NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1368 คิริน ยาโกะ

บทที่ 1368 คิริน ยาโกะ

“จื่อยี ไม่เป็นไรหรอก เราเป็นพวกที่ไม่สำคัญอยู่แล้ว ไม่ได้ปรนนิบัติคนอื่นคนไกลสักหน่อย ถึงแม้ท่านหลี่จะดูเข้าหายากสักหน่อย แต่เพียงแค่ฉันจัดการเรื่องของฉันได้ดี ฉันคิดว่าเขาคงไม่ตั้งใจทำให้ฉันต้องลำบากหรอก”

เมื่อได้ยินคำของคิริน ยาโกะ ชายอายุมากหน่อยที่อยู่ข้างๆ ก็เปิดปากพูด พลางกรีดมือแล้วจับคอพลางพูดขึ้น

“ฉันว่านะ ยาโกะ คุณเข้ามาในจวนนี้ปีกว่าแล้ว ทำไมความคิดยังใสซื่ออยู่อีก?ถ้าท่านหลี่เป็นคนดีจริง คุณท่านของเราคงจะไม่ต้องตายเพราะคำพูดไม่กี่คำของเขาหรอก คุณคิดให้มากกว่านี้หน่อยเถอะ!การตามติดท่านหลี่ไปคงไม่มีทางจบสวยแน่ๆ”

คำพูดของชายคนนั้นทำให้จื่อยียิ่งร้อนรนเข้าไปใหญ่ อายุยังน้อยไม่รู้จักโลก เมื่อร้อนใจก็เบ้าตาแดงก่ำ

“แล้ว……แล้วจะทำอย่างไรดีล่ะ?ยาโกะเขาพูดอะไรโง่ๆ พูดอะไรไม่เป็น คุณว่าถ้าท่านหลี่โกรธขึ้นมา จะฆ่ายาโกะตายเลยหรือเปล่าเนี่ย?”

ตอนแรกคิริน ยาโกะก็ยังไม่ได้กลับเท่าไหร่ แต่เมื่อได้มาฟังสิ่งที่พวกจื่อยีพูดไปพูดมา ในใจก็เกิดความกลัวขึ้นมาเล็กน้อย

เขากลืนน้ำลายอึกใหญ่ เพื่อเพิ่มความกล้าให้กับตัวเอง ก่อนจะปลอบใจตัวเองและก็ปลอบใจพวกจื่อยีไปด้วย

“วางใจเถอะ ถึงแม้ฉันจะชอบพูดอะไรโง่ๆ แต่ก็รู้ว่าอะไรควรพูดไม่ควรพูด ถ้าเกิดฉันถูกท่านหลี่ฆ่าจริงๆ ก็บอกได้แค่ว่าฉันโชคไม่ดี พวกคุณอย่ากังวลแทนฉันไปมั่วๆ เลยรีบหาโอกาสในการเข้าหาท่านเจียเหอหรือไม่ก็ท่านฮัวเหลียนเถอะ”

“เรื่องที่ฉันต้องไปปรนนิบัติท่านหลี่นั้นได้กำหนดเอาไว้แล้ว มันเปลี่ยนอะไรไม่ได้แล้ว แต่พวกคุณนั้นไม่เหมือนกับ ครั้งนี้พวกคุณต้องเลือกคนให้ถูก อย่าได้เหมือนกับเมื่อก่อนหน้า ไม่อย่างนั้นเราจะต้องเป็นคนระดับล่างไปตลอดชีวิต”

หลังจากที่ได้ยินคำของคิริน ยาโกะ พวกจื่อยีก็ทยอยก้มหัวลง

พูดน่ะมันง่าย การจะประจบเจียเหอกับจื่อยีนั้น ในความเป็นจริงมันไม่ง่ายเลย

ก่อนหน้านี้ที่พวกเขาติดตามชายกล้ามโตนั้น มีคนไม่น้อยเลยที่เป็นคู่อริกับเจียเหอแล้วก็จื่อยี ถ้าอยากจะเข้าพึ่งพิง เกรงว่าจะได้เจอดีจากพวกเขา

“เห้อ ตอนแรกคิดว่าพอได้เข้าจวนของท่านนายพล แล้วมาเป็นสนมชายของท่านนายพล จะสามารถเปลี่ยนโชคชะตาคนระดับล่างได้ แต่ใครจะไปรู้ว่า ถึงจะเข้ามาในจวนของท่านนายพลแล้ว แต่ก็ยังเหมือนเมื่อก่อน นั่นคือการปรนนิบัติคนอื่น”

จื่อยีถอนหายใจเสียงหนัก ก่อนจะบ่นออกมาด้วยความเศร้าใจ

“เอาล่ะ ตอนนี้พูดไปก็ไม่มีประโยชน์ ยาโกะ คุณรักษาตัวให้ดี มีอะไรก็บอกเราได้ เราจะช่วยแน่นอน ตอนนี้ฉันไม่คุยกับคุณแล้วนะ ฉันจะไปห้องครัวเพื่อเตรียมของหวานที่ชอบให้ท่านฮัวเหลียน”

ชายที่อายุมากสักหน่อยโบกไม้โบกมืออย่างหมดความอดทน ไม่อยากจะพูดอะไรแบบนี้อีก ก่อนจะบอกลาคิริน ยาโกะอย่างรวดเร็วพลางจากไป

เมื่อเทียบจื่อยีกับเขาแล้วรู้จักมารยาทความชอบธรรมมากกว่า หลังจากที่คนมากมายไปแล้ว เขาก็จับมือคิริน ยาโกะด้วยใบหน้าเป็นห่วง

“ยาโกะ ถ้าไม่ไหวจริงๆ ฉันจะไปบอกท่านเจียเหอ แล้วพวกเราไปปรนนิบัติท่านหลี่ด้วยกันเถอะ สมองของฉันไวกว่าคุณ ถ้าเกิดคุณทำอะไรหรือพูดอะไรผิดไป ฉันยังช่วยเสริมให้ได้ทันเวลานะ”

เห็นได้เลย ว่าจื่อยีนั้นเห็นคิริน ยาโกะเป็นเพื่อนจริงๆ แถมยังยินดีจะไปปรนนิบัติหลี่ฝางกับเขาด้วย

แต่คิริน ยาโกะกลับปฏิเสธความหวังดีของเขา ก่อนจะตบบ่าของจื่อยีเบาๆ แล้วยิ้มพลางพูดขึ้น

“ไม่เป็นไร ฉันไปคนเดียวก็ได้ ตอนนี้ท่านหลี่มีปัญหากับท่านทั้งสองแล้ว การติดตามเขามันจะต้องไม่ใช่เรื่องดีอะไรแน่ๆ ความลำบากนี้ให้ฉันได้รับมันคนเดียวก็พอแล้ว คุณติดตามท่านเจียเหอไปเถอะ”

อย่ามองว่าจื่อยีนั้นอายุยังน้อย แต่หน้าตากับหุ่นนั้นโดดเด่นเป็นอย่างมาก ตอนนี้ยังไม่โตเต็มวัย แต่ก็โดดเด่นในกลุ่มของสนมชายแล้ว เดี๋ยวโตขึ้น จะต้องดูดีกว่าฮัวเหลียนแน่ๆ

ตอนแรกท่านนายพลหญิงก็ชอบเขาตั้งแต่แรกเห็นแล้ว แต่เห็นว่าจื่อยียังอายุน้อย เลยไม่ได้เรียกเขาเข้าไปปรนนิบัติในห้องนอน

ตอนแรกเจียเหออยากจะดึงจื่อยีมาเป็นน้องชายของตัวเอง แต่เพราะชายกล้ามโตเป็นคนที่มีคุณต่อจื่อยี ดังนั้นจื่อยีเลยปฏิเสธการชักชวนของเจียเหอ ก่อนจะเป็นลูกน้องของชายกล้ามโต

ส่วนฮัวเหลียนอิจฉาหน้าตาจื่อยีมาตลอด เลยคิดหาวิธีจะกำจัดจื่อยีให้ได้ ก่อนหน้านี้มีชายกล้ามโตปกป้อง จื่อยีเลยมีชีวิตที่ดีกว่าคนที่เข้ามาในจวนใหม่ๆ

ตอนนี้ชายกล้ามโตตายแล้ว ถ้าเกิดจื่อยีอยากมีอยู่ที่จวนของท่านนายพลต่อไป เขาจะต้องมาเพิ่งเจียเหอ ถ้าเกิดไม่มีเจียเหอคอยปกป้อง จะช้าหรือเร็วจื่อยีก็จะต้องถูกฮัวเหลียนฆ่าตายอยู่ดี

“เหอะ ถ้าไม่ใช่ว่าตอนนี้ฉันยังเด็ก ยังไม่ปีกกล้าขาแข็ง ฉันจะมาอยู่ภายใต้พวกเขาสองคนนี้เหรอ?ชีวิตแบบนี้น่ะฉันใช้มามากพอแล้ว ยาโกะ คุณรอหน่อยนะ จะต้องมีสักวัน ที่ฉันจะต้องนั่งอยู่บนตำแหน่งคู่ครองของนายพลให้ได้ เดี๋ยวถึงตอนนั้น เราสองพี่น้องจะต้องร่วมมือกัน/ดูแลจวนของท่านนายพลให้ได้!”

เมื่อมองแววตาที่ทะเยอทะยานจนปิดเอาไว้ไม่อยู่ของจื่อยี ในใจของคิริน ยาโกะก็รู้สึกกลัวเป็นอย่างมาก เลยถอนหลังออกไปครึ่งก้าวอย่างคุมไม่อยู่

“เป็นอะไรไป?ทำไมตอนเช้าแบบนี้ยังตกใจจนเหงื่อแตกอยู่อีก?ถ้าคุณไม่อยากไปปรนนิบัติท่านหลี่จริงๆ ฉันจะไปขอร้องให้ได้ไปแทนท่านเจียเหอเอง”

จื่อยีนั้นมองท่าทีแปลกไปของคิริน ยาโกะไม่ออก ยังคิดว่าเขากลัวที่จะต้องไปปรนนิบัติหลี่ฝางเลยมีสีหน้าดูไม่ได้แบบนี้ จากนั้นเลยเช็ดเหงื่อบนหน้าผากให้เขา จากนั้นจึงจูงมือของคิริน ยาโกะก่อนจะเดินไปทางที่พักของเจียเหอ

คิริน ยาโกะเห็นว่าเขาเข้าใจผิดแล้ว เลยรีบดึงจื่อยีเอาไว้

“ฉันไม่ได้กลัว คุณไม่ต้องมายุ่งกับฉันหรอก ท่านเจียเหอเขาเคารพคุณมาก ถ้าเกิดคุณเชื่อฟังเขาดีๆ จะมีสักวันที่ได้ลืมตาอ้าปาก แต่ฉันไม่ใช่ หน้าตาก็ไม่ได้ดี แถมหุ่นเองก็ไม่ได้ดีเด่อะไร นอกจากนี้ปากยังไม่ดีอีกพูดอะไรก็ไม่เป็น ท่านเจียเหอเขาไม่มีทางสนใจคนไร้ประโยชน์หรอก”

“จื่อยี เราเข้ามาที่จวนนี้ด้วยกัน คุณเป็นคนเดียวที่ฉันเชื่อในจวนแห่งนี้ แล้วก็เป็นคนเดียวที่ฉันแคร์ คุณจะต้องอยู่ดีนะ เมื่อคุณอยู่ดี ฉันถึงจะดีไปด้วยได้”

เมื่อเห็นว่าไม่ว่าอย่างไรคิริน ยาโกะก็ไม่เห็นด้วยที่จะให้ตัวเองไปหาเจียเหอ สุดท้ายจื่อยีเลยทำได้เพียงเลิกทำเท่านั้น

“คุณไม่ให้ฉันไปหาท่านเจียเหอ งั้นฉันก็จะไปเจอท่านหลี่กับคุณได้ใช่ไหม?ถ้าเกิดเขาจะแกล้งอะไรคุณ ฉันจะได้รีบพาคุณไป”

จื่อยียอมสุดๆ แล้ว เขาอายุพอๆ กับคิริน ยาโกะ แถมยังเข้ามาในจวนพร้อมๆ กันด้วย ตอนที่เขาไร้หนทางมากที่สุด และเจ็บปวดมากที่สุด ก็มีคิริน ยาโกะที่คอยอยู่ข้างๆ เขา

พูดได้ว่า คิริน ยาโกะนั้นสำคัญมากในใจของจื่อยี

เมื่อรู้ว่าตัวเองไม่สามารถขัดจื่อยีไปได้ คิริน ยาโกะเองก็ไม่หัวรั้น ทั้งสองคนเลยคล้องมือกันเพื่อไปหาหลี่ฝาง

หลี่ฝางในตอนนี้ยังไม่รู้ว่าเจียเหอจะจัดคนให้มาดูแลติดตามตัวเองแบบนี้ เขาที่ไม่รู้ว่าตัวเองพักที่ไหนเลยเลือกที่จะเดินเล่นในจวนของท่านนายพล

อีกอย่าง ห้องพักของตระกูลของราชวงศ์นั้นไม่เหมือนกัน ถึงแม้ตอนที่สร้างสถานตากอากาศนั้นเขาเองก็ลงเงินมหาศาล ทั้งสภาพแวดล้อมต่างดูดีไปหมด แต่เมื่อมาเทียบกับคฤหาสน์ที่สร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว มันขาดประวัติศาสตร์อันยาวนานไป

“ท่านหลี่” ในตอนที่หลี่ฝางถืออาหารปลาคาร์ฟพลางป้อนอาหารอยู่ที่ริมบ่อ ก็มีเสียงสองเสียงดังมาจากด้านหลัง จนเขาตกใจขึ้นมาทันที

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท