ท่านนายพลหญิงมองชายกล้ามโตที่นอนอยู่ที่พื้น จากนั้นแววตาก็เป็นประกาย ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ พลางพูดกับหญิงในตำหนักที่อยู่ข้างๆ
“เอาเขาไปฝัง จากนั้นก็ให้เงินช่วยเหลือกับครอบครัวของพวกเขาสักหน่อย จัดการให้ดีล่ะ”
หลังจากที่กำชับเสร็จ ท่านนายพลหญิงก็ขึ้นรถไปก่อน หลี่ฝางยืนเงียบอยู่ที่เดิมเล็กน้อย ก่อนจะขึ้นรถก็มองชายกล้ามโตเล็กน้อย ไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร
“คุณคิดว่าฉันไร้ความรู้สึกที่มีต่อกันมากเลยใช่ไหม?” หลังจากที่หลี่ฝางขึ้นรถแล้ว ท่านนายพลหญิงก็ถามคำถามนี้กับเขาขึ้นมาทันที หลี่ฝางในตอนนั้นไม่รู้ว่าควรจะตอบว่าอะไรด้วยซ้ำ
เรื่องนี้จะว่าอย่างไรดี จะบอกว่าไม่มีความรู้สึกก็ไม่ได้ เลยบอกได้เพียงว่าชายกล้ามโตคนนี้อ่อนแอเกินไป เมื่อถูกทิ้ง ก็มีชีวิตต่อไม่ได้แล้วงั้นเหรอ?
จะว่าไป ท่านนายพลหญิงคนนี้ไม่ได้มีชายในคลังเพียงคนเดียวแน่นอน เขารับที่มีชายคนอื่นมาอยู่ข้างกายท่านนายพลหญิงได้ ทำไมรับตัวเองไม่ได้ล่ะ?ทำไมในสถานการณ์แบบนี้ก็ไม่ได้เข้าไปในจวนของท่านนายพลจริงๆ สักหน่อย เดี๋ยวพอได้ของแล้วเขาก็จะรีบไป
เฮ้อ มีคำกล่าวที่ว่าจักรพรรดิมีคนบำเรอสักสามพันคนได้ แต่การมีคนบำเรอที่มากก็ไม่ใช่เรื่องดีอะไร
“ท่านนายพลคุณเป็นคนที่ไม่มีใครเกินในญี่ปุ่น อยากทำอะไรก็ได้ ข้าน้อยหลี่ไม่กล้าตัดสินอะไรไปหรอก”
ท่านนายพลหญิงคนนี้ฆ่าได้อย่างถอนรากถอนโคน แถมใช้วิธีที่น่ากลัวมากอีกด้วย หลี่ฝางเลยไม่กล้าวิจารณ์อะไรมากมาย ถ้าเกิดไปพูดอะไรขัดหูเข้า ตัวเองก็คงอยู่ที่จวนของท่านนายพลโดยเสียเปล่าแล้วไม่ใช่เหรอ?
“เหอะๆ ท่านหลี่นี่ฉลาดจริงๆ เลย ที่จวนของท่านนายพลของฉันนั้น มีบางเรื่องที่คุณต้องทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นบ้างจะดีกว่า อย่ายุ่งเรื่องที่ไม่ควร”
ท่านนายพลหญิงพอใจกับคำตอบของหลี่ฝางมาก จากนั้นก็เอามือของหลี่ฝางไปจับขาของตัวเอง จากนั้นก็เอานิ้ววาดวนเป็นวงกลมในฝ่ามือของเขาอย่างมีเลศนัย
หลี่ฝางรู้สึกขนลุกขึ้นมาทันที ก่อนจะหัวเราะอย่างทำตัวไม่ถูกออกมา และอยากจะชักมือกลับ แต่ท่านนายพลหญิงกลับไม่ให้โอกาสนั้นแก่เขาเลย ก่อนจะจับมือของเขาเอาไว้ไม่ปล่อย
“ท่านหลี่ ในเมื่อคุณตอบตกลงที่จะเข้าไปในจวนของท่านนายพลแล้ว เพื่อมาเป็นคู่ครองของท่านนายพลของฉัน ถ้างั้นคุณอยากจะจัดงานแต่งงานเมื่อไหร่กันล่ะ?”
มือของท่านนายพลหญิงที่จับหลี่ฝางอยู่นั้นค่อยๆ ขยับขึ้นข้างบน หรี่ตาลงเบาๆ จากนั้นก็โน้มตัวเข้ามาใกล้หลี่ฝางมากขึ้นเรื่อยๆ
ในตอนนั้นเอง บรรยากาศในรถก็เปลี่ยนไป อุณหภูมิเองก็เพิ่มมากขึ้นด้วย
หลี่ฝางโน้มตัวของตัวเองไปด้านหลัง เพื่อพยายามรักษาระยะห่างระหว่างทั้งสองคน
“ท่านนายพล พวกเรายังอยู่บนรถนะ คุณทำแบบนี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ใช่ไหมล่ะ?”
เมื่อเห็นหลี่ฝางขัดตัวเองแบบนี้ สีหน้าของท่านนายพลหญิงก็เย็นชา จากนั้นก็เอาขาวางไว้ที่ที่นั่งด้านหลัง พลางมาฟุบบนตัวของหลี่ฝาง
“เพียงแค่คุณเต็มใจยินยอม ถึงจะเป็นบนถนนใหญ่ พวกเราเองก็ทำได้ ไม่มีใครกล้ามาพูดอะไรหรอก”
ให้ตายเถอะ กูไม่เต็มใจไงเล่า!
หลี่ฝางมองท่านนายพลหญิงที่ห่างจากตัวเองไม่ถึงสิบเซนติเมตร เซลล์ทั้งเนื้อทั้งตัวก็กำลังขัดขืน
คนของญี่ปุ่นนี่มันเปิดเผยสบายๆ ขนาดนี้เลยเหรอ?บนถนนก็ได้งั้นเหรอ ยอมใจเลยจริงๆ
“เอ่อ……คือ……พวกเราค่อยเป็นค่อยไปได้ไหม?ฉันเป็นคนหัวโบราณน่ะ พวกเรารู้จักกันให้มากกว่านี้หน่อยไหม?”
หลี่ฝางใช้มือทั้งสองข้างกดไหล่ของท่านนายพลหญิง พลางพูดด้วยความทำตัวไม่ถูก
ภรรยาสองคนนั้นเขาก็เพียงพอแล้ว ท่านนายพลหญิงนี้เขาไม่เอาแล้วล่ะ ถ้าเกิดอารมณ์ไม่ดี แล้วตกดึกฆ่าตัวเองตายไปเลยจะทำอย่างไรล่ะ
“ก็ได้ พวกเราคุยเรื่องแต่งงานกันก่อนก็ได้” ท่านนายพลหญิงเห็นว่าหลี่ฝางไม่ยอมสยบต่อตัวเอง เลยต้องทำลงไปเท่านั้นเอง
เธอคนนี้ หลงใหลและดูแลคนที่ตัวเองรู้สึกดีด้วยเป็นอย่างมาก และไม่มีทางบังคับให้พวกเขาทำอะไรที่ตัวเองไม่อยากทำเลย
หลังจากที่เห็นท่านนายพลหญิงกลับไปนั่งที่ของตัวเองอีกครั้งแล้ว หลี่ฝางก็ถอนหายใจเบาๆ
ยังดีที่ท่านนายพลหญิงคนนี้ไม่ได้แข็งกร้าวดื้อดึงกับเรื่องนี้มาก ไม่อย่างนั้นถ้าถูกฉินวี่เฟยกับหยางฉงรู้เข้า คงจะถลกหนังตัวเองออกเลยล่ะ
“ท่านนายพล ไม่ใช่ว่าฉันจะแต่งเข้าไปในจวนของท่านนายพลไม่ได้ แต่ว่า การคุยเรื่องการแต่งงานมันต้องมีกฎเกณฑ์ด้วย คุณได้ขอแต่งงานและสินสมรสก็ไม่ได้ให้ฉันเลย ฉันจะแต่งงานกับคุณได้อย่างไร?”
ตอนนี้หลี่ฝางคิดหาทุกวิธีที่จะยื้อท่านนายพลหญิงเอาไว้ เขาไม่กล้าจัดงานแต่งงานกับท่านนายพลหญิงหรอก
งานแต่งงานของท่านนายพลหญิงในญี่ปุ่นไม่เพียงที่ญี่ปุ่น แต่มันจะเป็นข่าวดังไปทั่วโลก เดี๋ยวถ้าข่าวการแต่งงานของตัวเองกับท่านนายพลหญิงญี่ปุ่นแพร่ออกไป คงปิดฉินวี่เฟยกับหยางฉงไว้ไม่อยู่
นี่ไม่ใช่เรื่องดีอะไร ดังนั้นไม่ว่าอย่างไรหลี่ฝางก็จะไม่จัดงานแต่งงานกับท่านนายพลหญิงเด็ดขาด
“อ๋อ?คุณอยากได้สินสมรสอะไรล่ะ?เพียงแค่คุณเป็นคู่ครองของท่านนายพล จะเอาทั้งญี่ปุ่นก็ได้เช่นกัน ยังมีอะไรที่คุณไม่พอใจอีกไหม?”
ท่านนายพลหญิงเหมือนจะสนใจในความคิดของหลี่ฝางมาก เลยเลิกคิ้วขึ้น พลางยิ้มแล้วถาม
ถึงแม้เธอจะมีสนมชายราว20กว่าคน แต่ทุกคนก็เป็นคนที่เขาจัดมาให้ ก็เหมือนกับจักรพรรดิในสมัยโบราณที่มีนางสนมนั่งแหละ มันต้องการการขอแต่งงานและสินสมรสเสียที่ไหนกัน?
“ฉันจะเอาญี่ปุ่นไปทำไม?” หลี่ฝางได้ยินสิ่งที่ท่านนายพลหญิงพูดดังนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา เขาไม่ใช่จักรพรรดิสมัยก่อนสักหน่อย แม้ท่านนายพลหญิงจะเอาญี่ปุ่นมาให้เขาทั้งหมด ก็ไม่มีประโยชน์อะไร
“โหลๆ งั้นท่านหลี่อยากได้สินสมรสแบบไหนล่ะ?”
ในโลกนี้มีคนที่ไม่ชอบอำนาจและเงินทองเสียที่ไหนล่ะ?คำตอบของหลี่ฝางนั้นทำให้ท่านนายพลหญิงเปลี่ยนมุมมองไปเล็กน้อย
“ท่านนายพล ไม่ทราบว่าคุณเคยได้ยินคำโบราณนี้ไหม?” หลี่ฝางกลอกตาเล็กน้อย ก่อนจะตั้งใจถามอย่างหลอกลวง
ท่านนายพลหญิงส่ายหัวเบาๆ ก่อนจะพิงที่เบาะหนังแท้อย่างสบายตัว พลางหรี่ตารอฟังคำด้านหลังของหลี่ฝาง
“ประเทศจีนของพวกเรามีคำพูดเก่าแก่ บอกว่าหลงสาวงามมากกว่าทรัพย์สิน ฉันไม่ได้สนใจทรัพย์สินเงินทองอะไรของคุณ ฉันแค่อยากได้ตัวและใจของคุณเท่านั้น”
หลี่ฝางมองท่านนายพลหญิงอย่างมีนัย พลางยิ้มขึ้นอย่างท้าทาย
เมื่อท่านนายพลหญิงได้ยินดังนั้นก็อึ้งไป ก่อนจะหัวเราะขึ้นมา
“ฮ่าๆ ท่านหลี่ ความทะเยอทะยานของคุณไม่เบาเลยนะ อยากได้ใจของฉันเหรอ?ในเมื่อคุณพูดคำโบราณกับฉัน งั้นฉันเองก็จะใช้คำโบราณตอบคุณนะ กษัตริย์ไร้หัวใจ จะมีใจให้ได้อย่างไร?”
คำพูดของหลี่ฝางนั้นไปจี้จุดอ่อนไหวของท่านนายพลหญิงอย่างไม่ตั้งใจ ตั้งแต่เธอเกิดมา ครอบครัวของเธอ ครูของเธอต่างสอนการเป็นกษัตริย์ให้ สอนให้เธอจัดการอย่างเด็ดขาด ลงมืออย่างร้ายกาจ และสอนให้เธอปฏิเสธความรัก
เธอมีอะไรกับผู้ชายมานับไม่ถ้วน แต่กลับไม่รู้จักความรัก
“ท่านนายพล มีคำบางคำที่ไม่รู้ว่าควรพูดออกมาหรือไม่ พูดออกมาอาจจะทำให้คุณไม่พอใจกับมัน ไม่รู้ว่าคุณอยากจะฟังฉันพูดไหม?”
หลี่ฝางจัดท่าทางของตัวเอง เพื่อให้ตัวเองนอนสบายกว่านี้ ก่อนจะเริ่มทำให้ท่านนายพลหญิงติดกับ
ผู้หญิงนั้นมีเซนส์ที่ดีกว่าชายเสมอ แม้ว่าเธอจะเป็นกษัตริย์ หลังจากที่ได้เจอกับความรักนี้ ก็เป็นเพียงผู้หญิงคนหนึ่งเท่านั้นเอง
แต่วิธีที่ทำให้เธอเชื่อฟังตัวเองที่ดีที่สุด คือการทำให้เธอรักตัวเอง