“จื่อยี ไม่เป็นไรหรอก เราเป็นพวกที่ไม่สำคัญอยู่แล้ว ไม่ได้ปรนนิบัติคนอื่นคนไกลสักหน่อย ถึงแม้ท่านหลี่จะดูเข้าหายากสักหน่อย แต่เพียงแค่ฉันจัดการเรื่องของฉันได้ดี ฉันคิดว่าเขาคงไม่ตั้งใจทำให้ฉันต้องลำบากหรอก”
เมื่อได้ยินคำของคิริน ยาโกะ ชายอายุมากหน่อยที่อยู่ข้างๆ ก็เปิดปากพูด พลางกรีดมือแล้วจับคอพลางพูดขึ้น
“ฉันว่านะ ยาโกะ คุณเข้ามาในจวนนี้ปีกว่าแล้ว ทำไมความคิดยังใสซื่ออยู่อีก?ถ้าท่านหลี่เป็นคนดีจริง คุณท่านของเราคงจะไม่ต้องตายเพราะคำพูดไม่กี่คำของเขาหรอก คุณคิดให้มากกว่านี้หน่อยเถอะ!การตามติดท่านหลี่ไปคงไม่มีทางจบสวยแน่ๆ”
คำพูดของชายคนนั้นทำให้จื่อยียิ่งร้อนรนเข้าไปใหญ่ อายุยังน้อยไม่รู้จักโลก เมื่อร้อนใจก็เบ้าตาแดงก่ำ
“แล้ว……แล้วจะทำอย่างไรดีล่ะ?ยาโกะเขาพูดอะไรโง่ๆ พูดอะไรไม่เป็น คุณว่าถ้าท่านหลี่โกรธขึ้นมา จะฆ่ายาโกะตายเลยหรือเปล่าเนี่ย?”
ตอนแรกคิริน ยาโกะก็ยังไม่ได้กลับเท่าไหร่ แต่เมื่อได้มาฟังสิ่งที่พวกจื่อยีพูดไปพูดมา ในใจก็เกิดความกลัวขึ้นมาเล็กน้อย
เขากลืนน้ำลายอึกใหญ่ เพื่อเพิ่มความกล้าให้กับตัวเอง ก่อนจะปลอบใจตัวเองและก็ปลอบใจพวกจื่อยีไปด้วย
“วางใจเถอะ ถึงแม้ฉันจะชอบพูดอะไรโง่ๆ แต่ก็รู้ว่าอะไรควรพูดไม่ควรพูด ถ้าเกิดฉันถูกท่านหลี่ฆ่าจริงๆ ก็บอกได้แค่ว่าฉันโชคไม่ดี พวกคุณอย่ากังวลแทนฉันไปมั่วๆ เลยรีบหาโอกาสในการเข้าหาท่านเจียเหอหรือไม่ก็ท่านฮัวเหลียนเถอะ”
“เรื่องที่ฉันต้องไปปรนนิบัติท่านหลี่นั้นได้กำหนดเอาไว้แล้ว มันเปลี่ยนอะไรไม่ได้แล้ว แต่พวกคุณนั้นไม่เหมือนกับ ครั้งนี้พวกคุณต้องเลือกคนให้ถูก อย่าได้เหมือนกับเมื่อก่อนหน้า ไม่อย่างนั้นเราจะต้องเป็นคนระดับล่างไปตลอดชีวิต”
หลังจากที่ได้ยินคำของคิริน ยาโกะ พวกจื่อยีก็ทยอยก้มหัวลง
พูดน่ะมันง่าย การจะประจบเจียเหอกับจื่อยีนั้น ในความเป็นจริงมันไม่ง่ายเลย
ก่อนหน้านี้ที่พวกเขาติดตามชายกล้ามโตนั้น มีคนไม่น้อยเลยที่เป็นคู่อริกับเจียเหอแล้วก็จื่อยี ถ้าอยากจะเข้าพึ่งพิง เกรงว่าจะได้เจอดีจากพวกเขา
“เห้อ ตอนแรกคิดว่าพอได้เข้าจวนของท่านนายพล แล้วมาเป็นสนมชายของท่านนายพล จะสามารถเปลี่ยนโชคชะตาคนระดับล่างได้ แต่ใครจะไปรู้ว่า ถึงจะเข้ามาในจวนของท่านนายพลแล้ว แต่ก็ยังเหมือนเมื่อก่อน นั่นคือการปรนนิบัติคนอื่น”
จื่อยีถอนหายใจเสียงหนัก ก่อนจะบ่นออกมาด้วยความเศร้าใจ
“เอาล่ะ ตอนนี้พูดไปก็ไม่มีประโยชน์ ยาโกะ คุณรักษาตัวให้ดี มีอะไรก็บอกเราได้ เราจะช่วยแน่นอน ตอนนี้ฉันไม่คุยกับคุณแล้วนะ ฉันจะไปห้องครัวเพื่อเตรียมของหวานที่ชอบให้ท่านฮัวเหลียน”
ชายที่อายุมากสักหน่อยโบกไม้โบกมืออย่างหมดความอดทน ไม่อยากจะพูดอะไรแบบนี้อีก ก่อนจะบอกลาคิริน ยาโกะอย่างรวดเร็วพลางจากไป
เมื่อเทียบจื่อยีกับเขาแล้วรู้จักมารยาทความชอบธรรมมากกว่า หลังจากที่คนมากมายไปแล้ว เขาก็จับมือคิริน ยาโกะด้วยใบหน้าเป็นห่วง
“ยาโกะ ถ้าไม่ไหวจริงๆ ฉันจะไปบอกท่านเจียเหอ แล้วพวกเราไปปรนนิบัติท่านหลี่ด้วยกันเถอะ สมองของฉันไวกว่าคุณ ถ้าเกิดคุณทำอะไรหรือพูดอะไรผิดไป ฉันยังช่วยเสริมให้ได้ทันเวลานะ”
เห็นได้เลย ว่าจื่อยีนั้นเห็นคิริน ยาโกะเป็นเพื่อนจริงๆ แถมยังยินดีจะไปปรนนิบัติหลี่ฝางกับเขาด้วย
แต่คิริน ยาโกะกลับปฏิเสธความหวังดีของเขา ก่อนจะตบบ่าของจื่อยีเบาๆ แล้วยิ้มพลางพูดขึ้น
“ไม่เป็นไร ฉันไปคนเดียวก็ได้ ตอนนี้ท่านหลี่มีปัญหากับท่านทั้งสองแล้ว การติดตามเขามันจะต้องไม่ใช่เรื่องดีอะไรแน่ๆ ความลำบากนี้ให้ฉันได้รับมันคนเดียวก็พอแล้ว คุณติดตามท่านเจียเหอไปเถอะ”
อย่ามองว่าจื่อยีนั้นอายุยังน้อย แต่หน้าตากับหุ่นนั้นโดดเด่นเป็นอย่างมาก ตอนนี้ยังไม่โตเต็มวัย แต่ก็โดดเด่นในกลุ่มของสนมชายแล้ว เดี๋ยวโตขึ้น จะต้องดูดีกว่าฮัวเหลียนแน่ๆ
ตอนแรกท่านนายพลหญิงก็ชอบเขาตั้งแต่แรกเห็นแล้ว แต่เห็นว่าจื่อยียังอายุน้อย เลยไม่ได้เรียกเขาเข้าไปปรนนิบัติในห้องนอน
ตอนแรกเจียเหออยากจะดึงจื่อยีมาเป็นน้องชายของตัวเอง แต่เพราะชายกล้ามโตเป็นคนที่มีคุณต่อจื่อยี ดังนั้นจื่อยีเลยปฏิเสธการชักชวนของเจียเหอ ก่อนจะเป็นลูกน้องของชายกล้ามโต
ส่วนฮัวเหลียนอิจฉาหน้าตาจื่อยีมาตลอด เลยคิดหาวิธีจะกำจัดจื่อยีให้ได้ ก่อนหน้านี้มีชายกล้ามโตปกป้อง จื่อยีเลยมีชีวิตที่ดีกว่าคนที่เข้ามาในจวนใหม่ๆ
ตอนนี้ชายกล้ามโตตายแล้ว ถ้าเกิดจื่อยีอยากมีอยู่ที่จวนของท่านนายพลต่อไป เขาจะต้องมาเพิ่งเจียเหอ ถ้าเกิดไม่มีเจียเหอคอยปกป้อง จะช้าหรือเร็วจื่อยีก็จะต้องถูกฮัวเหลียนฆ่าตายอยู่ดี
“เหอะ ถ้าไม่ใช่ว่าตอนนี้ฉันยังเด็ก ยังไม่ปีกกล้าขาแข็ง ฉันจะมาอยู่ภายใต้พวกเขาสองคนนี้เหรอ?ชีวิตแบบนี้น่ะฉันใช้มามากพอแล้ว ยาโกะ คุณรอหน่อยนะ จะต้องมีสักวัน ที่ฉันจะต้องนั่งอยู่บนตำแหน่งคู่ครองของนายพลให้ได้ เดี๋ยวถึงตอนนั้น เราสองพี่น้องจะต้องร่วมมือกัน/ดูแลจวนของท่านนายพลให้ได้!”
เมื่อมองแววตาที่ทะเยอทะยานจนปิดเอาไว้ไม่อยู่ของจื่อยี ในใจของคิริน ยาโกะก็รู้สึกกลัวเป็นอย่างมาก เลยถอนหลังออกไปครึ่งก้าวอย่างคุมไม่อยู่
“เป็นอะไรไป?ทำไมตอนเช้าแบบนี้ยังตกใจจนเหงื่อแตกอยู่อีก?ถ้าคุณไม่อยากไปปรนนิบัติท่านหลี่จริงๆ ฉันจะไปขอร้องให้ได้ไปแทนท่านเจียเหอเอง”
จื่อยีนั้นมองท่าทีแปลกไปของคิริน ยาโกะไม่ออก ยังคิดว่าเขากลัวที่จะต้องไปปรนนิบัติหลี่ฝางเลยมีสีหน้าดูไม่ได้แบบนี้ จากนั้นเลยเช็ดเหงื่อบนหน้าผากให้เขา จากนั้นจึงจูงมือของคิริน ยาโกะก่อนจะเดินไปทางที่พักของเจียเหอ
คิริน ยาโกะเห็นว่าเขาเข้าใจผิดแล้ว เลยรีบดึงจื่อยีเอาไว้
“ฉันไม่ได้กลัว คุณไม่ต้องมายุ่งกับฉันหรอก ท่านเจียเหอเขาเคารพคุณมาก ถ้าเกิดคุณเชื่อฟังเขาดีๆ จะมีสักวันที่ได้ลืมตาอ้าปาก แต่ฉันไม่ใช่ หน้าตาก็ไม่ได้ดี แถมหุ่นเองก็ไม่ได้ดีเด่อะไร นอกจากนี้ปากยังไม่ดีอีกพูดอะไรก็ไม่เป็น ท่านเจียเหอเขาไม่มีทางสนใจคนไร้ประโยชน์หรอก”
“จื่อยี เราเข้ามาที่จวนนี้ด้วยกัน คุณเป็นคนเดียวที่ฉันเชื่อในจวนแห่งนี้ แล้วก็เป็นคนเดียวที่ฉันแคร์ คุณจะต้องอยู่ดีนะ เมื่อคุณอยู่ดี ฉันถึงจะดีไปด้วยได้”
เมื่อเห็นว่าไม่ว่าอย่างไรคิริน ยาโกะก็ไม่เห็นด้วยที่จะให้ตัวเองไปหาเจียเหอ สุดท้ายจื่อยีเลยทำได้เพียงเลิกทำเท่านั้น
“คุณไม่ให้ฉันไปหาท่านเจียเหอ งั้นฉันก็จะไปเจอท่านหลี่กับคุณได้ใช่ไหม?ถ้าเกิดเขาจะแกล้งอะไรคุณ ฉันจะได้รีบพาคุณไป”
จื่อยียอมสุดๆ แล้ว เขาอายุพอๆ กับคิริน ยาโกะ แถมยังเข้ามาในจวนพร้อมๆ กันด้วย ตอนที่เขาไร้หนทางมากที่สุด และเจ็บปวดมากที่สุด ก็มีคิริน ยาโกะที่คอยอยู่ข้างๆ เขา
พูดได้ว่า คิริน ยาโกะนั้นสำคัญมากในใจของจื่อยี
เมื่อรู้ว่าตัวเองไม่สามารถขัดจื่อยีไปได้ คิริน ยาโกะเองก็ไม่หัวรั้น ทั้งสองคนเลยคล้องมือกันเพื่อไปหาหลี่ฝาง
หลี่ฝางในตอนนี้ยังไม่รู้ว่าเจียเหอจะจัดคนให้มาดูแลติดตามตัวเองแบบนี้ เขาที่ไม่รู้ว่าตัวเองพักที่ไหนเลยเลือกที่จะเดินเล่นในจวนของท่านนายพล
อีกอย่าง ห้องพักของตระกูลของราชวงศ์นั้นไม่เหมือนกัน ถึงแม้ตอนที่สร้างสถานตากอากาศนั้นเขาเองก็ลงเงินมหาศาล ทั้งสภาพแวดล้อมต่างดูดีไปหมด แต่เมื่อมาเทียบกับคฤหาสน์ที่สร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว มันขาดประวัติศาสตร์อันยาวนานไป
“ท่านหลี่” ในตอนที่หลี่ฝางถืออาหารปลาคาร์ฟพลางป้อนอาหารอยู่ที่ริมบ่อ ก็มีเสียงสองเสียงดังมาจากด้านหลัง จนเขาตกใจขึ้นมาทันที