฝาง ถ้าคิดจะทำอะไรบ้าๆ ละก็ ผู้หญิงทั้งสองคนนี้ได้หัวหลุดออกจากบ่าแน่ๆ”

“นัยเหลียง พวกเขาเป็นแค่หญิงธรรมดาๆ เท่านั้นเอง ทำไมคุณต้องลากพวกเธอเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย?”

เมื่อเห็นสถานการณ์ดังนั้น หลี่ฝางยืนนิ่งอยู่กับที่ โดยที่ไม่กล้าขยับเลยแม้แต่น้อย เขาไม่กล้าล้อเล่นกับชีวิตของฉินวี่เฟยกับหยางฉง ถ้าเกิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาทั้งสองล่ะก็ หลี่ฝางจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิตแน่ๆ

ถ้าเกิดเป็นคนอื่น บางทีอาจจะไม่ต้องทำเรื่องที่น่าขายขี้หน้าขนาดนั้นก็ได้ แต่นัยเหลียงกลับเป็นคนที่กล้าทำอะไรด้วยวิธีแย่ๆ ได้ เขารู้ว่าฉินวี่เฟยกับหยางฉงนั้นเป็นจุดอ่อนของหลี่ฝาง เลยให้คนไปจับตัวของพวกเธอที่เมืองตงไห่มา

“เพราะพวกเธอเป็นจุดอ่อนของคุณไงล่ะ” นัยเหลียงยื่นมือออกมาจับแก้มของฉินวี่เฟย พลางยิ้มขึ้น “ถ้าไม่ใช่พวกเธอ คุณจะยอมเชื่อฟังฉันขนาดนี้ได้อย่างไร?”

“แกนี่มันสารเลว!” ไขจี๋เออที่อยู่ข้างๆ นั้นทนฟังต่อไปไม่ไหว เลยชี้ไปที่หน้าของนัยเหลียงพลางด่าขึ้นมาอย่างจริงจัง

ไขจี๋เออคิดว่าตัวเองนั้นแทบจะระเบิดออก พวกเขาทั้งสองนั้นเคยเคารพนัยเหลียงเป็นอย่างมาก คิดว่าเขาเป็นฮีโร่ที่น่าเคารพนับถือเป็นอย่างมาก

แต่สิ่งที่นัยเหลียงพูดในวันนี้ กลับทำให้ฮีโร่ในใจที่ไขจี๋เออมองนั้นเปลี่ยนไปทันตา

“สารเลวงั้นเหรอ?” เมื่อเห็นไขจี๋เออด่าตัวเอง สีหน้าของนัยเหลียงเลยเปลี่ยนไป จากนั้นก็เห็นแขนเสื้อของเขาขยับ ก่อนจะมีเข็มสองเล่มกระเด็นออกมาฉับพลัน

เข็มเงินนั้นมันรวดเร็วจนน่าตกใจ แม้ไขจี๋เออจะเห็นแล้ว แต่ตัวกลับตอบรับอะไรไม่ได้ เลยได้แต่ยืนมองเข็มเงินนั้นแล่นเข้าสู่หัวใจของเขา

“ระวัง!” หลี่ฝางนั้นเมื่อเห็นสถานการณ์ดังนั้นก็รีบดึงไขจี๋เออเอาไว้ จากนั้นก็ใช้อีกมือดึงมีดสั้นออกมา ก่อนจะปัดเข็มเงินสองเล่มนั้นออกไป

เข็มเงินที่ถูกปัดออกไปนั้นพุ่งแทงไปที่แขนของนัยเหลียงอย่างไม่น่าเชื่อ จากนั้นก็มีเสียงดังระเบิดออก นั่นคือแขนของคนคนนั้นถูกระเบิดออกทันที

เสียงร้องเสียดหูพวกหลี่ฝางเป็นอย่างมาก จากนั้นก็มองคนที่เจ็บปวดร้องโอดโอยอยู่ที่พื้น หลี่ฝางเลยขมวดคิ้วแน่น

จากนั้นก็มีการระเบิดเล็กๆ ออกมา

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท