NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1363 ทำให้เธอตกหลุมรักตัวเอง

บทที่ 1363 ทำให้เธอตกหลุมรักตัวเอง

ท่านนายพลหญิงมองชายกล้ามโตที่นอนอยู่ที่พื้น จากนั้นแววตาก็เป็นประกาย ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ พลางพูดกับหญิงในตำหนักที่อยู่ข้างๆ

“เอาเขาไปฝัง จากนั้นก็ให้เงินช่วยเหลือกับครอบครัวของพวกเขาสักหน่อย จัดการให้ดีล่ะ”

หลังจากที่กำชับเสร็จ ท่านนายพลหญิงก็ขึ้นรถไปก่อน หลี่ฝางยืนเงียบอยู่ที่เดิมเล็กน้อย ก่อนจะขึ้นรถก็มองชายกล้ามโตเล็กน้อย ไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร

“คุณคิดว่าฉันไร้ความรู้สึกที่มีต่อกันมากเลยใช่ไหม?” หลังจากที่หลี่ฝางขึ้นรถแล้ว ท่านนายพลหญิงก็ถามคำถามนี้กับเขาขึ้นมาทันที หลี่ฝางในตอนนั้นไม่รู้ว่าควรจะตอบว่าอะไรด้วยซ้ำ

เรื่องนี้จะว่าอย่างไรดี จะบอกว่าไม่มีความรู้สึกก็ไม่ได้ เลยบอกได้เพียงว่าชายกล้ามโตคนนี้อ่อนแอเกินไป เมื่อถูกทิ้ง ก็มีชีวิตต่อไม่ได้แล้วงั้นเหรอ?

จะว่าไป ท่านนายพลหญิงคนนี้ไม่ได้มีชายในคลังเพียงคนเดียวแน่นอน เขารับที่มีชายคนอื่นมาอยู่ข้างกายท่านนายพลหญิงได้ ทำไมรับตัวเองไม่ได้ล่ะ?ทำไมในสถานการณ์แบบนี้ก็ไม่ได้เข้าไปในจวนของท่านนายพลจริงๆ สักหน่อย เดี๋ยวพอได้ของแล้วเขาก็จะรีบไป

เฮ้อ มีคำกล่าวที่ว่าจักรพรรดิมีคนบำเรอสักสามพันคนได้ แต่การมีคนบำเรอที่มากก็ไม่ใช่เรื่องดีอะไร

“ท่านนายพลคุณเป็นคนที่ไม่มีใครเกินในญี่ปุ่น อยากทำอะไรก็ได้ ข้าน้อยหลี่ไม่กล้าตัดสินอะไรไปหรอก”

ท่านนายพลหญิงคนนี้ฆ่าได้อย่างถอนรากถอนโคน แถมใช้วิธีที่น่ากลัวมากอีกด้วย หลี่ฝางเลยไม่กล้าวิจารณ์อะไรมากมาย ถ้าเกิดไปพูดอะไรขัดหูเข้า ตัวเองก็คงอยู่ที่จวนของท่านนายพลโดยเสียเปล่าแล้วไม่ใช่เหรอ?

“เหอะๆ ท่านหลี่นี่ฉลาดจริงๆ เลย ที่จวนของท่านนายพลของฉันนั้น มีบางเรื่องที่คุณต้องทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นบ้างจะดีกว่า อย่ายุ่งเรื่องที่ไม่ควร”

ท่านนายพลหญิงพอใจกับคำตอบของหลี่ฝางมาก จากนั้นก็เอามือของหลี่ฝางไปจับขาของตัวเอง จากนั้นก็เอานิ้ววาดวนเป็นวงกลมในฝ่ามือของเขาอย่างมีเลศนัย

หลี่ฝางรู้สึกขนลุกขึ้นมาทันที ก่อนจะหัวเราะอย่างทำตัวไม่ถูกออกมา และอยากจะชักมือกลับ แต่ท่านนายพลหญิงกลับไม่ให้โอกาสนั้นแก่เขาเลย ก่อนจะจับมือของเขาเอาไว้ไม่ปล่อย

“ท่านหลี่ ในเมื่อคุณตอบตกลงที่จะเข้าไปในจวนของท่านนายพลแล้ว เพื่อมาเป็นคู่ครองของท่านนายพลของฉัน ถ้างั้นคุณอยากจะจัดงานแต่งงานเมื่อไหร่กันล่ะ?”

มือของท่านนายพลหญิงที่จับหลี่ฝางอยู่นั้นค่อยๆ ขยับขึ้นข้างบน หรี่ตาลงเบาๆ จากนั้นก็โน้มตัวเข้ามาใกล้หลี่ฝางมากขึ้นเรื่อยๆ

ในตอนนั้นเอง บรรยากาศในรถก็เปลี่ยนไป อุณหภูมิเองก็เพิ่มมากขึ้นด้วย

หลี่ฝางโน้มตัวของตัวเองไปด้านหลัง เพื่อพยายามรักษาระยะห่างระหว่างทั้งสองคน

“ท่านนายพล พวกเรายังอยู่บนรถนะ คุณทำแบบนี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ใช่ไหมล่ะ?”

เมื่อเห็นหลี่ฝางขัดตัวเองแบบนี้ สีหน้าของท่านนายพลหญิงก็เย็นชา จากนั้นก็เอาขาวางไว้ที่ที่นั่งด้านหลัง พลางมาฟุบบนตัวของหลี่ฝาง

“เพียงแค่คุณเต็มใจยินยอม ถึงจะเป็นบนถนนใหญ่ พวกเราเองก็ทำได้ ไม่มีใครกล้ามาพูดอะไรหรอก”

ให้ตายเถอะ กูไม่เต็มใจไงเล่า!

หลี่ฝางมองท่านนายพลหญิงที่ห่างจากตัวเองไม่ถึงสิบเซนติเมตร เซลล์ทั้งเนื้อทั้งตัวก็กำลังขัดขืน

คนของญี่ปุ่นนี่มันเปิดเผยสบายๆ ขนาดนี้เลยเหรอ?บนถนนก็ได้งั้นเหรอ ยอมใจเลยจริงๆ

“เอ่อ……คือ……พวกเราค่อยเป็นค่อยไปได้ไหม?ฉันเป็นคนหัวโบราณน่ะ พวกเรารู้จักกันให้มากกว่านี้หน่อยไหม?”

หลี่ฝางใช้มือทั้งสองข้างกดไหล่ของท่านนายพลหญิง พลางพูดด้วยความทำตัวไม่ถูก

ภรรยาสองคนนั้นเขาก็เพียงพอแล้ว ท่านนายพลหญิงนี้เขาไม่เอาแล้วล่ะ ถ้าเกิดอารมณ์ไม่ดี แล้วตกดึกฆ่าตัวเองตายไปเลยจะทำอย่างไรล่ะ

“ก็ได้ พวกเราคุยเรื่องแต่งงานกันก่อนก็ได้” ท่านนายพลหญิงเห็นว่าหลี่ฝางไม่ยอมสยบต่อตัวเอง เลยต้องทำลงไปเท่านั้นเอง

เธอคนนี้ หลงใหลและดูแลคนที่ตัวเองรู้สึกดีด้วยเป็นอย่างมาก และไม่มีทางบังคับให้พวกเขาทำอะไรที่ตัวเองไม่อยากทำเลย

หลังจากที่เห็นท่านนายพลหญิงกลับไปนั่งที่ของตัวเองอีกครั้งแล้ว หลี่ฝางก็ถอนหายใจเบาๆ

ยังดีที่ท่านนายพลหญิงคนนี้ไม่ได้แข็งกร้าวดื้อดึงกับเรื่องนี้มาก ไม่อย่างนั้นถ้าถูกฉินวี่เฟยกับหยางฉงรู้เข้า คงจะถลกหนังตัวเองออกเลยล่ะ

“ท่านนายพล ไม่ใช่ว่าฉันจะแต่งเข้าไปในจวนของท่านนายพลไม่ได้ แต่ว่า การคุยเรื่องการแต่งงานมันต้องมีกฎเกณฑ์ด้วย คุณได้ขอแต่งงานและสินสมรสก็ไม่ได้ให้ฉันเลย ฉันจะแต่งงานกับคุณได้อย่างไร?”

ตอนนี้หลี่ฝางคิดหาทุกวิธีที่จะยื้อท่านนายพลหญิงเอาไว้ เขาไม่กล้าจัดงานแต่งงานกับท่านนายพลหญิงหรอก

งานแต่งงานของท่านนายพลหญิงในญี่ปุ่นไม่เพียงที่ญี่ปุ่น แต่มันจะเป็นข่าวดังไปทั่วโลก เดี๋ยวถ้าข่าวการแต่งงานของตัวเองกับท่านนายพลหญิงญี่ปุ่นแพร่ออกไป คงปิดฉินวี่เฟยกับหยางฉงไว้ไม่อยู่

นี่ไม่ใช่เรื่องดีอะไร ดังนั้นไม่ว่าอย่างไรหลี่ฝางก็จะไม่จัดงานแต่งงานกับท่านนายพลหญิงเด็ดขาด

“อ๋อ?คุณอยากได้สินสมรสอะไรล่ะ?เพียงแค่คุณเป็นคู่ครองของท่านนายพล จะเอาทั้งญี่ปุ่นก็ได้เช่นกัน ยังมีอะไรที่คุณไม่พอใจอีกไหม?”

ท่านนายพลหญิงเหมือนจะสนใจในความคิดของหลี่ฝางมาก เลยเลิกคิ้วขึ้น พลางยิ้มแล้วถาม

ถึงแม้เธอจะมีสนมชายราว20กว่าคน แต่ทุกคนก็เป็นคนที่เขาจัดมาให้ ก็เหมือนกับจักรพรรดิในสมัยโบราณที่มีนางสนมนั่งแหละ มันต้องการการขอแต่งงานและสินสมรสเสียที่ไหนกัน?

“ฉันจะเอาญี่ปุ่นไปทำไม?” หลี่ฝางได้ยินสิ่งที่ท่านนายพลหญิงพูดดังนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา เขาไม่ใช่จักรพรรดิสมัยก่อนสักหน่อย แม้ท่านนายพลหญิงจะเอาญี่ปุ่นมาให้เขาทั้งหมด ก็ไม่มีประโยชน์อะไร

“โหลๆ งั้นท่านหลี่อยากได้สินสมรสแบบไหนล่ะ?”

ในโลกนี้มีคนที่ไม่ชอบอำนาจและเงินทองเสียที่ไหนล่ะ?คำตอบของหลี่ฝางนั้นทำให้ท่านนายพลหญิงเปลี่ยนมุมมองไปเล็กน้อย

“ท่านนายพล ไม่ทราบว่าคุณเคยได้ยินคำโบราณนี้ไหม?” หลี่ฝางกลอกตาเล็กน้อย ก่อนจะตั้งใจถามอย่างหลอกลวง

ท่านนายพลหญิงส่ายหัวเบาๆ ก่อนจะพิงที่เบาะหนังแท้อย่างสบายตัว พลางหรี่ตารอฟังคำด้านหลังของหลี่ฝาง

“ประเทศจีนของพวกเรามีคำพูดเก่าแก่ บอกว่าหลงสาวงามมากกว่าทรัพย์สิน ฉันไม่ได้สนใจทรัพย์สินเงินทองอะไรของคุณ ฉันแค่อยากได้ตัวและใจของคุณเท่านั้น”

หลี่ฝางมองท่านนายพลหญิงอย่างมีนัย พลางยิ้มขึ้นอย่างท้าทาย

เมื่อท่านนายพลหญิงได้ยินดังนั้นก็อึ้งไป ก่อนจะหัวเราะขึ้นมา

“ฮ่าๆ ท่านหลี่ ความทะเยอทะยานของคุณไม่เบาเลยนะ อยากได้ใจของฉันเหรอ?ในเมื่อคุณพูดคำโบราณกับฉัน งั้นฉันเองก็จะใช้คำโบราณตอบคุณนะ กษัตริย์ไร้หัวใจ จะมีใจให้ได้อย่างไร?”

คำพูดของหลี่ฝางนั้นไปจี้จุดอ่อนไหวของท่านนายพลหญิงอย่างไม่ตั้งใจ ตั้งแต่เธอเกิดมา ครอบครัวของเธอ ครูของเธอต่างสอนการเป็นกษัตริย์ให้ สอนให้เธอจัดการอย่างเด็ดขาด ลงมืออย่างร้ายกาจ และสอนให้เธอปฏิเสธความรัก

เธอมีอะไรกับผู้ชายมานับไม่ถ้วน แต่กลับไม่รู้จักความรัก

“ท่านนายพล มีคำบางคำที่ไม่รู้ว่าควรพูดออกมาหรือไม่ พูดออกมาอาจจะทำให้คุณไม่พอใจกับมัน ไม่รู้ว่าคุณอยากจะฟังฉันพูดไหม?”

หลี่ฝางจัดท่าทางของตัวเอง เพื่อให้ตัวเองนอนสบายกว่านี้ ก่อนจะเริ่มทำให้ท่านนายพลหญิงติดกับ

ผู้หญิงนั้นมีเซนส์ที่ดีกว่าชายเสมอ แม้ว่าเธอจะเป็นกษัตริย์ หลังจากที่ได้เจอกับความรักนี้ ก็เป็นเพียงผู้หญิงคนหนึ่งเท่านั้นเอง

แต่วิธีที่ทำให้เธอเชื่อฟังตัวเองที่ดีที่สุด คือการทำให้เธอรักตัวเอง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท